มิปองรัก ซีรีส์ชุดเพราะรักเกินห้ามใจ ลำดับที่๒

79.0K · จบแล้ว
เทียนธีรา
50
บท
32.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

แม้คนส่วนใหญ่จะคิดว่า ผู้ชายวัยสี่สิบกว่าๆ อาจจะดูแก่เกินไปสำหรับผู้หญิงที่อายุเพิ่งจะยี่สิบสอง ทว่านั่นไม่ใช่ความคิดของปอไหมอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ไม่ใช่สำหรับผู้ชายที่สายตาของเขามีแต่ความไม่ไว้วางใจในตัวเธอสำหรับเขาแล้ว เธอคือเด็กแก่แดดปากกล้า แต่เขากลับโอบกอดร้อยรัดและจุมพิตเธออย่างเร่าร้อนแล้วปอไหมจะทำอย่างไรกับหัวใจของตัวเองดีเล่ากับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เธอไม่เคยเห็นว่าเขาแก่ หน้ำซ้ำยังเต็มไปด้วยแรงดึงดูดและชอบทำให้เธอหัวใจเต้นแรงเล่นอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับเขาล่ะ…เธอเด็กและนิสัยแย่เกินไปหรือเปล่า แล้วไหนจะสถานะอันหมิ่นเหม่ระหว่างเธอและเขาที่คนรอบข้างอาจมองว่าไม่เหมาะสม หรือเธอควรพาตัวเองออกไปให้ห่าง แต่มันช่างยากเหลือเกิน ในเมื่อหัวใจก่อเกิดความรู้สึกที่เรียกว่า ‘รัก’ ไปแล้วร่างสูงเดินนำมานั่งลงบนเตียง หัวใจของปอไหมยิ่งเต้นแรงมากกว่าเดิม เมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้จนเกือบชิดและจับคางมนของเธอให้หันไปสบตา“ฉันต้องใช้ถุงยางหรือเปล่า” ราชันย์ถามทั้งๆ ที่ปกติเวลามีอะไรกับผู้หญิงเขาก็ป้องกันทุกครั้ง ทว่ากับเด็กสาวคนนี้เขาเกิดอยากจะฉีกกฏของตัวเองขึ้นมาดื้อๆ แม้รู้ดีว่าเธอไม่ได้สะอาดสะอ้านอะไร“ไม่ต้องหรอกค่ะ ปอมียาคุม” ปอไหมพูดราวกับพวกมืออาชีพที่พกพายาเม็ดเล็กๆ เหล่านั้นเป็นประจำ แต่เธอไม่ได้มียาตัวนี้เหมือนผู้หญิงเหล่านั้น เธอใช้มันควบคุมฮอร์โมนตามที่หมอสั่งเท่านั้น แต่ในยามนี้มันกลับช่วยให้เธอไม่ต้องวิตกกังวล และพูดตอบโต้ผู้ชายตรงหน้าได้อย่างคล่องปาก“ลืมไปว่ามืออาชีพ งั้นเราเริ่มกันเลยเป็นไง จะได้ไม่ต้องเสียเวลา”จบคำวงแขนแกร่งก็ตวัดกอดคอดและประกบจูบริมฝีปากอิ่มสีชมพูอ่อนของเธอทันที หญิงสาวที่ริเล่นกับไฟนิ่งงันและตัวแข็งไปครู่หนึ่ง ถึงนี่จะไม่ใช่จูบครั้งแรกและเคยจูบกับเขามาแล้ว แต่จูบของเขามันทำให้ร่างกายของเธอตื่นเร้าไปหมด“เผยอปากออกสิปอไหม อย่ามัวแต่เล่นตัว ถ้าอยากได้เงินเพิ่มเดี๋ยวฉันจ่ายให้ทีหลัง”“ปอไม่ได้จะ...” เธอกำลังจะบอกว่าไม่ได้เล่นตัวและไม่ได้อยากได้ค่าตัวเพิ่ม แต่ราชันย์ไม่ได้สนจะฟัง เพราะเขาฉวยโอกาสนั้นประกบปากลงใหม่และฉกลิ้นเข้าไปในโพรงนุ่มชื้นทันที

