บทที่ 3 ต่างมิติ ต่างที่มา (2/2)
“ข้ากินได้แน่หรือ ข้าคงไม่ตายหรอกกระมังหากข้ากินเจ้าสิ่งนี้ลงไป” เจ้าจิ้งจอกนิ่วใบหน้าราวกับว่าอาหารเบื้องหน้าคือยาพิษเสียอย่างนั้น
“กิน ๆ ไปเถอะน่า เอาไว้ฉันค่อยพานายออกไปหาอย่างอื่นกิน”
จ๊ากกกกกก
“ร้อน ๆ เจ้าคิดจะสังหารข้าด้วยเพลิงอัคคีเชียวหรือนี่”
เจ้าจิ้งจอกกระโดดนั่งชันเข่าบนเก้าอี้ ก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาเมื่อเขาใช้มือหยิบไข่เจียว ที่คุกรุ่นไปด้วยไอร้อน ก่อนจะโวยวายออกมาจนดังลั่น
“เดี๋ยวนะ ใครจะสังหารนาย แล้วใครสั่งใครสอนให้นายใช้มือจับของร้อนแบบนั้นกัน เฮ้อ”
หลิวเมี่ยวเมี่ยวพ่นลมหายใจออกมา ก่อจะสอนให้เจ้าจิ้งจอกจับช้อนส้อมแล้วค่อย ๆ กินแต่เมื่อไข่เจียวร้อน ๆ คำแรกเข้าสู่ปากของเขา
“อี๋ รสชาติแย่ชะมัดราวกับยาพิษ แหวะ”
เจ้าจิ้งจอกบ้วนไข่ทิ้งราวกับว่าเขากินยาพิษเข้าไปจริง ๆ หมดกันแล้วทีนี้ไม่เหลืออะไรให้เขาประทังความหิวอีกต่อไป
“งั้นก็ไม่ต้องกินมันแล้ว เหอะ”
เมื่อรสชาติมันไปต่อไม่ได้จริง ๆ เธอก็ได้แต่ปล่อยให้เขาหิวต่อไประหว่างนั้นเธอก็โทรสั่งอาหารเดลิเวอรี่มาส่ง โดยที่เธอเองก็ไม่ทันได้คิดตั้งแต่แรกว่าเธอจะทำเองไปเพื่ออะไร ทั้งที่ทุกอย่างง่ายเพียงแค่ใช้ปลายนิ้ว
“นายทะลุออกมาจากภาพวาดบ้า ๆ นั่นจริง ๆ เหรอ แล้วนายเป็นตัวอะไรกันแน่”
หลิวเมี่ยวเมี่ยวมองภาพวาดประหลาดบนผนังมานานหลายนาที ก่อนจะเอ่ยถามชายหนุ่มรูปงามที่นั่งบนโซฟาพร้อมกับหางทั้งเก้าที่พัดโบกไปมาจนเธอแทบจะตาลาย
“นั่นไม่ใช่ภาพวาดบ้า ๆ ดังที่เจ้าว่าแต่เป็นภาพวาดบรรพบุรุษของข้า และข้าคือราชาปีศาจจิ้งจอก เจ้าไม่รู้จักจิ้งจอกอย่างนั้นรึ”
“จิ้งจอก ก็พวกเดียวกับหมาสินะ” หลิวเมี่ยวเมี่ยวเอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงสัตว์ที่จัดว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกัน
“นี่เจ้า ข้าเป็นจิ้งจอกไม่ใช่หมา!” จู่ ๆ เขาก็กะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยวที่เธอเผลอไผลเปรียบเปรยเขาว่าเป็นพวกเดียวกับหมา
“ก็คล้าย ๆ กันแหละน่า”
“ไม่คล้าย หากเจ้ายังไม่เลิกเปรียบเปรยข้ากับพวกหมาชั้นต่ำพวกนั้น ข้าจะสังหารเจ้าเสีย”
ฉึก
กรี้ดดดด
อยู่ดี ๆ เจ้าจิ้งจอกก็คลุ้มคลั่งขึ้นมา ก่อนที่เขาจะกางกรงเล็บและตวัดมันเข้าที่ลำคอของเธอจนรู้สึกแสบ เมื่อฝ่ามือบางสัมผัสเข้าที่รอยเล็บเธอถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเลือดสีแดงสดนั้นติดฝ่ามือมาด้วย
“นี่นายจะฆ่าฉันเหรอ ไอ้หมาบ้า ฉันช่วยนายเอาไว้แท้ ๆ ฮือ”
เมื่อจิ้งจอกหนุ่มเห็นหยาดน้ำสีใสที่ไหลออกจากดวงตาสุกสกาวของสตรีเบื้องหน้า นัยน์ตาสีฟ้าครามของเขาก็สั่นไหวจากความกราดเกรี้ยวแปรเปลี่ยนให้อ่อนโยนลง
“ข้า…ข้าขอโทษ”
“หึ สัญชาตญาณสัตว์ป่าดุร้ายในตัวของนายปรากฏออกมาแล้วสินะ” หลิวเมี่ยวเมี่ยวสอดมือเข้าไปในกระเป๋าอุปกรณ์การแพทย์ที่วางอยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับหยิบหลอดยาที่บรรจุยาสลบเอาไว้ภายใน หากเขายังดุร้ายกับเธอเห็นทีเธอต้องกำราบเขาให้สิ้นสติไปเพียงเท่านั้น
“ข้าไม่ได้ตั้งใจ” สายตาที่กราดเกรี้ยวของเขาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด และไม่มีทีท่าว่าจะทำร้ายเธออีกต่อไป
“ที่ที่นายจากมาเป็นอย่างไรกันแน่” เธอโพล่งคำถามออกไปด้วยความอยากรู้
“พระราชวังจิ้งจอกของข้า มีเพียงป่าไผ่เขียวขจีอยู่ท่ามกลางภูเขาสูงชัน เต็มไปด้วยปีศาจจิ้งจอกมากมายอย่างที่เจ้าไม่อาจคาดเดา”
“แล้วนายรู้ไหมว่าตอนนี้นายอยู่ที่ไหนกันแน่”
“ข้า…ข้าไม่รู้ รู้เพียงว่าทุกสิ่งที่นี่ช่างแปลกประหลาดเสียยิ่งนัก”
“ที่นี่มีแต่มนุษย์ และไม่มีใครมีหางแบบเดียวกับนาย หากนายยังหาหนทางกลับไม่ได้ นายต้องหาวิธีเก็บหางของนายซะ”
“ข้าจะพยายาม”
สีหน้าของเขาเจื่อนลง ใบหน้าคมคายดูหวั่นวิตกและลำบากใจไม่น้อย ต่างมิติ ต่างที่มาการจะใช้ชีวิตให้เป็นปกติเห็นทีคงจะยากเกินไปสำหรับเขาในเมื่อเรื่องน่าเหลือเชื่อได้เกิดขึ้นแล้ว เธอก็คงทำได้เพียงช่วยหาวิธีให้เขาได้กลับไปยังที่ที่เขาจากมา…..โดยเร็วที่สุด