๒.๑ พิษจุมพิต
๒
พิษจุมพิต
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะห้องดังขึ้นในตอนสายๆ ปลุกให้ปอไหมซึ่งเมื่อคืนอ่านหนังสือจนดึกลุกจากเตียงอย่างงัวเงีย ก้าวไปเปิดประตูให้กับคนเคาะ พอเปิดประตูออกมาก็ต้องมุ่นคิ้วพร้อมกับหรี่ตามอง เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องตอนนี้ ก็คือปลายฝนน้องสาวคนเล็กของเธอนั่นเอง
“มาได้ไงเนี่ย ไหนว่า...”
ปอไหมถามยังไม่ทันจบก็ต้องยืนอึ้ง เมื่อจู่ๆ น้องสาวก็โผเข้ามากอดร่างบางของเธอเอาไว้แน่น
“พี่ปอ...”
“เป็นอะไร” ปอไหมถามน้องสาวเสียงอ่อนโยนลงอย่างเป็นอัตโนมัติ เธอรู้โดยสัญชาตญาณว่าน่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับน้องสาว เพราะปลายฝนบอกก่อนกลับภูเก็ต ว่าจะกลับมากรุงเทพฯวันที่สิบหก แต่นี่เพิ่งวันที่สิบสี่เท่านั้นเอง
“เปล่า คิดถึงเฉยๆ ก็เลยแวะมาหา”
“เราปิดพี่ไม่มิดหรอก เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น” คราวนี้ปอไหมทำเสียงเข้มใส่น้องสาวเป็นเชิงบังคับ พร้อมกับดันร่างปลายฝนออกห่างเพื่อสำรวจความผิดปกติ เพราะถึงแม้ว่าเธอกับปลายฝนจะเรียนอยู่คนละมหาวิทยาลัย แต่ก็เจอกันบ่อยและคุยโทรศัพท์กันเกือบทุกวัน ระหว่างเธอกับน้องสาวจึงไม่น่าจะมีช่องว่างให้เกิดความคิดถึงถึงขนาดต้องกอดกันแน่นได้
“ไม่มีอะไรจริงๆ ปลายก็แค่คิดถึงพี่ปอ แล้วก็จะแอบมาดูว่าพี่ปอซ่อนใครไว้หรือเปล่า” ปลายฝนยืนยันและทำสีหน้าท่าทางร่าเริงกลบเกลื่อน ก่อนจะเบี่ยงตัวก้าวเข้าไปตรวจตราในห้องของปอไหมอย่างถือวิสาสะ ปอไหมจึงเดินตามเข้าไป
“เจอหรือเปล่าล่ะ”
“หื่อ…” ปลายฝนส่ายหน้าดิก เมื่อพี่สาวขยับมายืนกอดอกอยู่ใกล้ๆ
“เราเป็นอะไรเนี่ย ถามจริง”
“เปล๊า ปลายแค่ยังช็อกๆ เรื่องอาเก้ากับพี่ป่านอยู่ ปลายก็เลยกลัวว่าพี่ปอจะแอบมีใคร แล้วทำให้น้องช็อกอีกคนไง”
“พี่จะมีใคร อย่างพี่ผู้ชายขยาดจะตายไป” เสียงหวานเอ่ยรำพึงพร้อมกับนึกถึงหน้าใครบางคนอย่างที่ไม่ควรจะนึกถึง
“พี่สาวปลายออกจะสวย ใครขยาดก็บ้าแล้ว”
“ไม่ต้องมาแกล้งชมเลย แล้วนี่กลับหอพักหรือยัง อย่าบอกนะว่าลงจากเครื่องแล้วก็ตรงดิ่งมาหาพี่เลย”
“ใช่แล้ว ว่าจะมาขอค้างกับพี่ปอสักคืน”
“แล้วไม่อ่านหนังสือสอบเหรอ”
“ปลายอ่านจบหลายรอบแล้ว” ปลายฝนโกหกพี่สาวไปจังๆ ความจริงเธอยังไม่ได้อ่านหนังสือเลยต่างหาก เพราะเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตัวเองสดๆ ร้อนๆ ทำให้เธอแทบไม่มีกะจิตกะใจจะคิดเรื่องอะไร
“งั้นก็แล้วแต่เรา ถ้าไม่มีอะไรบอกพี่ พี่ไปนอนต่อนะ”
“อื้อ...”