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบัน

๑.๑ คุณพ่อจอมเฮี้ยบ

คุณพ่อจอมเฮี้ยบ

วันที่ 11 เมษายน หนึ่งวันก่อนสงกรานต์

วันนี้การจราจรดูแน่นขนัดมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในเวลาเย็นๆ แบบนี้ รถยิ่งหนาตาและแล่นได้ช้าลงเรื่อยๆ ทั้งนี้เป็นเพราะผู้คนต่างกำลังเดินทาง บ้างก็มุ่งหน้าออกต่างจังหวัดเพื่อกลับถิ่นฐานบ้านเกิด บ้างก็ออกไปเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึง

ในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังเร่งรีบ ร่างบางที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนของสาววัยยี่สิบสองกลับกำลังเดินเอื่อยๆ อยู่บนฟุตบาทอย่างไม่ได้เร่งรีบ ตาคู่สวยเหลือบมองป้ายชื่อคลินิกเสริมความงาม ก่อนจะผลักเข้าไปด้วยความไม่มั่นใจนัก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามาสถานที่แบบนี้

ปอไหมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องได้เข้ามาใช้บริการเสริมความงามเลย เพราะเธอพอใจในรูปลักษณ์แบบที่ธรรมชาติสร้างมาอยู่แล้ว แต่ ‘สิว’ คือสาเหตุหลักที่ทำให้เธอต้องเข้าคลินิกเสริมความงามแห่งนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้ามาก่อน

ร่างบางนั่งลงที่เก้าอี้พลาสติกเคลือบมันสีฟ้าหลังจากที่ลงทะเบียนคนไข้เรียบร้อยแล้ว เธอกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นว่าคนมารอคิวเยอะพอสมควร หญิงสาวจึงนั่งรออยู่นานเกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงคิวเข้าพบหมอ

มือเล็กผลักประตูเข้าไป นั่งตรงข้ามกับหมอ ก่อนจะเริ่มเล่าถึงปัญหาให้หมอหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ซึ่งหน้าใสกิ๊กสมกับเป็นหมอเฉพาะทางด้านผิวหนัง ตาคู่สวยแอบมองหน้าหล่อๆ ใสๆ ของหมออย่างเพ่งพิศ ขณะหมอตรวจสภาพผิวหน้าให้ พลางคิดในใจเงียบๆ คนเดียวโดยไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าว่า หมอก็ดูหล่อดี หล่อแบบดารานักร้องเกาหลี ซึ่งบางคนอาจชอบผู้ชายแบบหมอ แต่สำหรับเธอกลับชอบผู้ชายสูงๆ เข้มๆ ดุๆ เฮี้ยบๆ เหมือนกับ...

“สิวของคุณน่าจะเกิดจากความเครียด พักผ่อนน้อย ก็เลยทำให้ร่างกายและฮอร์โมนแปรปรวน หมอจะให้คุณทานยาคุมกำเนิดเพื่อปรับฮอร์โมน ยังไงช่วงนี้ใช้เครื่องสำอางอะไรก็ให้ระวังหน่อยนะครับ หรือถ้าไม่ใช้เลยจะดีมาก”

ความคิดของปอไหมหยุดชะงัก ความสนใจกลับมาอยู่ที่สภาพปัญหาผิวหน้าตัวเองอีกครั้ง หลังจากหมอตรวจเสร็จและอธิบายถึงต้นเหตุและแนวทางการรักษาให้ฟัง

“หนูไม่แต่งหน้าอยู่แล้วค่ะ ว่าแต่หนูต้องทานยาไปตลอดมั้ยคะคุณหมอ”

“ไม่หรอกครับ อาจจะแค่ช่วงระยะหนึ่ง รอให้ฮอร์โมนปรับระดับได้ คุณก็ไม่ต้องทานแล้ว และก็ไม่ต้องกลัวอ้วนนะ ยาตัวนี้ไม่มีผลข้างเคียงแบบนั้น เพียงแค่คุณอาจจะดูมีน้ำมีนวลขึ้นนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

