บทย่อ
ครั้งก่อนเพราะมิอาจปล่อยวางจากรักทำให้นางพลั้งเผลอทำร้ายคู่หมั้นของเขา จนทำให้บุรุษที่ตนรักเกลียดชังน้ำหน้าราวกับว่ามิเคยรักใคร่กันมาก่อน หวนคืนครานี้นางจะลืมเลือนทุกสิ่ง...ไม่เว้นกระทั่งเขา “เหม่ยเหริน เจ้าจำได้รึไม่เรือนหลังนี้ข้าสร้างไว้ให้เจ้า” น้ำเสียงที่เขาเอื้อนเอ่ยออกมาฟุ้งเจือด้วยความภูมิใจเสียเต็มประดา พลันทำให้นางหวนคิดถึงอดีตเมื่อชาติก่อนขึ้นมาเสียดื้อ ๆ “ไม่ ข้าจำไม่ได้” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้นทว่าในใจกลับจดจำทุกสิ่งอย่างชัดแจ้ง เหตุใดนางจะจำไม่ได้เล่าในเมื่อบุรุษคนที่เผาเรือนหลังนี้ด้วยน้ำมือตัวเองก็คือตัวเขาเอง “รอให้ตำแหน่งของข้ามั่นคงเสียก่อน เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะมาสู่ขอเจ้าเป็นฮูหยิน” “ข้าว่าพวกเราจบความสัมพันธ์ลงแค่นี้เถิด” “ข้าทำอันใดผิดไปงั้นหรือ” “ท่านไม่ผิด คนที่ผิดคือข้าเอง” นางเอ่ยทิ้งท้าย ในใจยึดมั่นกับตัวเองว่าจะไม่กลับไปเป็นสตรีโง่งมที่มัวเมาหลงอยู่ในห้วงแห่งความรักอีกแล้ว เพราะผลสุดท้ายสิ่งตอบแทนที่ได้กลับคืนมาคือการหักหลังจากคนที่ตนรักและเชื่อใจ
บทนำ
จวนตระกูลอี้
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งเดินย่ำเท้าไปมาที่หน้าห้องเกินกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว ในใจทั้งรู้สึกหวั่นวิตกและตื่นเต้นในคราวเดียวกัน เหตุเพราะฮูหยินของตนกำลังจะคลอดบุตร
“ยินดีกับนายท่าน ฮูหยินคลอดลูกสาวเจ้าค่ะ” เสียงหมอตำแยเอ่ยบอก ขณะที่อ้อมแขนกำลังโอบอุ้มเด็กทารกใบหน้าจิ้มลิ้มทั้งยังมีผิวขาวราวกับหิมะก็มิปาน อี้เฉียวลู่จ้องมองบุตรสาวตัวเองด้วยรอยยิ้ม แม้จะผิดคาดที่ไม่ได้บุตรชายก็ตามที
“ฮูหยินของข้าปลอดภัยดีรึไม่”
“เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นข้าจะเข้าไปด้านใน” เขาว่าพลางอุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมอก
“เข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ ข้างในนั้นมีแต่เลือด” สาวใช้วัยชราเอ่ยขัด
“ข้าต้องไปเห็นกับตาว่านางสบายดี” ว่าจบก็เดินพรวดพราดเข้าไปข้างในทันที ไม่สนใจเสียงคัดค้านอันใด
“ท่านพี่” เสียงแหบแห้งเรียกผู้เป็นสามี
“ฮูหยิน เจ้าดูลูกของเราสิ นางช่างละม้ายคล้ายกับเจ้ายิ่งนัก” เขาบอกพร้อมกับขยับเข้าไปใกล้เพื่อให้นางดูหน้าบุตรสาวได้ถนัด
“ผิดหวังไหมเจ้าคะที่ข้าไม่ได้ลูกชาย”
“ถึงครานี้ไม่ได้ลูกชายก็ไม่เป็นไร ได้ลูกสาวก็ดีเช่นกัน” ชายหนุ่มปลอบภรรยา
“ข้ากลัวว่าท่านแม่จะผิดหวังน่ะสิเจ้าคะ”
