ความลับที่ปิดซ่อนไว้
ครั้นเวลาผ่านพ้นเหล่าใบไม้โร่งโรยลงพื้นดินพร้อมกับอากาศอันหนาวเหน็บมาเยือน
“หิมะตกแล้ว ข้ากลัวว่าลูกสาวของข้าจะไม่สบาย”
“ฮูหยิน หากท่านกังวลเราก็ไปเยี่ยมคุณหนูกันได้นี่เจ้าคะ” เพ่ยอิงบอกนายหญิงของตน
“เยี่ยมอันใดกัน ท่านแม่มีคำสั่งไม่ให้ใครไปเยี่ยมนางทั้งนั้น ตอนนี้ข้าทำได้เพียงเป็นห่วงนางเท่านั้น” นางแกล้งพูดเสียงดัง เหตุเพราะสังเกตเห็นสาวใช้นางหนึ่งยืนแอบฟังอยู่
“ฮูหยินผู้เฒ่าก็ทำเกินไป นางพรากแม่ลูกออกจากกันเช่นนี้สักวันสวรรค์ต้องลงโทษแน่ เข้าข้างในเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจะไม่สบาย”
หลังจากเข้ามาข้างในห้องฟู่ซิวได้สั่งให้สาวใช้คนสนิทปิดประตูและหน้าต่างทุกบาน เพื่อไม่ให้พวกหนูสกปรกที่แอบฟังอยู่ด้านนอกได้ยินบทสนทนา
“ท่านแน่ใจนะเจ้าคะ ว่าจะไม่ไปเยี่ยมคุณหนู”
“หากข้าออกจากจวนบ่อยเกินควรคงมีคนสังเกตเห็นแน่ อีกอย่างพี่เสี่ยวอวี้ดูแลเหม่ยเหรินเป็นอย่างดี”
เพ่ยอิงมิได้แปลกใจยามได้ยินเจ้านายของตนเรียกพ่อค้าอย่างเสี่ยวอวี้ว่าพี่ เพราะว่าฮูหยินฟู่ผู้เป็นมารดาของฟู่ซิวได้รับเลี้ยงดูแลเสี่ยวอวี้ประหนึ่งบุตรชายของตนอย่างลับ ๆ ทำให้ฟู่ซิวกับเสี่ยวอวี้โตมาด้วยกัน มีเพียงไม่กี่คนที่ทราบเรื่อง แม้แต่เสี่ยวซิวที่เป็นบิดาแท้ ๆ ยังมิรู้ความสัมพันธ์นี้
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเขาเพียงรับบุตรชายคนเดียวกลับเข้าตระกูลด้วยเหตุผลเดียวคือไม่มีผู้สืบสกุล โดยที่ไม่เคยเหลียวแลลูกชายคนนี้แม้สักนิด เพราะเสี่ยวอวี้เป็นเพียงลูกนอกสมรสที่เกิดจากสาวใช้ต่ำต้อยที่ตัวเขาเองไม่แม้แต่จะรู้ชาติกำเนิดของสตรีนางนั้นด้วยซ้ำไป
“แล้วท่านจะยอมอ่อนข้อให้ตัวเองถูกรังแกเช่นนี้ต่อไปหรือเจ้าคะ”
“เจ้าย่อมรู้ดีว่าข้าจะไม่ทำเช่นนี้ก็ย่อมได้ เพียงแต่ข้ายังมี ชางสือที่ต้องดูแล ข้าไม่อาจผิดคำสัญญาได้ ก่อนหลางเซียวจะสิ้นใจนางฝากฝังให้ข้าดูแลบุตรชาย” ทุกคราที่ฟู่ซิวนึกถึงตอนที่สาวใช้คนสนิทอีกคนสิ้นใจตายหลังจากคลอดลูกได้ไม่นาน หญิงสาวยังรู้สึกสะเทือนใจทุกครา ยิ่งบัดนี้นางกับลูกน้อยต้องแยกจากกันยิ่งทำให้เข้าใจความรู้สึกของหลางเซียว
หลายปีผ่านไป
สองมือใหญ่ปิดตาทั้งสองข้างของสตรีรูปโฉมงดงามที่ตนรักใคร่เสียยิ่งกว่าอะไร เขาพานางมายังสถานที่แห่งหนึ่งด้วยใจเต้นระทึก
“เจ้าชอบหรือไม่” เขาถามขึ้นทันควัน หลังจากปล่อยนางให้เป็นอิสระแล้ว
“เจ้าค่ะ ว่าแต่ที่นี่คือที่ไหนหรือ”
“ที่นี่คือเรือนหอของเรา ข้าตั้งใจสร้างเรือนหลังนี้ขึ้นมาเพื่อเจ้า”
“ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะ ว่าจะแต่งงานกับข้า อย่างที่ท่านรู้ข้าหาใช่สตรีสูงศักดิ์ ข้าเป็นเพียงลูกสาวพ่อค้าเท่านั้น” เหม่ยเหรินถามเขา
“เหม่ยเหริน เจ้ากับข้ารู้จักกันมานาน เจ้าย่อมรู้จักข้าดี”
“ข้ารู้เจ้าค่ะ เพียงแต่...”
“หากเจ้ากลัวว่าครอบครัวข้าจะไม่ยอมรับ เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวลไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ข้าจะไม่มีวันปล่อยมือเจ้า” หวังหย่งเอ่ยคำมั่นด้วยน้ำเสียงจริงจังชัดเจน
ครั้นกลับมาถึงจวนหญิงสาวเดินไปยิ้มไปจนทำให้คนในจวนอดรู้สึกสงสัยไม่ได้
“มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นงั้นรึ เจ้าถึงได้เดินยิ้มหน้าบานเช่นนี้” เป็นเสี่ยวอวี้ถามขึ้น ยามเห็นลูกสาวบุญธรรมของตนเองเกือบเดินผ่านหน้าไปโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขายืนอยู่ตรงนี้
“ท่านพ่อ หากข้าออกเรือนในเร็ววันนี้ท่านว่าเร็วไปรึไม่”
“ที่เจ้าพูดหมายความเช่นไร เจ้าเพิ่งผ่านวัยปักปิ่นได้ไม่ถึงครึ่งปีเหตุใดถึงได้คิดพูดเรื่องออกเรือนเร็วเช่นนี้”
“อย่างที่ท่านพ่อรู้ ข้ากับคุณชายหวังหย่งชอบพอกัน เขาบอกข้าว่าจะแต่งงานกับข้าน่ะเจ้าค่ะ”
“หวังหย่งผู้นั้นน่ะรึ พ่อว่าเจ้าอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจเสียดีกว่า อีกไม่นานเข้าจะเข้ารับตำแหน่งขุนนางขั้นสี่เห็นทีคงมีเรื่องให้สะสางจำนวนมาก อีกอย่างแล้วมารดาเจ้าที่อยู่เมืองหลวงทราบเรื่องรึยัง”