ได้ฟังเช่นนั้นปอไหมค่อยสบายใจขึ้นมาบ้าง เธอขอบคุณหมอแล้วออกไปรับยาและจ่ายเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ด้านนอก ผู้ช่วยหมออธิบายวิธีกินให้ฟังอย่างละเอียด ปอไหมยัดถุงยาใส่กระเป๋า พร้อมกันนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เท้าเล็กๆ จึงรีบก้าวออกจากคลินิก ก่อนจะกดรับสายที่โทร.เข้ามาอย่างไม่ลังเล เพราะเห็นว่าเป็นเบอร์โทร.ของเพื่อนสนิท

“ว่าไงอุ๋ม”

“ปออยู่ไหน” เสียงที่สวยสมตัวของคนพูดถามกลับมาทันทีหลังจากที่ปอไหมตอบรับ

“เรามาหาหมอน่ะ มาปรึกษาหมอเรื่องสิวน่ะแหละ ว่าแต่อุ๋มโทร.หาเรามีอะไรหรือเปล่า”

“พรุ่งนี้ปอจะไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่ไหน”

“ว่าจะไปแถวๆ ข้าวสารแหละ พอดีหยีโทร.มาชวน ว่าแต่ถามทำไม อย่าบอกนะว่าอุ๋มจะไปด้วย” ปอไหมถามเล่นๆ ไปอย่างนั้น เพราะรู้ดีว่าอุมารินทร์ไม่มีทางได้ออกนอกบ้านไปไหนแน่ๆ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลแบบนี้ เพราะพ่อของอุมารินทร์หวงลูกสาวมาก ไม่เคยอนุญาตให้ออกไปเที่ยวนอกบ้านไม่ว่าเนื่องในโอกาสอะไร ดังนั้นอุมารินทร์จึงแทบไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ ส่วนใหญ่พ่อของเธอจะพาไปเที่ยวต่างประเทศซะมากกว่า

“เราอยากไปด้วย ปอพาเราไปด้วยสิ”

“ไปได้เหรออุ๋ม แน่ใจนะว่าพ่อไม่ว่า”

เมื่อพูดถึงพ่อของอุมารินทร์ ปอไหมก็เผลอย่นจมูกคนเดียวอย่างอดไม่ได้ ราชันย์ยังหนุ่มอยู่มาก หน้าตารูปร่างราวกับผู้ชายวัยสามสิบต้นๆ ทั้งที่อายุจริงของเขาน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับอาของเธอ เขาจัดได้ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาคนหนึ่ง ยิ่งเป็นลูกครึ่งด้วยก็ยิ่งทำให้เขาดูคมคาย รูปร่างสูงสง่าภูมิฐาน แม้จะอยู่ในชุดลำลองเขาก็ยังดูเนี้ยบ เครื่องหน้าสมเป็นบุรุษรูปงามทุกชิ้น คิ้วเข้ม จมูกโด่ง เรียวปากหยักลึก คางบุ๋มนิดๆ แต่ส่วนที่โดดเด่นที่สุดในความคิดของปอไหม ก็คือแววตาคมดุสีอำพันของเขาที่เหมือนจะสะกดคนได้ จึงไม่แปลกเลยที่จะมีสาวน้อยสาวใหญ่มาหลงเสน่ห์มากมาย แต่ความชื่นชมทั้งหมดที่มีให้เขาก็ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง และปอไหมก็ไม่เคยย่างกรายไปที่บ้านของอุมารินทร์อีกเลย เพราะไปครั้งแรกก็ปะทะคารมกับพ่อเพื่อนอย่างเผ็ดร้อน

อุมารินทร์เคยเล่าให้ฟังว่า พ่อกับแม่ของอุมารินทร์เป็นนักเรียนนอกทั้งคู่ ราชันย์เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ ใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก ไอคิวสูงมากจนสามารถเรียนจบปริญญาโทตั้งแต่อายุยี่สิบเอ็ด ส่วนแม่ของเธอเป็นลูกสาวในตระกูลผู้ดีเก่าของไทย ทั้งสองพบรักกันตอนเรียนและแต่งงานกันที่อังกฤษทันทีที่เรียนจบเพราะแม่ของอุมารินทร์ตั้งท้อง หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็พาลูกสาววัยสองขวบกลับมาที่เมืองไทย เพราะราชันย์ต้องบริหารกิจการของครอบครัวต่อจากบิดาที่จากไปอย่างกะทันหัน

