๑.๓ คุณพ่อจอมเฮี้ยบ
รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ หลังจากอุมารินทร์ส่งเงินให้คนขับเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองสาวก็ก้าวลงจากรถในสภาพเปียกปอนทั้งคู่ เสียงอันสดใสร่าเริงของอุมารินทร์เหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ ยังดังอยู่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่อยู่บนรถกระทั่งลงจากรถและกำลังจะก้าวเข้าบ้าน อุมารินทร์ก็ยังคุยจ้อไม่หยุด
“ปอพรุ่งนี้ไปแต่เช้ากันเลยเนอะ เดี๋ยวมีเวลาเล่นน้อย”
“ไปทำไมแต่เช้า เขาเริ่มเล่นกันก็เกือบเที่ยง”
“ก็ไปคุยกับเพื่อนๆ ของปอก่อนไง เสียดายน่าจะได้เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ไม่งั้นคงเป็นเพื่อนซี้กันหมดแก๊ง มีแต่คนคุยสนุกน่ารักๆ”
“ขนาดคบกับเราคนเดียวพ่ออุ๋มยังหน้าหงิกขนาดนี้ ถ้าอุ๋มคบกับแก๊งนั้นด้วยมีหวังพ่ออุ๋มเส้นเลือดในสมองแตกแน่ๆ พวกนั้นยิ่งมีแต่ห่ามๆ เซี้ยวๆ จะเรียบร้อยหน่อยก็มีแต่หยีเท่านั้นแหละ”
“ใครว่าพ่อเราหน้าหงิก พ่อเราออกจะหล่อ” อุมารินทร์คิดว่าตัวเองไม่ได้พูดเกินจริงเลย พ่อของเธอหล่อมาก ชนิดที่ว่าดาราหรือนายแบบบางคนยังอาย
“ใช่...พ่ออุ๋มหล่อ...หล่อมาก...ยิ่งเวลาที่ทำหน้าดุๆ นะยิ่งหล่อ หล่อเหมือนยักษ์วัดแจ้งเลย” ปอไหมลากเสียง พูดจบก็หัวเราะออกมาอย่างถูกใจคำพูดตัวเอง เพราะดูเหมือนมันจะเหมาะกับบุคลิกของพ่ออุมารินทร์มากที่สุด
“ดูเธอมีความสุขมากนะกับการนินทาผู้ใหญ่”
เสียงเสียงนั้นไม่ใช่เสียงของอุมารินทร์ แต่เป็นเสียงของ...
“เวรละ!” ปอไหมอุทานออกมาเบาๆ ขาหยุดชะงักแบบก้าวไม่ออกเอาดื้อๆ ตาเบิกโพลงขึ้นอย่างตกใจ ไม่ต่างอะไรกับอุมารินทร์
“คุณพ่อ!”
ทั้งปอไหมและอุมารินทร์ต่างอยู่ในอาการที่ตกใจไม่แพ้กัน เมื่อคนซึ่งเป็นหัวข้อสนทนากำลังยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ตรงหน้าบ้าน
“พ่อคงไม่ต้องถามใช่มั้ยว่าอุ๋มไปทำอะไรมา” ราชันย์พูดกับลูกสาวเสียงราบเรียบ แต่ฟังดูดุจนชวนขนลุก
“อุ๋มขอโทษค่ะคุณพ่อ อุ๋มแค่อยากไปสนุกกับเพื่อนๆ บ้าง”
“อุ๋มเข้าบ้านไปก่อน พ่อมีเรื่องจะคุยกับเพื่อนอุ๋มสักหน่อย”
“โธ่...คุณพ่อคะ อุ๋มอยากไปเองนะคะคุณพ่อ ปอไม่ผิด” อุมารินทร์รีบอธิบายให้พ่อเข้าใจ เมื่อเห็นว่าตอนนี้สายตาของราชันย์พุ่งไปยังเพื่อนของตนอย่างไม่พอใจรุนแรง
“พ่อบอกให้เข้าบ้าน” โทนเสียงของราชันย์ยังคงราบเรียบแต่เฉียบขาดเสียจนอุมารินทร์ไม่กล้าขัดคำสั่ง
อุมารินทร์หันมาสบตากับปอไหมอย่างเป็นห่วงและรู้สึกผิดที่ตนทำให้เพื่อนเดือดร้อน แต่ปอไหมก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร อุมารินทร์จึงจำต้องเดินเข้าบ้านตามคำสั่งของบิดา จึงกลายเป็นว่าตอนนี้ปอไหมกำลังยืนเผชิญหน้ากับราชันย์ตามลำพัง