“ไม่หรอก ท่านแม่ต้องเข้าใจอยู่แล้วเจ้าอย่าได้กังวลไป”
แม้สามีจะเอ่ยปลอบแต่ทว่าฟู่ซิวหาได้คลายความกังวลลงเพราะแต่ไหนแต่ไรมามารดาของสามีหาได้ชอบพอนางในฐานะลูกสะใภ้ ทั้งยังยัดเยียดให้ลูกชายตัวเองแต่งแม่นางจากตระกูลเมิ่งมาเป็นอนุถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะยังไม่มีลูกก็ตามที
ไม่นานนักข่าวที่ฮูหยินของตระกูลคลอดบุตรสาวได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งจวนรวมถึงเรือนอดีตฮูหยินของตระกูลที่บัดนี้กลายเป็นฮูหยินผู้เฒ่าตามวัยที่ร่วงโรย
“เจ้าว่าอย่างไรนะ นางคลอดลูกสาวงั้นรึ!” หยิงชราถามย้ำด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เจ้าค่ะ”
“ช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนัก! ถ้าหากตอนนั้นข้าขัดขวางไม่ให้นางแต่งเข้าจวนมาอย่างถึงที่สุดแล้วล่ะก็ คงไม่เกิดเรื่องน่าผิดหวังเช่นนี้”
“นายหญิงโปรดใจเย็น ๆ เรายังมีคุณชายชางสืออยู่นะเจ้าคะ”
“มีแล้วอย่างไร มารดาของหลานชายข้าคนนี้มีชาติกำเนิดต่ำต้อยไม่พอหนำซ้ำยังเป็นเพียงสาวใช้จะคู่ควรเป็นผู้สืบทอดตระกูลอี้ได้เช่นไร”
“แม้คุณชายใหญ่จะมีชาติกำเนิดต่ำต้อย แต่ว่าฮูหยินรับเขาเป็นลูกทั้งยังรักและดูแลดั่งลูกแท้ ๆ ก็มิปาน บ่าวว่าไม่มีอันใดน่าเป็นห่วง อีกอย่างยังมีอนุเมิ่งอีกคนนะเจ้าคะ”
“ดูทีเถิด ข้าเลือกเมิ่งไป่ซูให้เป็นฮูหยินเอกของเขา แต่เขากลับไปเลือกคนจากตระกูลฟู่แทนเสียได้ น่าเจ็บใจนัก สุดท้ายคุณหนูสูงศักดิ์อย่างนางกลายเป็นเพียงอนุภรรยาของผู้อื่น พูดถึงนางทีไรข้ายังนึกเห็นใจทุกที”
หลายวันมานี้ฟู่ซิวคอยประคบประหงมดูแลบุตรสาวของตนเป็นอย่างดี
“ฮูหยิน เจ้ามีชื่อยู่ในใจแล้วรึไม่” เขาถามภรรยา แต่เดิมทั้งคู่คิดว่าเด็กในครรภ์เป็นชายถึงได้ไม่เคยคิดชื่อสตรีไว้ในใจ
“ให้นางชื่อเหม่ยเหรินดีไหมเจ้าคะ”
“เหม่ยเหริน อี้เหม่ยเหริน เป็นชื่อที่ดี”
“ท่านพี่ข้าได้ยินว่าท่านแม่ล้มป่วย นางเป็นอันใดมากรึไม่”
“เท่าที่ข้าไปเยี่ยม ท่านหมอบอกข้าว่าเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนเลยทำให้ไม่สบายก็เท่านั้น”
“ดีแล้วเจ้าค่ะ ที่ท่านแม่ไม่เป็นอะไรมาก”
นางใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้เพียงเดือนเศษเท่านั้น จู่ ๆ ก็ได้ยินข่าวร้ายฟาดเข้ากลางใจจนทำให้รู้สึกแตกสลาย
“ท่านแม่ ท่านมาเยี่ยมฮูหยินหรือขอรับ” อี้เฉียวลู่ถามมารดา ยามเห็นร่างสตรีวัยชรากำลังจะเดินเข้าไปในห้องที่ฮูหยินกับลูกน้อยอาศัยอยู่
“หึ! ข้าน่ะหรือจะมาเยี่ยมเด็กกาลกิณีเช่นนาง”
“ท่านแม่ ท่านพูดเรื่องอะไรกันข้าฟังไม่เข้าใจ” เขาถามมารดาอีกครั้ง

