๑.๕ คุณพ่อจอมเฮี้ยบ
ปอไหมกลับขึ้นห้องตัวเองทั้งที่หน้าชาไม่หาย นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าตัวเองจะกล้าทำอะไรบ้าบิ่นแบบนั้น แต่ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อพ่อของอุมารินทร์มองเธอในแง่ร้ายนัก เธอก็เลยอยากจะร้ายให้สุดในสายตาเขาไปเลย ปอไหมยังจำได้ถึงตอนที่โต้เถียงกัน แล้วเขาบอกให้เธอเรียกเขาว่า ‘คุณพ่อ’ หากแต่เธอเรียกไม่ลงจริงๆ ส่วนหนึ่งคือไม่ชอบและไม่นับถือ ทว่าอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเขาหล่อเกินไป หนุ่มเกินไป เกินกว่าที่เธอจะเรียกแบบนั้นได้ลง หากจะเทียบราชันย์กับพ่อของเธอ ก็ยิ่งห่างไกลกันมาก ถ้าพ่อของเธอยังอยู่ ตอนนี้พ่อของเธอก็คงอายุห้าสิบเก้าแล้ว ขณะที่ราชันย์เพิ่งจะสี่สิบต้นๆ แถมเขายังหล่อพอๆ กับพระเอกรุ่นใหญ่หลายๆ คน ที่เธอมักจะเรียกว่า ‘พี่’ มากกว่า ทว่าทัศนคติของเขาช่างตรงข้ามกับหน้าตา โดยเฉพาะทัศนคติที่มีต่อเธอซึ่งมีแต่ทางเลวร้าย
กริ๊งงง
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปลุกให้ปอไหมหลุดจากภวังค์ความคิดเกี่ยวกับผู้ใหญ่สุดเฮี้ยบและปากร้ายไปชั่วขณะ และคนที่โทร.เข้ามาก็คืออุมารินทร์นั่นเอง
“เป็นไงมั่งปอ” อุมารินทร์ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนทันทีที่ปอไหมกดรับ
“เรายังอยู่ครบสามสิบสอง อุ๋มไม่ต้องห่วงหรอก”
“แล้วคุณพ่อเราทำอะไรปอหรือเปล่า”
“ทำ...”
“ทำอะไร”
“ก็...” ปอไหมเกือบจะหลุดปากบอกไปว่าตัวเองถูกราชันย์ลงโทษด้วยการฟาดสะโพกไปหลายที ซึ่งเธอก็ป่วนกลับไปแบบบ้าบิ่นหลายๆ อย่าง แต่เกรงว่าจะทำให้อุมารินทร์ไม่สบายใจ เธอจึงเลือกที่จะไม่พูด
“ก็อะไรเหรอปอ อย่าเงียบสิ เราใจไม่ดีนะ” เสียงของอุมารินทร์ฟังดูร้อนใจยิ่งกว่าเดิม ทำให้ปอไหมต้องรีบบอกแบบไม่ตรงกับความจริงสักเท่าไหร่
“ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่โดนดุเท่านั้นแหละ”
“เราขอโทษอีกทีนะที่ทำให้ปอต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“เราไม่ซีเรียสเลย เรื่องเล็กน้อยเอง เราเข้าใจว่าพ่ออุ๋มกำลังเข้าสู่วัยทอง เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด”
คำพูดติดตลกของปอไหมทำให้อุมารินทร์หลุดหัวเราะออกมาจนได้ เพราะเคยได้ยินแต่เรื่องผู้หญิงวัยทอง แต่ไม่คิดว่าจะมีใครพูดว่าคุณพ่อที่ยังหล่อเฟี้ยวของเธอเข้าสู่วัยทองเลย
“ปอนี่ก็พูดตลกไปเรื่อย ถามจริงๆ นะ ปอไม่คิดว่าพ่อเราหล่อบ้างเหรอ”
