บทย่อ
"กรี้ด นายเป็นใคร มาอยู่บนเตียงของฉันได้ยังไง แล้วทะ...ทำไมนายถึงมีหางด้วย!" หลิวเมี่ยวเมี่ยวพรั่งพรูคำถามออกไปทันที เมื่อมองเห็นร่างของชายแปลกหน้าที่มีหางทั้งเก้าโบกสะบัดไปมาราวกับเป็นการทักทายเธอเสียอย่างนั้น "ราชาปีศาจจิ้งจอก โลกปีศาจไม่มีผู้ใดไม่รู้จักข้า เจ้าไปอยู่ที่ใดมา" ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาปรือดวงตาขึ้นมองหลิวเมี่ยวเมี่ยวด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะตอบคำถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งแฝงด้วยความประหลาดใจ "จิ้งจอก ก็พวกเดียวกันกับหมาอย่างนั้นหรอ" หลิวเมี่ยวเมี่ยวพึมพำเรียบเรียงกลุ่มของสัตว์ตามตำราที่ได้ร่ำเรียนมา แต่กลับมีฝ่ามือหนาคว้ารอบคอของเธอเอาไว้จนแทบจะหายใจไม่ออก "ถ้าไม่อยากตาย อย่าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับสุนัขพวกนั้น จำเอาไว้!" ....................................................................
บทนำ
โรงบาลสัตวแพทย์จวินซัน มลฑลเจ้อเจียง เมืองหางโจว เวลา 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลิวเมี่ยวเมี่ยวสัตวแพทย์สาวที่เพิ่งจะออกเวรด้วยความเหนื่อยล้า มุ่งหน้าสู่ห้องทำงานประจำตำแหน่งในทันที โรงพยาบาลจวินซันเป็นโรงพยาบาลสัตว์ที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของหางโจว เธอจึงมีสัตว์ป่วยมากมายให้ต้องดูแลและรักษาตลอดช่วงเวลาของการขึ้นเวร โดยที่เธอแทบจะไม่มีเวลาพักแม้กระทั่งเวลารับประทานอาหาร
ร่างบางบิดไปมาเพื่อคลายความเมื่อยล้า ก่อนจะถอดเสื้อกาวน์ออกและแขวนเอาไว้ภายในห้องทำงาน ฝ่ามือบางเอื้อมหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นพาดบ่าและรีบรุดเดินออกจากโรงบาลด้วยความรีบร้อน ด้วยเกรงว่าหากเธอชักช้าอาจจะมีเคสด่วนเข้ามาอีกก็เป็นได้
“เมี่ยวเมี่ยว เจอกันพรุ่งนี้ ขับรถดี ๆ ล่ะ”
เสียงหวานใสของเพื่อนสนิทที่เพิ่งจะออกเวรเช่นเดียวกันดังขึ้น ขณะที่เธอกำลังเปิดรถหรูบริเวณลานจอดรถของโรงพยาบาล
“เธอก็เหมือนกันนะ เจียวจิง ขับรถดี ๆ”
หลิวเมี่ยวเมี่ยวตะโกนบอกเพื่อนสนิทว่าให้ขับรถกลับดี ๆ เช่นเดียวกัน ก่อนที่เธอจะพาร่างที่เต็มไปด้วยความเมื่อยล้าของตัวเองเข้าไปในรถสปอร์ตคู่ใจก่อนจะมุ่งตรงสู่คอนโดหรูกลางใจเมือง เธอกดฝ่าเท้าเหยียบเร่งความเร็วเกือบสุดไมล์เพื่อให้ถึงที่หมายอย่างไม่เกรงกลัว ใช้เวลาไม่นานรถสปอร์ตคันหรูก็แล่นเข้ามาจอดในลานจอดรถของคอนโดด้วยความปลอดภัย
“คุณเมี่ยวเมี่ยว วันนี้ออกเวรดึกเลยนะครับ” อาเฉิน เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยของคอนโดเอ่ยทักทายเธอดังเช่นทุกวัน
“ใช่ค่ะ ช่วงนี้มีสัตว์ป่วยเยอะเลยค่ะอาเฉิน ขอตัวก่อนนะคะ”