แม่ของอุมารินทร์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนที่เธออายุได้เจ็ดขวบ ราชันย์จึงตกพุ่มม่ายมานานเกือบสิบห้าปีแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมามีบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่แวะเวียนเข้ามาทอดสะพานไม่ได้ขาด แต่เขาก็ไม่ยอมปลงใจแต่งงานกับใคร ทั้งที่อุมารินทร์ก็ไฟเขียว เพราะอยากให้บิดาซึ่งยังหนุ่มยังแน่นมีคนคอยดูแลและมีเพื่อนคู่ใจ

ปอไหมเคยเจอพ่อของอุมารินทร์ครั้งเดียว ตอนที่ไปเที่ยวบ้านของอุมารินทร์สมัยเรียนปีหนึ่ง เมื่อก่อนปอไหมเคยคิดว่าผู้ชายวัยหลักสี่แก่มากสำหรับผู้หญิงวัยอย่างเธอ แต่เมื่อได้เจอพ่อของเพื่อน ความคิดนั้นก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

สายตายามที่ราชันย์มองลูกสาวของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมเอ็นดู ปกป้อง หวงแหน แต่สายตาที่มองมายังเธอนั้นเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจและตำหนิติเตียน เหมือนผู้ใหญ่มองเด็กใจแตกที่กลัวจะพาลูกเขาไปในทางเสียหาย ปอไหมยอมรับว่าเธอเป็นคนที่แต่งตัวตามแฟชั่นสมัยใหม่ ไม่ได้เรียบร้อยสวยหวานเหมือนอุมารินทร์ ทว่าเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่เขาคิด ขนาดแฟนก็ยังไม่เคยมี เสียแรงที่เป็นผู้บริหารของบริษัทยักษ์ใหญ่ ไอคิวสูง และใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศตั้งนานสองนาน แต่เขากลับประเมินคนแค่จากการแต่งตัว

“คุณพ่อไม่อยู่ บินไปเยอรมันตั้งแต่สามวันก่อนโน่น เห็นว่าต้องไปคุยงานและต้องอยู่ที่นั่นหลายวัน ก็เลยต้องยกเลิกแพลนที่จะพาเราไปเที่ยว รู้มั้ยว่าเราดีใจแค่ไหนที่คุณพ่อไม่อยู่แบบนี้ เราจะได้ไปเที่ยวกับปอไง เราอยากสัมผัสบรรยากาศสงกรานต์แบบจริงๆ จังๆ บ้าง งั้นพรุ่งนี้เราไปหาปอนะ”

น้ำเสียงของอุมารินทร์ฟังดูตื่นเต้นจริงๆ ทำให้ปอไหมนึกถึงตัวเองตอนเด็กที่แอบพ่อแม่ไปเล่นน้ำฝน จึงอดเห็นใจเพื่อนรักไม่ได้ที่มีพ่อจอมเผด็จการและหวงลูกสาวเกินเหตุ

“แน่ใจนะว่าถ้าพ่ออุ๋มรู้แล้วเราจะไม่โดนดุ”

“คุณพ่อไม่รู้หรอก เราจะบอกทุกคนในบ้านให้ปิดปากเงียบ แถมตอนนี้คนงานที่บ้านเราก็กลับบ้านต่างจังหวัดกันเกือบหมด เหลืออยู่แค่ป้าพลับกับลุงจำนงเท่านั้นเอง สองคนนี้ยังไงก็ตามใจเรา เพราะฉะนั้นทางสะดวกสุดๆ เลย”

“โอเค...งั้นพรุ่งนี้เราจะรอที่หอ ถ้าอุ๋มมาถึงแล้วก็โทร.หาเรานะ”

“ได้เลย เราน่าจะไปถึงไม่เกินเที่ยง พรุ่งนี้เจอกันนะปอ”

อุมารินทร์วางสายไปแค่นั้น ปอไหมจึงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าและเดินเตร็ดเตร่ดูนั่นดูนี่อย่างเพลินๆ อยู่อีกครู่ใหญ่จึงค่อยกลับหอพักของตัวเอง