๑.๒ คุณพ่อจอมเฮี้ยบ
เสียงโทรศัพท์มือถือของปอไหมดังขึ้นในเวลาห้าโมงเช้า ซึ่งคนที่โทร.เข้ามาก็คืออุมารินทร์นั่นเอง อุมารินทร์บอกว่าตอนนี้รออยู่ที่ชั้นล่าง ปอไหมซึ่งอยู่ในชุดพร้อมเล่นน้ำสงกรานต์จึงรีบลงไปหา
พอลงมาถึงชั้นล่าง ปอไหมถึงกับต้องยิ้มขำแกมส่ายหัว เมื่อเห็นชุดที่อุมารินทร์ใส่ เพื่อนของเธอมาในชุดเดรสยาวผ้าชีฟองลายจุด ดูแล้วยังคงเป็นลุคสวยหวาน เรียบร้อย ดูดี และสลัดคราบคุณหนูไม่ออก เห็นแบบนั้นปอไหมก็เชื่ออย่างสนิทใจ ว่าอุมารินทร์คงไม่เคยสัมผัสกับบรรยากาศสงกรานต์จริงๆ และผู้เป็นพ่อคงจะเข้มงวดกับอุมารินทร์ให้อยู่แต่ในกรอบมาตลอด ไม่อย่างนั้นอุมารินทร์คงไม่เป็นเช่นนี้
“ขำอะไรน่ะปอ เราทำอะไรเปิ่นๆ อีกแล้วใช่มั้ย” อุมารินทร์ถามอย่างไม่มั่นใจในตัวเอง เมื่อเห็นรอยยิ้มเกลื่อนอยู่ทั่วใบหน้าของปอไหมในทันทีที่เห็นเธอ
“เปล่า...แต่เราว่าชุดนี้มันไม่เหมาะกับการออกไปเล่นสงกรานต์เลย”
“แล้วเราควรทำไง เสื้อผ้าที่บ้านก็มีแต่แนวๆ นี้”
“งั้นเอางี้ อุ๋มขึ้นไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเรา ใส่เสื้อผ้าเราดีกว่า หุ่นเรากับอุ๋มน่าจะพอๆ กัน อุ๋มใส่เสื้อผ้าเราได้สบายๆ”
“ดีเหมือนกัน เราว่าชุดแบบปอน่าจะคล่องตัวกว่า”
หลังจากตกลงกันเช่นนั้น ปอไหมจึงพาอุมารินทร์ขึ้นไปบนห้องตัวเอง ร่างบางขยับไปยังตู้แล้วเลือกเสื้อผ้าออกมาให้อุมารินทร์ชุดหนึ่ง เป็นเสื้อยืดสีดำขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนขาสั้น ซึ่งเป็นแบบคล้ายๆ กับที่เธอใส่อยู่ตอนนี้
อุมารินทร์รับเสื้อผ้าแล้วเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ ครู่หนึ่งก็กลับออกมาในลุคใหม่ คราวนี้จากมาดคุณหนูไฮโซ เปลี่ยนเป็นเด็กสาวที่สดใสดูสวยสมวัย แต่กระนั้นในสายตาของปอไหม เพื่อนของเธอก็ยังคงดูดีและสวยมาก คงเป็นเพราะอุมารินทร์เป็นลูกเสี้ยว หน้าตาจึงงดงามคมคายหมดจด ตลอดเวลานับตั้งแต่เริ่มเป็นเพื่อนกัน อุมารินทร์วางตัวดีมาตลอด พูดจาก็อ่อนหวานนุ่มหู และไม่ถือตัวว่าเป็นลูกสาวเศรษฐี จึงเป็นดาวเด่นของมหาวิทยาลัยซึ่งทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องต่างก็ให้ความชื่นชมเป็นอย่างมาก
“เป็นไงบ้างปอ แบบนี้โอเคหรือยัง” อุมารินทร์ถามเพื่อความมั่นใจอีกรอบ พลางก้มลงมองชุดที่ตัวเองใส่อย่างตื่นเต้น