“ฝันดีครับ”
“เช่นกันค่ะ”
นิ้วเรียวยาวกดเรียกลิฟต์แก้วภายในคอนโด ก่อนจะพาร่างของตัวเองเข้าไปด้านในและกดชั้นที่สูงที่สุด รอไม่กี่อึดใจลิฟต์ก็พาเธอมายังห้องของตัวเองอย่างรวดเร็วทันใจ
ติ้ด ติ้ด ติ้ด ติ้ด
เมื่อกดรหัสผ่านถูกต้อง หลิวเมี่ยวเมี่ยวก็เปิดประตูเข้าไปด้วยความดีใจในที่สุดเธอก็จะได้พักผ่อนเสียที รองเท้าผ้าใบ ถุงเท้า และกระเป๋าถูกถอดเหวี่ยงไปคนละทิศทาง ก่อนจะส่งเสียงร้องเพลงโปรดออกมาด้วยอารมณ์ที่ผ่อนคลายมุ่งตรงสู่เตียงกว้าง แต่ทว่าเมื่อสายตากวาดไล่ไปบนที่นอนหนานุ่ม หลิวเมี่ยวเมี่ยวถึงกับต้องเบิกตาโพลง…
ชายหนุ่มแปลกหน้ากำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนของเธอด้วยความสบายใจ ใบหน้าคมคายของเขารับกับกรอบหน้าชัดนูนได้เป็นอย่างดี จมูกโด่งเป็นสัน กับริมฝีปากแดงระเรื่อน่าจูบ เรือนผมสีเงินยวงราวกับถูกถอดแบบออกมาจากคอสเพลย์อนิเมะจีนอย่างไงอย่างนั้น หัวไหล่กว้างไร้เสื้อผ้าโผล่พ้นผ่าห่มสีชมพูลวดลายน่ารักของเธอ ทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่าผิวของเขาต้องขาวมากเลยทีเดียว แต่เอ๊ะ…
“หล่อชะมัด แต่นั่นมัน…หางนี่นา กรี้ด!”
หลิวเมี่ยวเมี่ยวกรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจ หลังจากที่เธอยืนสำรวจร่างกายของชายแปลกหน้าที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงของเธอมานานหลายนาที
“ผู้ใดกัน บังอาจส่งเสียงดังถึงเพียงนี้!”
เสียงกรีดร้องที่ดังลั่นไปทั่วทั้งห้องนอนของหลิวเมี่ยวเมี่ยว ส่งให้ชายแปลกหน้าปรือดวงตาขึ้นด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเด้งตัวออกจากผ้าห่มผืนหนาลงมายืนอยู่ด้านข้างของเตียงและสภาพของเขาในตอนนี้ทำให้เธออดที่จะกรีดร้องออกมาเป็นครั้งที่สองไม่ได้
กรี้ดดดดด
“เจ้าเป็นผู้ใด! ถึงได้มาโวกเวกโวยวายไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเช่นนี้” เสียงทุ้มของเขาเอ่ยขึ้นด้วยความดุดันและน่ากลัว
“ก่อนจะถามนั่นนี่ ช่วยเอาผ้าขนหนูผืนนี้ปิดไอ้นั่นของแกซะ อุจาดตาจริง ๆ ไอ้โรคจิต!”
หลิวเมี่ยวเมี่ยวโยนผ้าเช็ดตัวให้กับเขา ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นมาปิดดวงตาเพื่อปิดปังภาพที่ไม่น่าดูของไอ้โรคจิตที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อนโดยมีหางทั้งเก้าโบกสะบัดไปมาด้วยความอุจาด แม้ว่าในความเป็นจริงมันจะน่าดูมากก็ตาม จะไม่ให้น่าดูได้ยังไงก็ในเมื่อชายที่ยืนเปลือยอยู่เบื้องหน้ารูปหล่อราวกับนักแสดง
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่ จับข้ามาด้วยเหตุใด”
“ใครจับแกมา ฉันต้องถามแกมากกว่านะ ว่าแกเป็นใคร เป็นตัวอะไรกันแน่ ทำไมถึงมีหางตั้งเก้าหาง!”
