ม่านบาดาล

72.0K · ยังไม่จบ
คล้ายโฉม,ปีย์วรา,ผกาย,ฆายณีย์,คิมโบชุก
89
บท
1.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

สิ่งที่มองไม่เห็นใช่ว่าจะไม่มีจริง สิ่งที่เห็นด้วยตาบางครั้งก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาตร์ หากไม่เชื่ออย่าคิดลบหลู่เพราะบางทีสิ่งเหล่านั้นอาจทำให้หมดลมหายใจได้

นิยายรักโรแมนติกนิยายสยองขวัญ

บทที่ 1 พายุ

สายฝนกระหน่ำราวกับฟ้ารั่ว ลมพายุพัดแบบจะพังทุกอย่างให้ราบไปกับพื้นดิน น้ำขุ่นข้นหมุนวน คลื่นลูกใหญ่พัดเป็นระรอกน่ากลัว คนขับเรือหางยาวควบคุมเรือไม่ได้ ลูกคลื่นกระแทกเข้าใส่กาบเรือจนเรือโคลงเคลง เสียงร้องของลูกเรือดังแข่งกับสายฝน

“อ๊าย อ๊าย อ๊าย...”

“ใจเย็นๆ ครับ อย่าร้องครับ อยู่นิ่งๆ ไม่งั้นเราผ่านไปไม่ได้นะครับ ใจเย็นๆ นะครับ”

มานพเจ้าของเรือหางยาวตะโกนแข่งกับเสียงร้องของหญิงสาว 5 คนบนเรือ หนุ่มใหญ่ขับเรือหางยาวพานักท่องเที่ยวชมริมฝั่งแม่น้ำโขงมานานกว่า 30 ปี เขาเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแต่เขาก็สามารถประคับประคองเรือกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย หากผู้โดยสารทำตามคำสั่งของเขา

แต่ครั้งนี้ นอกจากผู้โดยสารสาวหวาดกลัวส่งเสียงร้องกับแรงกระทบของคลื่นลูกใหญ่แล้ว ชายหนุ่มอีก 3 คนยังบังคับความกลัวไม่อยู่ นั่งนิ่งไม่ได้

“น้า รีบกลับเข้าฝั่งเร็วๆ สิ”

อนุพนธ์ตะโกนสั่งคนขับเรือ ใบหน้าของเขาซีดไร้สีเลือดมือจับขอบเรือแน่น มานพตะโกนตอบกลับมา

“คุณนั่งนิ่งๆ ได้มั้ย อย่าขยับ ฟังผมกันบ้างสิครับ ถ้าไม่อยากตาย”

“น้าทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ พวกเรากลัวนะครับ เราไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้”

ชลชาติเตือนสติคนขับเรือ ความโกรธจะยิ่งทำให้การบังคับเรือเป็นไปในทางเลวร้าย มานพนิ่งไปเขาไม่เคยใจร้อนอย่างนี้ เขาควบคุมได้แต่ทำไมครั้งนี้จึงรู้สึกเหมือนหมดแรง มือที่บังคับคันเร่งเครื่อง ปวดไปทุกนิ้ว ใบหน้าถูกเม็ดฝนปะทะจนเจ็บระบม

เรือของเขาไม่มีหลังคา นักท่องเที่ยวต้องการเห็นทัศนียภาพโดยไม่ต้องการหลังคาบังแดด ทุกคนเตรียมหมวกมาสวมกันแดด เสื้อชูชีพแจกให้ใส่เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร มานพไม่ขัดกฎระเบียบของนายท่า เขาพานักท่องเที่ยวชมความงดงามตามชายฝั่งโขงมาแล้วนับเที่ยวเรือไม่ถ้วน ครั้งนี้เขาจะพาเรือฝ่าวิกฤตไปให้ได้ พานักท่องเที่ยวที่เป็นแพทย์ทั้ง 8 คนกลับเข้าฝั่งอย่างปลอดภัยให้ได้

“ผมขอโทษ พวกคุณควรทำตามที่ผมบอก นั่งนิ่งๆ ไม่ต้องร้องนะครับ ไม่ต้องร้อง ผมจะพากลับฝั่งเดี๋ยวนี้”

เขาตะโกนตอบชายหนุ่มคนหลังที่พูดจาน่าฟังกว่าคนก่อน ไวทินยกมือห้ามเพื่อนสาวที่ส่งเสียงตามแรงกระแทกของคลื่นยักษ์ ในความรู้สึกของเขาขณะนี้ เขาไม่เคยเห็นคลื่นในแม่น้ำใหญ่เท่านี้มาก่อน หากเป็นทะเล เขาจะไม่กลัวเท่านี้ ทั้งลมพายุที่พัดเม็ดฝนเม็ดใหญ่ๆ ตีใบหน้าเจ็บจนชาและท้องฟ้ามืดครึ้ม ฟ้าแลบสลับกับเสียงเปรี๊ยะเสียงครืนมันบาดเข้าไปในหัวใจ ทุกอย่างรอบตัวบอกถึงอันตราย ทำไมเพื่อนสาวๆ ของเขาจะไม่กรีดร้องล่ะแม้แต่เขายังกลัวจนเกร็งแต่เขาต้องห้ามเพื่อน

“หยุดร้อง ใจเย็นๆ ไอ้นีรา ไอ้วิ ไอ้ดา ไอ้หมี ไอ้มัท หยุด กูบอกให้หยุด”

เขาตะโกนสุดเสียง สาวๆ หยุดร้องแต่วินาทีนั้นอนุพนธ์ลุกยืน น้ำหนักเท้าเหยียบพื้นเรือไม่เท่ากันร่างเซเอนไปทางซ้ายและตกลงในน้ำอย่างรวดเร็ว

“ไอ้นุ”

ชลชาติร้องเสียงดังพร้อมกับผวาคว้าแขนเพื่อนรักไว้ช่วงเวลาที่มานพกลัวเกิดขึ้นและมันรวดเร็วกว่าที่เขาจะทันทำอะไร เรือถูกถ่วงน้ำหนักจากคนที่ตกจากเรือและเสียงร้องหวาดกลัวทำให้ไม่มีใครสนใจฝืนตัวเองไปอีกด้านเพื่อให้เรือทรงตัวอยู่ได้ น้ำหนักจึงเทไปทางเดียว ไวทินพูดไม่ออกเมื่อคลื่นยักษ์โถมใส่เรือทั้งลำ

“โอ๊ย..”

“อ๊าย อ๊าย อ๊าย”

เสียงร้องดังมาจากชลชาติ ร่างของเขาถูกคลื่นกระแทกกระเด็นไปอีกฝั่งของเรือ มานพตะโกนออกไปสุดเสียง

“ตั้งสติ พยุงตัวไว้ พยุงตัวไว้ อย่ากลัว อย่ากลัว”

เสียงหวีดว้ายยังคงดังอยู่ ไวทินมีสติมากกว่าเพื่อนๆ ทั้งที่กลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น เขาคว้าแขนลักษมีได้คนแรก

“ไอ้หมีลอยตัวไว้ อย่าฝืน ไอ้ดา ไอ้มัท ไอ้วิ ไอ้นีราตั้งสติ ไอ้นุ ตั้งสติไว้”

เสียงไวทินขาดหายไป ร่างทุกร่างและเรือลอยละลิ่วตามสายน้ำเชี่ยว ฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมา แสงวาบเข้าตานีรา หล่อนมองเห็นชลชาติยกมือโผล่จากน้ำ หล่อนพยายามว่ายตามเขาและคว้ามือเขาไว้ได้ แสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงดังสนั่น

“เปรี้ยง...”