คราวนี้เป็นปอไหมที่ชะงักไปชั่วขณะ เรื่องความหล่อของราชันย์เธอไม่เถียง แต่เรื่องความเฮี้ยบและความดุของเขาก็บดบังความหล่อเหลาเหล่านั้นไปจนหมดสิ้นในสายตาเธอ
“ก็อย่างที่บอกน่ะแหละ หล่อเหมือนยักษ์วัดแจ้ง”
“บ้า...ปอนี่ก็” อุมารินทร์เหมือนจะทั้งค้อนทั้งยิ้ม
“หรืออุ๋มว่าไม่จริงล่ะ เมื่อกี้อุ๋มก็เห็นว่าพ่ออุ๋มทำหน้าถมึงทึงใส่เราแค่ไหน”
“คุณพ่อก็เก๊กดุไปงั้นแหละ จริงๆ ใจดีจะตาย ไม่งั้นคงไม่ขับรถไปส่งปอหรอกจริงมั้ย” อุมารินทร์ยังเข้าข้างพ่อตัวเอง เพราะในสายตาเธอพ่อเป็นแบบนั้นจริงๆ
“โอเคๆ ใจดีก็ใจดี เราเองก็ขอบคุณพ่ออุ๋มไปแล้วละ” ปอไหมเกือบจะปล่อยหัวเราะคิกออกมา เมื่อนึกถึงสีหน้าของราชันย์ตอนที่เธอยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขา แบบที่เขาเองก็คงไม่คาดคิดว่าเธอจะกล้าทำ ก็ช่วยไม่ได้ เขาอยากมาว่าเธอเป็นเด็กใจแตกดีนัก
“แล้วพรุ่งนี้ปอจะไปเล่นน้ำกับเพื่อนๆ อีกมั้ย”
“คงไม่แล้วแหละ เสียฤกษ์หมดแล้ว อยู่ห้องอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบดีกว่า แล้วอุ๋มล่ะยังอยากไปเล่นน้ำอยู่มั้ย”
“ก็อยากไป แต่คุณพ่อสั่งห้าม บอกว่าถ้าอยากเที่ยวจะพาไปฮ่องกง” อุมารินทร์ทำเสียงเหมือนเสียดายและหงอยๆ ไปเหมือนกัน
“ก็ไปสิ น่าสนุกออก”
“ไม่ไปหรอก เราเบื่อการไปเที่ยวแบบนี้แล้ว อยากไปเที่ยวแบบปกติชาวบ้านมั่ง แต่คงหมดหวังเพราะคุณพ่อกลับมาแล้ว เราคงจะอยู่บ้านอ่านหนังสือเหมือนกัน”
“เอาไว้ตอนอุ๋มมีแฟน แล้วให้แฟนพาไปสิ” ปอไหมเสนอความคิดแบบไม่ได้จริงจังอะไรนัก แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าพ่อของอุมารินทร์รู้เข้าว่าเธอยุให้ลูกสาวเขามีแฟน คงไม่แคล้วเธอจะโดนเขาเล่นงานอีก
“โหย...คงไม่มีง่ายๆ หรอก ใครจะกล้าฝ่าด่านคุณพ่อของเรา”
“ไหนว่าคุณพ่อใจดี” ปอไหมย้อนอย่างขำๆ
“ก็ใจดี แต่ยกเว้นเรื่องนี้”
“เราหาให้เอามั้ย”
“ไม่กลัวพ่อเราจะดุแล้วเหรอ” คราวนี้เป็นอุมารินทร์บ้างที่ย้อนถาม
“ดุไม่กลัว กลัวไม่ดุ”
“ปอนี่จริงๆ เลยนะ คงจะมีแต่ปอนี่แหละที่กล้าปะทะกับพ่อเรา คนอื่นเรายังไม่เคยเห็นมีใครกล้า”
“คนอื่นคงจะมีแต่คนเอาใจคุณพ่อของอุ๋มมากกว่า และเขาก็คงชอบให้คนเอาใจมากกว่าขัดใจโดยเฉพาะสาวๆ ไม่แน่อุ๋มอาจจะมีแม่เลี้ยงเร็วๆ นี้ก็ได้”
“ขอให้จริง เราน่ะอยากให้คุณพ่อแต่งงานใหม่เสียที ผู้หญิงที่คุณพ่อสนิทสนมด้วยมากที่สุดก็เห็นมีแต่คุณพันแพรเท่านั้น แต่ก็ไร้วี่แววว่าจะลงเอย ทั้งๆ ที่คบหากันหลายปีแล้ว”
“คุณพันแพรคือใครเหรอ” ปอไหมเผลอถามไปอย่างอยากรู้หลังจากได้ยินอุมารินทร์เปรยมาเช่นนั้น
“เป็นน้องสาวของเพื่อนคุณพ่อน่ะ สนิทสนมกันมาหลายปีแล้ว”