หลิวเมี่ยวเมี่ยวสาดคำถามใส่ชายแปลกหน้าด้วยความสงสัยห้องของเธอออกจะแน่นหนาแต่ไอ้บ้านี่เข้ามาได้ยังไงกัน จะเข้าทางหน้าต่างก็ไม่น่าใช่เพราะห้องของเธออยู่ชั้นที่ 99 ชั้นที่สูงที่สุดของโครงการนี้แล้ว ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
“บัดซบเสียจริง ข้าเป็นถึงราชาปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง มนุษย์ชั้นต่ำเช่นเจ้าไม่รู้จักข้าได้อย่างไรกัน”
หลังจากที่ไอ้โรคจิตคว้าเช็ดตัวไปปกปิดท่อนกายที่ชี้หน้าของเธออยู่นั้น เขาก็ยกมือขึ้นไขว้หน้าอกก่อนจะสบถคำหยาบออกมาหลังจากที่เธอถามเขาเสียยาวเหยียด
“คอสเพลย์”
หลิวเมี่ยวเมี่ยวถามขึ้นมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขากำลังคอสเพลย์เป็นตัวอนิเมะปีศาจจิ้งจอกอยู่หรือเปล่า
“เจ้าเสียสติไปแล้วรึ ถึงได้พูดจาไม่รู้ความเช่นนี้”
“เฮ้อ ไอ้โรคจิตอย่ามัวโยกโย้ให้เสียเวลาบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าแกเข้ามาในห้องฉันแกต้องการอะไร”
หลิวเมี่ยวเมี่ยวถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย เมื่อเริ่มรู้ว่าสนทนากับเจ้าโรคจิตไม่รู้เรื่องราวกับว่ามาจากคนละโลกกับเธอเสียอย่างนั้น แทนที่เธอจะได้นอนพักผ่อนบนเตียงนุ่มด้วยความสบายแต่เธอกลับต้องมาถกเถียงกับคนโรคจิตเสียอย่างนั้น
“มันจะมากไปแล้วนะ ไม่มีผู้ใดแสดงกริยาต่ำช้ากับข้าเช่นนี้!”
ชายหนุ่มแปลกหน้ายังคงตะเบ็งเสียงใส่หลิวเมี่ยวเมี่ยวด้วยความทะนงและไม่มีทีท่าว่าจะยอม
“เอาล่ะ หมดเวลาสนุกแล้วเห็นแก่ที่วันนี้ฉันเหนื่อยมากเพราะฉะนั้นฉันจะส่งแกออกไปแต่โดยดี โอเคไหม?”
“….”
และเจ้าโรคจิตยังคงยืนนิ่งโดยมีเพียงหางทั้งเก้าเท่านั้นที่โบกสะบัดไปมา จนหลิวเมี่ยวเมี่ยวหมดความอดทน ร่างบางสาวเท้าเข้าไปใกล้ชายแปลกหน้าโดยไม่มีทีท่าว่าจะเกรงกลัว ในเวลานี้เธออยากนอนมากกว่าเล่นสนุกกับมนุษย์คอสเพลย์โรคจิตคนนี้
ฝ่ามือบางออกแรงฉุดรั้งร่างใหญ่โตของเขาออกมาจากห้องนอน เพื่อส่งเขาออกไปจากห้องของเธอโดยไม่ติดใจเอาความ โดยที่เขาเดินตามแรงดึงของเธอมาแต่โดยดี แต่แล้วร่างสูงของเขากลับชะงักอยู่กับที่ไม่ไหวติงทำเอาหลิวเมี่ยวเมี่ยวที่ใช้แรงเต็มพลังแทบจะล้มหน้าคะมำลงไปบนพื้น
“ปัดโธ่เว่ย ไอ้โรคจิตนี่ จะออกไปดี ๆ หรือจะให้ฉันหมดความอดจนแล้วเรียก รปภ. มาลากตัวแกออกไป!”