ชั่วขณะหนึ่งสาววัยยี่สิบสองอดคิดไม่ได้ว่า หากเปรียบเป็นมวยที่กำลังจะขึ้นชกบนเวที เธอคือคนที่เสียเปรียบคู่ชกในทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่ต่างกันชัดเจน วัยวุฒิซึ่งห่างกันเกือบสองรอบ หรือแม้แต่การควบคุมอารมณ์ ราชันย์ยังคงดูเยือกเย็น แต่สายตาที่มองมายังเธอทำเอาปอไหมสะบัดร้อนสะบัดหนาว แววตาคู่นั้นฉาบฉายไปด้วยการตำหนิ โลมเลีย และจงใจทำให้อาย โดยเฉพาะเวลาที่เขาจดจ้องมองหน้าอกอวบอิ่มที่กลมกลึงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเสื้อสีขาวเปียกลู่เช่นนี้ ขณะที่ปอไหมใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งโกรธทั้งอาย แก้มร้อนผ่าว ตัวแดงระเรื่อ แต่ก็ยังคงฝืนยืนเชิดหน้าปะทะกับเขา
“คุณมีอะไรจะพูดกับปอคะ”
“เธอมีอะไรจะแก้ตัวมั้ย กับสิ่งที่เธอทำลงไป”
“ไม่มีค่ะ เพราะปอคิดว่ามันไม่ได้ผิดอะไรกับการที่ปอพาอุ๋มไปเที่ยวสงกรานต์อย่างคนธรรมดาทั่วไป” ปอไหมเชิดหน้าขึ้นขณะต่อปากต่อคำอย่างฉะฉาน ตอนนี้เธอเหมือนคนปากกล้าขาสั่น ถ้ามีใครสักคนเข้าไปเดินเล่นในหัวใจของเธอคงรู้ว่ามันกระตุกแรงและผิดจังหวะมากแค่ไหน
“ฉันไม่ได้หมายถึงการที่เธอพายัยอุ๋มไปเที่ยว แต่ฉันหมายถึงการแต่งเนื้อแต่งตัวที่ล่อแหลมแบบนี้ ยัยอุ๋มคงไม่ได้ลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าแบบเธอ เพราะอยากใส่เองกระมัง”
ตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองไปทั่วเรือนกายของสาวน้อยตรงหน้า ด้วยแววตาที่ปราศจากความชื่นชมใดๆ โดยสิ้นเชิง ถ้าจะมีเพียงส่วนเดียวที่เขาเห็นว่าน่ารัก ก็คือใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางและผมยาวดำขลับถักเปียสองข้าง ทำให้เธอดูอ่อนเยาว์ชวนมองขึ้นอีกเท่าตัว หากแต่สภาพที่เปียกปอนไปทั้งกายนั้น กลับทำให้หน้าอกของเธออวบอิ่มกลมกลึงมาก ราวกับว่ามันจะล้นออกมาจากเสื้อตัวบางของเธอให้ได้ มองเผินๆ เหมือนเด็กมัธยมที่ทำตัวแก่แดดเกินวัย แต่เขาไม่ชอบเด็กที่ทำตัวกร้านๆ แบบนี้เลย ให้ตาย!
“ปอยอมรับค่ะว่าปอเป็นคนบอกให้อุ๋มใส่เสื้อผ้าแบบนั้น แต่จะแปลกอะไรล่ะคะ ใครๆ เขาก็ใส่แบบนี้กันทั้งนั้น”
“ก็เพราะคิดแบบเธอนี่ไง ถึงได้มีข่าวอาชญากรรมเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับบ้านไปซะ” ราชันย์ตำหนิอย่างรุนแรงและออกคำสั่งราวกับผู้ปกครองในตอนท้าย ทำให้ปอไหมหน้าชาวาบอีกรอบ แต่ก็ยังฝืนเชิดหน้าเหมือนไม่รู้สึกรู้สม
“ก็ได้ค่ะปอจะกลับ แต่จะไม่เปลี่ยนชุด ปอจะใส่ชุดนี้กลับ เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรที่ปอต้องทำตามคำสั่งของคุณ”
ปอไหมตอบเสร็จก็หันหลังก้าวฉับๆ ไปยังถนนด้านหน้าเพื่อโบกแท็กซี่กลับ โดยไม่แคร์ว่าคนเผด็จการจะหน้าบูดบึ้งเพียงใด แต่ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว ปากที่เคยตอบโต้อย่างคนไม่ยอมใครก็เปล่งเสียงร้องกรี๊ดออกมาอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆ ตัวเองก็ลอยหวือขึ้นไปอยู่บนบ่าแข็งแรงของคนที่ก้าวตามมา
ร่างบางถึงกับสั่นเทา เพราะไม่เคยถูกใครทำแบบนี้มาก่อน ช่วงเอวของเธอพาดอยู่บนบ่าของเขา ศีรษะห้อยไปทางด้านหลัง ขณะที่สะโพกลอยโด่ง ปอไหมรู้สึกเหมือนตัวเบาราวกับปุยนุ่น ทั้งๆ ที่น้ำหนักของเธอก็ไม่ใช่น้อยตั้งสี่สิบกว่าๆ แต่ราชันย์กลับทำเหมือนเธอเป็นตุ๊กตาไร้น้ำหนักก็ไม่ปาน