บทที่ 4 ไม่ใช่
อนุพนธ์ วิภาวีและลักษมีมองไปที่สีส้มลอยเหนือน้ำอยู่ข้างหน้า เรือแล่นใกล้สีส้มเข้าไปทุกขณะ หัวใจของหนึ่งหนุ่มกับสองสาวเต้นแรง พวกเขาแทบลืมหายใจ ทองกรเพ่งตามองสีส้ม ความรู้สึกบางอย่างกระตุ้นให้ขนลุกทั่วทั้งตัว
เสื้อชูชีพลอยติดกับกิ่งไม้และเสื้อที่เห็นเป็นเสื้อชูชีพ 2 ตัว ทองกรเทียบเรือติดกับเสื้อแล้วดึงเสื้อขึ้นมา ลักษมีร้องไห้ออกมาดังๆ พร้อมเรียกชื่อเพื่อนสุดเสียง
“ไอ้ชล ไอ้นีรา”
อนุพนธ์นิ่งงัน มือสั่นระริก ฟันสั่นกระทบกัน วิภาวีอ้าปากค้างน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่มีร่างเพื่อนรักของหล่อนอยู่กับเสื้อนั่นหมายความว่าเพื่อนของหล่อน...
“ไม่..ไม่จริง พวกมันต้องอยู่ พวกมันต้องรอดเหมือนพวกเราสิ ไอ้ชล ไอ้นีรา อยู่ไหนตอบกูสิ ตอบกู โบกมือให้กูก็ได้ กูจะไปรับ ไอ้นีรา ไอ้ชล ตอบกู ตอบกู”
เสียงของหล่อนแทบฟังไม่รู้เรื่องเพราะร้องไห้ไปด้วยพูดไปด้วย อนุพนธ์ดึงหล่อนเข้ามากอด ตัวเขาเองพูดไม่ออก น้ำตาหยดแตะแก้มและไหลไม่หยุด
“พวกมันต้องไม่เป็นไร วิ หมีไม่ร้อง มันต้องไม่เป็นไรเหมือนที่พวกเราไม่เป็นไร มันต้องไม่เป็นไรเชื่อฉัน”
เขารัดร่างเพื่อนสาวแน่น หล่อนกอดตอบเขาแน่นเพราะเขาคือความจริงที่หล่อนรับรู้ว่าเขากำลังกอดหล่อนและหล่อนกำลังร้องไห้ ไม่ใช่ความฝัน ลักษมีกอดหล่อนกับอนุพนธ์ซบหน้ากับหลังของหล่อนร้องไห้เสียงดัง
ทองกรกลืนน้ำลาย มองเสื้อชูชีพนิ่ง ไม่เคยมีอุบัติเหตุร้ายเกิดกับพวกเขา เรือทุกลำกลับเข้าฝั่งพร้อมรอยยิ้มนักท่องเที่ยวที่พอใจกับการบริการของพวกเขา แต่วันนี้ เหตุร้ายเกิดขึ้นกับเรือของแพทย์หนุ่มสาวที่อายุยังน้อย มานพบอกกับเขาก่อนลงเรือ
“หมอทั้งหมดเลยว่ะอยากล่องลำโขง”
“มาจากกรุงเทพฯเหรอวะ”
“คงงั้นแหละ ไปก่อนนะ”
“เออ..”
มานพยิ้มแล้วเดินลงเรือ ทองกรยิ้มตามหลังเพื่อนและแวบหนึ่งเขาเห็นหางยาวสีดำสะบัดวูบข้างกาบเรือเพื่อน เขาจ้องมองคิดว่าจะเห็นอีกแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรือมานพแล่นออกจากท่า เขารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที หางสีดำที่เห็นเป็นหางปลาหรือหางงู
“คงไม่ใช่...”
หนุ่มใหญ่พึมพำออกมา หากหางที่เขาเห็นเป็นหางงู เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรือมานพไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาแต่เป็นอุบัติเหตุที่มีบางสิ่งบางอย่างทำให้เกิดและทำให้แพทย์ 2 คนหายไปกับสายน้ำโขง
“อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย”
เขาถอนหายใจเฮือก กดโทรศัพท์โทร.ออก ประทีปรับสายพร้อมคำถามดังมา
“เจอรึยังวะ กูยังไม่เห็นเลยว่ะ”
“เจอ”
“เฮ้ย.เจอแล้วเหรอ ผู้หญิงหรือผู้ชาย ปลอดภัยมั้ยวะ”
ประทีปถามกลับน้ำเสียงยินดีเมื่อคำตอบของทองกรดังมา
“กูเจอแต่เสื้อชูชีพสองตัวแต่ไม่มีคนอยู่ในเสื้อ”
คำตอบดังมาอีก คราวนี้เสียงประทีปเงียบหายไปและไม่ถึง 5 วินาทีเสียงมานพดังรัว
“ไอ้กร หมายความว่าไงวะเจอแต่เสื้อ คนไม่เจอ ทำไมวะ มึงมองดีๆ ซิเผื่อสองคนนั่นเกาะต้นไม้อยู่ ดูดีๆ ไอ้กร”
“ไม่เจอเพื่อนผมเหรอครับ”
ไวทินถามเสียงดัง ทองกรได้ยินชัดเจน เขานิ่งไป
“ไอ้ทีป ขับเรือมาหากู”
ทองกรลดมือที่ถือโทรศัพท์ลงข้างตัว เสียงร้องไห้ยังดังอยู่ตรงหน้า สายตาของเขากวาดไปรอบๆ อยากเห็นคนเกาะกิ่งไม้อยู่ไม่ไกลจากที่เขาจอดเรือแต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย นอกจากสายน้ำขุ่นไหลหมุนม้วนน่ากลัว
ท้องฟ้ามืดครึ้มบัดนี้หายไปหมด สีฟ้าปรากฏแทนที่ เรือประทีปแล่นใกล้เข้ามา ทองกรถอนหายใจอีกครั้ง
“คุณ เพื่อนคุณมาโน่นแล้วพวกคุณกลับขึ้นฝั่งไปก่อน ผมจะตามหาเพื่อนคุณสองคนเอง”
“ไม่ครับน้า พวกเราจะไปด้วย”
อนุพนธ์ส่ายหน้าเร็ว ลักษมีพยักหน้าแล้วว่า
“ใช่ค่ะ เราจะไปตามหาเพื่อนเราด้วย”
“ไม่ได้ครับ พวกคุณแช่น้ำกันนานมากแล้ว ถ้าป่วยขึ้นมาจะลำบาก คุณเป็นหมอกันไม่ใช่หรือครับ ดูแลตัวเองกันก่อน ถ้าอยากตามจริงๆ ก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยออกมาอีกที”
ไม่มีใครค้านคนขับเรือ ประทีปเทียบเรือเกือบชิดเรือทองกร มานพมองชายหนุ่มหญิงสาวที่นั่งอยู่กลางลำเรือเพื่อน
“พวกคุณปลอดภัยนะครับ ผมขอโทษ”
“ไม่ใช่ความผิดของน้าหรอก ผมเองที่ไม่ฟังน้าเตือน ผมทำให้เรือล่ม เพื่อนผมสองคนหายไป ผมผิดครับ”