หลิวเมี่ยวเมี่ยวอดไม่ได้ที่จะสบถคำหยาบออกมา ก่อนจะหันหลังกลับไปยังไอ้โรคจิตจอมดื้อที่กำลังเพ่งพินิจมองรูปบนผนังห้องของเธอด้วยความสงสัยเสียเต็มประดา
“เหตใดรูปวาดของบรรพบุรุษข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า” ชายแปลกหน้าพิมพำออกมาก่อนจะยื่นมือไปลูบไล้ภาพบนผนังที่เธอได้มาด้วยความไม่ตั้งใจ
“เพ้อเจ้อ…”
หลิวเมี่ยวเมี่ยวพึมพำออกมาก่อนจะมองไปยังผนังห้องที่มีภาพไม่คุ้นตาแปะเอาไว้ แต่ทว่าเมื่อมองดี ๆ เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่านั่นมันคือภาพที่เธอได้มาด้วยความบังเอิญจากงานเลี้ยงของโรงพยาบาล ที่อยู่ดี ๆ เธอก็ได้รางวัลสัตวแพทย์ดีเด่นจนได้รูปวาดประหลาดรูปนี้มา
“เจ้ามองภาพนี้ดี ๆ อีกครั้งสิ เห็นหรือไม่ว่าหางของเขาเหมือนกับของข้าไม่มีผิดเพี้ยน”
หลิวเมี่ยวเมี่ยวข่มอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ภายใน ก่อนจะแหงนใบหน้าขึ้นมองภาพที่เธอได้มาตามคำบอกกล่าวของเขาด้วยความไม่เข้าใจ แต่แล้วเมื่อมองภาพนั้นให้ดีอีกครั้งเธอจึงได้สติและคิดใหม่ขึ้นมาอีกรอบ
ภาพวาดฝีมือประณีตในกรอบหรูเป็นภาพของจิ้งจอกเก้าหางสีขาวนวล มีเรือนผมสีเงินยวงยาวถึงกลางหลังและหางทั้งเก้าที่ฟูฟ่องโดยปลายแหลมของหางมีสีน้ำเงินเข้มแต่งแต้มเอาไว้ จิ้งจอกตัวนั้นนั่งอยู่ท่ามกลางป่าไผ่สีเขียวชอุ่มด้วยท่าทางที่น่าเกรงขาม ‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน’
เธอคิดทบทวนอีกครั้งด้วยสติที่ครบถ้วนก่อจะหยิกตัวเองแล้วพบว่านี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริง แต่จะเป็นไปได้ยังไงกันหรือเจ้าจิ้งจอกตัวนี้จะทะลุมิติมาเหมือนกันละครที่เธอเคยดูอย่างนั้นหรือ
และเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องพิสูจน์ความจริงว่าไอ้โรคจิตนี่มาจากต่างมิติจริง ๆ หาใช่ใส่หางแต่งคอสเพลย์มาล่อลวงเธอให้ตกหลุมพราง
“เชื่อข้าหรือยังว่าข้าคือราชาปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง”
แว๊กกก
ปากว่ามือถึงเมื่อหลิวเมี่ยวเมี่ยวคิดได้ เธอก็เอื้อมมือเข้าไปกอบกุมพวงหางที่ฟูฟ่องของเขาก่อนจะออกแรงดึงอย่างแรงจนเขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดจนหยาดน้ำสีใสไหลออกจากดวงตาคมกริบ นัยน์ตาสีฟ้าครามสั่นไหวด้วยความรวดร้าว
“โอ๊ย…ข้าเจ็บนะ”
ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเขาทำให้หลิวเมี่ยวเมี่ยวรู้สึกผิดขึ้นมาถึงอย่างไรจิ้งจอกก็คลายกับสุนัข เธอรู้ดีว่าหางของสุนัขเป็นกระดูกแนวเดียวกับกระดูกสันหลังสุนัข ซึ่งเป็นโครงสร้างประสาทหลักของร่างกายจึงห้ามดึงหางของสุนัขเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อระบบประสาท
‘ไม่น่าเชื่อว่าภาพวาดประหลาดที่เธอได้รับมาอย่างงง ๆ จะเปลี่ยนชีวิตของเธอเพียงชั่วข้ามคืน’