“งั้นอาจจะเป็นคนนี้แหละ”
“ยังไม่แน่หรอก ถ้าใช่ก็น่าจะลงเอยกันตั้งนานแล้ว จะปล่อยเวลาทำไมให้เนิ่นนาน” อุมารินทร์บอกไปตามที่เห็น เพราะถึงแม้พ่อของเธอจะสนิทสนมกับพันแพรมากแค่ไหน แต่เธอก็ยังไม่เห็นมีวี่แววว่าพ่อคิดจะจริงจังด้วยถึงขั้นแต่งงาน
“พ่ออุ๋มอาจจะรอให้อุ๋มเรียนจบก่อนก็ได้”
“ไม่น่าจะใช่ เพราะเราเคยคุยกับพ่ออย่างจริงจังตั้งแต่เราเรียนจบมัธยมแล้วว่าเราโอเค เราว่าพ่อยังไม่เจอคนถูกใจมากกว่า”
“ก็เฮี้ยบซะขนาดนั้นคงเลือกมากอยู่ แต่ถ้าไม่มีใครจริงๆ เราว่าก็คงลงเอยกับคุณพันแพรอะไรนั่นแหละ ว่าแต่อุ๋มโอเคใช่มั้ยถ้าเป็นคนนี้”
“เราโอเคหมด เราอยากให้พ่อมีความสุข แต่ถ้าเลือกได้เราอยากได้แม่เลี้ยงแบบปอมากกว่า จะได้เป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งแม่เลี้ยง ถ้าพ่อเรากับปอชอบกันก็คงดีสินะ”
คำพูดคล้ายกับรำพึงของอุมารินทร์ทำให้ปอไหมตกใจไม่น้อย แก้มร้อนซ่านเมื่อเผลอคิดตาม แต่แค่แวบเดียวเธอก็รีบสลัดความคิดนั้นทิ้ง พร้อมกับบอกตัวเองว่า เธอไม่เคยมีความคิดแบบนั้นกับผู้ชายที่ชื่อราชันย์เลยสักนิด สาบานได้...
“บ้าเหรออุ๋ม เป็นไปไม่ได้หรอก พ่ออุ๋มกับเราห่างกันตั้งกี่ปี”
“แต่พ่อยังหนุ่มอยู่นะ แค่สี่สิบกว่าๆ เอง อีกอย่างก็หล่อมากด้วย”
“หล่อแต่ดุยังกะเสือ ไม่ใช่สเป็กเราหรอก เราชอบผู้ชายใจดีและอบอุ่นมากกว่า”
“เราก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย เรารู้แหละว่าเป็นไปไม่ได้ ปอคงไม่ชอบคนแก่หรอก”
มันก็จริงอย่างที่อุมารินทร์ว่า มันเป็นไปไม่ได้ แต่พ่อของอุมารินทร์ไม่ได้แก่สักนิด ผู้ชายอายุสี่สิบกว่าๆ ส่วนมากอาจจะแก่ตามวัย หรืออาจเพราะไม่ดูแลตัวเอง แต่พ่อของอุมารินทร์ไม่ใช่แบบนั้น เขาหล่อ...หล่อมาก หุ่นก็ล่ำบึก สูงสง่า ดูดีภูมิฐาน และเป็นตัวแทนของนิยามคำว่า ผู้ชายยิ่งแก่ก็ยิ่งดูดี อย่างแท้จริง
“ไปอ่านหนังสือได้แล้วไป เดี๋ยวคุณพ่ออุ๋มรู้ว่าอุ๋มคุยโทรศัพท์กับเรานานจะดุเอาอีก”
“ปอก็ช่างแขวะคุณพ่ออยู่เรื่อย โอเค งั้นเราไม่กวนแล้ว เจอกันวันสอบนะ บาย...”
อุมารินทร์วางสายไปแล้วอย่างคนสบายใจเมื่อได้รู้ว่าเพื่อนสนิทของตัวเองไม่ได้โดนเล่นงานอะไร หากแต่ปอไหมนี่สิกลับไม่ได้รู้สึกสบายใจขึ้นสักนิด เพราะคำพูดบางคำของอุมารินทร์ตามมารบกวนจิตใจ แต่สิ่งที่รบกวนมากไปกว่านั้น ก็คือการที่เธอเหมือนถูกเปลื้องผ้าด้วยสายตาของเขา
“ไปอาบน้ำได้แล้วยัยปอไหม อย่าไปคิดอะไรบ้าๆ ตามยัยอุ๋มสิ”
เสียงหวานบอกตัวเองเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าความคิดชักจะกระเจิดกระเจิงไปไกลเกินไป