“โอเคสุดๆ เหมาะจะออกไปเล่นสงกรานต์เลยละ คราวนี้ก็พร้อมลุยแล้ว ไปกันเลยมั้ย”
“ยังก่อนปอ”
“มีอะไรอีก”
“ปอต้องเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปนอนค้างเป็นเพื่อนเราสักวันสองวันด้วย วันพรุ่งนี้เราจะได้ไปเที่ยวพร้อมกันเลยไง”
“ไม่เอาเด็ดขาด ถ้าพ่ออุ๋มรู้เข้านะ...” ปอไหมปฏิเสธพลางทำสีหน้าสยองบ่งบอกว่าเธอขยาดพ่อของอุมารินทร์มากแค่ไหน
“ไม่ต้องกลัวคุณพ่อหรอก ก็เราบอกแล้วไงว่าคุณพ่อไปต่างประเทศ ปกติคุณพ่อไปทีเป็นอาทิตย์ กว่าจะกลับก็หลังสงกรานต์โน่นแหละ”
“อุ๋มก็รู้ว่าพ่ออุ๋มไม่ชอบเรา”
“ใครบอก...คุณพ่อก็แบบนี้แหละ ถึงปากจะดุแต่ความจริงใจดีสุดๆ เลยนะ”
“ใจดีแต่กับอุ๋มคนเดียวน่ะสิ กับเราอุ๋มก็เคยเห็นแล้วว่าพ่ออุ๋มไม่อยากให้เราคบกับอุ๋มด้วยซ้ำ”
“คิดมาก ไม่จริงหรอก เห็นมั้ยเราสองคนก็คบกันตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้จะจบแล้ว พ่อก็ไม่เห็นจะว่าอะไรเลย นะ...ปอนะ ไปค้างบ้านเรานะ” อุมารินทร์ขยับมาจับแขนของปอไหมเขย่าเบาๆ พร้อมกับอ้อนทั้งน้ำเสียงและสีหน้าแววตา ทำเอาปอไหมต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างคนจนใจจะปฏิเสธ แต่ก็ยังทำใจแข็ง
“ไม่เอา...”
“งั้นเราจะมาค้างกับปอ ไหนๆ คุณพ่อก็ไม่อยู่แล้วนี่”
“จะบ้าเหรออุ๋ม ถ้าพ่อเธอรู้เข้าจะยิ่งเป็นเรื่องใหญ่กว่าเดิม เธอนี่มันดื้อเงียบและตื้อเก่งจริงๆ เลยนะ โอเคๆ เราไปค้างด้วยก็ได้ แต่แค่วันเดียวนะ”
“โอเค วันเดียวก็ยังดี”
ทั้งสองคนตกลงกันได้แบบพบกันครึ่งทาง ปอไหมจึงต้องเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้เพื่อไปนอนค้างบ้านอุมารินทร์ จากนั้นทั้งสองก็ออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ด้วยกันที่ย่านถนนชื่อดังในกรุงเทพฯ บรรยากาศค่อนข้างคึกคัก เพราะเพื่อนๆ สมัยมัธยมของปอไหมมาจับกลุ่มเล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างสนุกสนานอยู่ก่อนแล้ว
อุมารินทร์ตอนนี้เปียกโชกไปทั้งตัว โดนทั้งสาดน้ำ ทาแป้ง แต่เธอกลับรู้สึกสนุกสนานจนยิ้มร่าตลอดเวลา ตามประสาคนที่ไม่เคยสัมผัสบรรยากาศเช่นนี้มาก่อน และประสบการณ์แปลกใหม่นั้นก็ทำให้คุณหนูคนสวยติดลมและไม่ยอมกลับบ้านง่ายๆ ซึ่งปอไหมเห็นว่าเพื่อนกำลังมีความสุขก็เลยปล่อยเลยตามเลย กว่าจะชวนกันกลับได้ เวลาจึงล่วงเลยไปจนถึงหนึ่งทุ่มกว่าๆ