ปลายฝนพยักหน้า และปอไหมก็คุยกับน้องสาวแค่นั้นก่อนจะไปนอนต่อ ส่วนปลายฝนเอากระเป๋าเป้ไปวางไว้ที่โต๊ะข้างระเบียง แล้วนั่งเหม่ออยู่ที่เก้าอี้คนเดียวเมื่อบรรยากาศเข้าสู่ความเงียบเชียบหลังจากพี่สาวหลับไป
และแล้วการสอบวิชาสุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดี ปอไหมกับอุมารินทร์เดินออกจากห้องสอบในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งคู่หยิบเอาชี้ตที่วางอยู่ม้านั่งหน้าห้องสอบ แล้วเดินลงบันไดไปพร้อมกับเพื่อนๆ ทั้งชายและหญิงอีกสี่ห้าคน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เดินเงียบๆ ต่างคนต่างคุยจ้อ เพราะความรู้สึกตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการยกภูเขาลูกใหญ่ๆ ออกไปจากอก
“สาวๆ เราจะไปฉลองเรียนจบที่ไหนกันดี” ธีรภัทรซึ่งเป็นหัวหน้ารุ่นเอ่ยขึ้นหลังจากเพื่อนๆ ในสาขาลงมารวมตัวกันที่ใต้ตึกครบแล้ว
“ให้สอบผ่านก่อนดีมั้ยค่อยฉลอง ติดเอฟขึ้นมาเดี๋ยวจะฉลองเก้อนะ โดยเฉพาะแก” ปอไหมขัดขึ้นแบบไม่จริงจังอะไรนัก ซึ่งธีรภัทรก็ไม่ได้ถือสาอะไรเพราะรู้ใจกันดีอยู่แล้วตามประสาเพื่อน
“โธ่...ปอ ระดับนี้แล้ว ผ่านสบาย ได้ครูดีช่วยติวซะอย่าง”
“ให้มันจริง”
“จริงอยู่แล้ว เราไปฉลองกันที่ผับดีมั้ย จะได้ออกสเต็ปกันด้วย เราอยากเห็นปอเต้นว่ะ” ธีรภัทรเสนอความคิด ซึ่งก็มีเพื่อนๆ หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้าไปผับพ่ออุ๋มต้องไม่ให้อุ๋มไปแน่ๆ พ่ออุ๋มดุจะตาย” ที่ปอไหมบอกกับธีรภัทรเช่นนั้นก็เพราะอยากให้อุมารินทร์ได้ไปร่วมฉลองกับเพื่อนๆ ด้วย ซึ่งหากไปสถานบันเทิงในยามวิกาล ไม่มีทางที่พ่อของอุมารินทร์จะอนุญาตแน่ๆ
“จริงด้วยธี พ่อเราไม่ให้ไปแน่ๆ” อุมารินทร์หน้าเจื่อนๆ ขณะพูดกับธีรภัทร
“งั้นเอาไงดี อุ๋มถึงจะได้ไปด้วย”
“ถ้าจัดที่บ้านเรา เพื่อนๆ จะมีปัญหาหรือเปล่า ถ้าจัดที่บ้านคุณพ่อน่าจะอนุญาต” อุมารินทร์เสนอความคิด ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนต่างอยู่ในอาการฮือฮาและตื่นเต้นกันหมด เพราะรู้ว่าอุมารินทร์เป็นลูกสาวมหาเศรษฐี มีบ้านหลังเท่าคฤหาสน์ แต่ยังไม่เคยมีใครได้ย่างกรายไป ยกเว้นปอไหมเพียงคนเดียว หากแต่ตอนนี้คนที่เคยไปกลับส่ายหน้าดิก
“ไม่เอาอะ เรากลัวพ่ออุ๋มจะเล่นงานเอาอีก” ปอไหมปฏิเสธทันที
“ไปเถอะนะปอ เรารับรองว่างานนี้คุณพ่อจะต้องไม่มีปัญหา” อุมารินทร์รับปากหนักแน่น
“เถอะน่าไอ้ปอ คนอื่นๆ โอเคกันหมดแล้วนะเว้ย มีแต่แกคนเดียว งานนี้ขาดแกไม่ได้ด้วยสิ ห้ามเล่นตัวเด็ดขาด” สุจิราเพื่อนอีกคนในกลุ่มช่วยคะยั้นคะยอ เพราะทั้งอยากไปเห็นบ้านของอุมารินทร์ที่มีเสียงร่ำลือว่าสวยและใหญ่โตนักหนา และทั้งอยากให้เพื่อนๆ ในสาขาไปร่วมฉลองกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
“ขาดเราคนเดียวคงไม่เป็นไรมั้ง”
“ผิดเลยปอ ขาดแกคนเดียวงานกร่อยทันที” อุมารินทร์พูดสำทับอีก ทำให้ตอนนี้ปอไหมตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนๆ อย่างช่วยไม่ได้
ตาคู่สวยมองไปยังคนโน้นทีคนนี้ที ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแต่มองมาด้วยสายตาขอร้องกึ่งบังคับ ปอไหมจึงจำต้องพยักหน้าอย่างขัดไม่ได้ ท่ามกลางเสียงเฮของทุกคน และเธอก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า งานนี้คนออกจะเยอะแยะ พ่อของอุมารินทร์คงไม่เพ่งเล็งเธอคนเดียวกระมัง