งานเลี้ยง
“เจ้าค่ะ ฮูหยินเจ้าคะ คุณหนูมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
“ให้นางเข้ามาได้” สิ้นคำประตูบานใหญ่เปิดขึ้นทันที หลังจากได้รับอนุญาตจากนายหญิงของจวน
“ท่านแม่ เรียกข้ามามีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
“นี่หรือชุดที่เจ้าเลือกใส่ในงานเลี้ยงคราวนี้ ช่างดูจืดชืดไม่สมกับเป็นบุตรสาวจากสกุลเยว่สักนิด เครื่องประดับที่ข้าให้คนเอาไปให้เจ้าที่เรือนเหตุใดจึงไม่ใส่เล่า ไปเปลี่ยนเสีย” ฮูหยินเยว่ตำหนิ ยามเห็นลูกสาวเพียงคนเดียวสวมอาภรณ์สีอ่อนราวกับจะไปบวชชีเสียอย่างนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“ชุดนี้ลูกเลือกเองกับมือเลยนะเจ้าคะ แม้สีอ่อนไปสักนิดแต่ดูแล้วสบายตา อีกอย่างหากลูกแข่งประโคมเครื่องประดับเกรงว่าอาจทำให้ภรรยาของขุนนางสูงศักดิ์เหล่านั้นไม่พอใจเอาได้”
“เจ้ายังคิดว่าตัวเองอยู่บ้านนอกอยู่หรือถึงได้คิดเช่นนี้ ที่เมืองหลวงหากเจ้าแต่งตัวซอมซ่อย่อมไม่มีผู้ใดอยากข้องแวะด้วย หน้าตาถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับชนชั้นสูง ยิ่งแต่งตัวด้วยอาภรณ์ราคาสูงลิ่วมากเท่าใดยิ่งแสดงให้เห็นถึงอำนาจและฐานะของตระกูลมากเท่านั้น เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ”
“ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” นางตอบมารดา ก่อนกลับเรือนของตัวเองเพื่อเปลี่ยนชุดและเครื่องประดับใหม่ทั้งหมด
“อีกไม่ถึงชั่วยามงานเลี้ยงจะเริ่มแล้วนะเจ้าคะ” เป็นชุนไฉเอ่ยบอกเจ้านายของตัวเอง นับตั้งแต่กลับจากเรือนใหญ่นางเห็นคุณหนูเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมเปลี่ยนชุดเสียทีจึงได้บอกด้วยความเป็นห่วง นี่หาใช่ครั้งแรกเสียที่ไหนที่หญิงสาวถูกผู้เป็นมารดาตำหนิ ฮูหยินเยว่มาจากตระกูลสูงศักดิ์ที่มีบิดาเป็นถึงเสนาบดีกรมพิธีการ นางย่อมคาดหวังให้บุตรสาวคนเดียวเพียบพร้อมยิ่งกว่าสตรีใดในเมืองหลวง
“ช่วยหยิบชุดที่ท่านแม่ให้คนสั่งตัดเพื่อใช้ในงานเลี้ยงครั้งนี้มาที รวมทั้งเครื่องประดับด้วย”
“เจ้าค่ะ”
ท้ายที่สุดหญิงสาวไม่อาจทัดทานคำสั่งของมารดาจึงได้สวมอาภรณ์พร้อมเครื่องประดับราคาแพงเหล่านั้นอย่างจำยอม แม้ไม่พอใจอยู่บ้างแต่จะทำอันใดได้ เดิมทีนางหวังเพียงว่าจะไม่ถูกคนในงานเลี้ยงหาว่านางแต่งตัวโอ้อวดฐานะจนเกินหน้าเกินตาผู้อื่นถึงได้คิดแต่งตัวเรียบง่าย ในใจของนางย่อมรู้ดีกว่าผู้ใดว่ามารดาของนางเป็นคนทะเยอทะยานมากเพียงใด แม้ภายนอกดูสูงส่งแต่ภายในคนในสกุลเยว่และสกุลไห่ย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่ผู้คนมองเข้ามาบางทีอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป
เซียวม่านเหม่ยได้รับเทียบเชิญจากตระกูลเยว่ด้วยเช่นกัน คืนนี้นางเข้าร่วมงานเลี้ยงเพียงคนเดียว เหตุเพราะบิดาและมารดาเดินทางไปถือศีลที่วัดเพื่อขอพรให้ฮูหยินผู้เฒ่าหยวนหายป่วยในเร็ววัน
“คุณหนู ท่านแต่งตัวเรียบง่ายเกินไปรึไม่” ฝูเยี่ยนถาม เมื่อเห็นการแต่งกายของเจ้านาย นางสวมเพียงอาภรณ์ธรรมดาที่ไม่ได้มีราคาแพงหากเทียบกับชุดของบรรดาสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงทั้งยังสวมใส่เครื่องประดับไม่กี่ชิ้น
“ทำไมหรือ” นางถามสาวใช้
“ท่านแต่งตัวเรียบง่ายเช่นนี้ บ่าวเกรงว่าท่านอาจโดนดูถูกได้นะเจ้าคะ”
“ข้าไม่ใส่ใจคำพูดพวกนั้นหรอก อีกอย่างท่านยายของข้ากำลังป่วย หากข้าแต่งตัวสีฉูดฉาดย่อมแสดงว่าข้าหาได้ใส่ใจการเจ็บป่วยของท่านยาย นั่นนับว่าอกกตัญญูไม่ใช่หรือ”
“ขออภัยที่บ่าวโง่เขลาจนไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้”
“ช่างเถิด”
“คุณหนู รถม้าเตรียมพร้อมแล้วเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้อีกคนรายงาน
“เช่นนั้นพวกเราไปกันเถิด”
ขณะที่นางก้าวเท้าลงจากรถม้าได้มองเห็นแขกจำนวนมากมายทยอยเดินเข้าไปข้างในจวนตระกูลเยว่อย่างครื้นเครง เห็นทีงานเลี้ยงครั้งนี้ใต้เท้าเยว่คงใช้เงินไปมากทีเดียว ทั้ง ๆ ที่พึ่งได้ย้ายกลับมาเมืองหลวงยังไม่ถึงค่อนเดือน น่าแปลกที่มีเงินมากมายเช่นนี้
“คิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ”
