บทที่ 2 จิ้งจอกป่วนเมือง (1/2)
ดวงตาที่เคยกลมโตกลับปรือลงราวกับใกล้ปิดสนิท สบเข้ากับนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลา 03.30 น. ด้วยสายตาที่หมดอาลัยตายอยากในชีวิตมาก ๆ หลังจากที่เธอให้ยาสลบกับเขาจนสิ้นสติ เธอก็พยุงร่างใหญ่โตมาที่เตียงด้วยความลำบาก แเต่เมื่อเห็นบาดแผล เลือดสัตวแพทย์ภายในกายกลับสั่งให้เธอไปหยิบกล่องอุปกรณ์เย็บแผลแทนการนอนในทันที
มือบางจับอุปกรณ์เย็บแผลเอาไว้ในมือแน่นด้วยความกระฉับกระเฉง ก่อนจะบรรจงร้อยเข็มลงไปบริเวณหน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา หลังจากที่เธอจัดการทำความสะอาดฆ่าเชื้อแล้วเรียบร้อย
ในขณะที่จัดการกับบาดแผลของเขาอยู่นั้น หลิวเมี่ยวเมี่ยวลอบมองใบหน้าคมคายของเขาในระยะประชิดอีกครั้ง ใบหน้าของเขานั้นงดงามอย่างไร้ที่ติ มิหนำซ้ำผิวพรรณของเขายังขาวละเอียดและเนียนนุ่มเสียยิ่งกว่าผู้หญิงที่มักจะเข้าคลินิกเสริมความงามอยู่บ่อยครั้งอย่างเธอเสียอีก
แผงอกแกร่งที่ขึ้นรูปราวกับเข้าฟิตเนสปั้นกล้ามเนื้อหน้าท้องจนเป็นวีไลน์ รูปร่างสูงโปร่งอย่างกับนักแสดงชื่อดัง ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าจิ้งจอกตัวนี้มีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดยิ่งนัก
เมื่อทำแผลให้กับเจ้าจิ้งจอกเรียบร้อย สายตาเจ้ากรรมดันไปเห็นผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่ห่อหุ้มร่างกายส่วนล่างของเขาเอาไว้จนไม่น่ามอง แต่เธอก็อยากมองอยู่ดี ‘เธอนี่ยังไงกันเมี่ยวเมี่ยว’ เธอพึมพำกับตัวเองที่วอแวร่างกายของเขาไม่เลิกรา
หากปล่อยเอาแบบนี้เกรงว่าคงจะไม่ดีต่อตัวของเธอ (กลัวอดใจไม่ไหว) แต่ห้องของเธอนั้นไม่มีเสื้อผ้าของบุรุษเลยสักชิ้นด้วยความที่เธอเป็นสาวโสดที่วันทั้งวันมุ่งแต่เรื่องงานเท่านั้น
‘ให้ผ่านคืนนี้ไปก่อนก็แล้วกัน ค่อยซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้าจิ้งจอก’
หลิวเมี่ยวเมี่ยวเดินไปยังตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้ามากมาย ก่อนที่เธอจะหยิบเอากางเกงผ้ายืดขาสั้นสีฟ้าอ่อนที่ปักลวดลายกระต่ายน้อยอยู่ที่ด้านหน้าขึ้นมาเมื่อคิดว่าตัวนี้เป็นตัวที่ใหญ่ที่สุดที่เธอมี
‘ออกจะน่ารักไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าให้นุ่งผ้าเช็ดตัวแบบนั้น เช้ามาจะได้ไม่เจออะไรที่แปลกตา แต่เขามีหางนี่นา’
หลิวเมี่ยวเมี่ยวได้แต่นึกคิด มองกางเกงลายกระต่ายในมือสลับกับหางทั้งเก้าที่ลู่ลงเมื่อเจ้าของร่างสิ้นสติไปเพื่อหาวิธีจัดการกับหางเหล่านั้น แต่เมื่อสายตามองเห็นกรรไกรที่วางเอาไว้เธอก็คิดออกในทันที
เธอหยิบกรรไกรขึ้นมาก่อนจะบรรจงตัดลงไปจนเกิดรูกว้างที่ด้านหลังของกางเกง ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจในความฉลาดของตัวเอง
หลิวเมี่ยวเมี่ยวหรี่ตาลงข้างหนึ่งเพื่อใส่กางเกงให้เขาโดยมีผ้าเช็ดตัวอำพรางเอาไว้ มือบางกอบโกยหางทั้งเก้าลอดผ่านรูกว้างออกมา และในที่สุดเธอก็ใส่กางเกงให้เขาได้เสียที เธอยืนมองผลงานของตัวเองอย่างชื่นชม
“น่ารักดีจัง ฮ่า”
เธอชมผลงานของตัวเองจนพอใจ ทุกอย่างดูสงบเรียบร้อยดีคงถึงเวลาที่เธอจะพักผ่อนแล้วเช่นกัน หลิวเมี่ยวเมี่ยวเอนกายลงบนโซฟาที่กว้างขวางและนุ่มนวลไม่แพ้ที่นอน ความอ่อนล้าก็เข้าครอบงำเธอในทันที ดวงตากลมโตปรือลงจนปิดสนิทก่อนจะหลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราที่เงียบสงบ
แสงแดดอ่อน ๆ สาดเข้ามาภายในห้องที่ไร้บานกระจกและไม่ได้ปิดม่านหน้าต่างเอาไว้ ทำให้แพขนตางอนงามกระพริบถี่เพื่อปรับแสงก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ความอ่อนเพลียยังคงครอบงำเธอเองก็เพิ่งจะได้หลับนอนไปกี่ชั่วโมงเอง
เมื่อสายตาปรับแสงจนมองเห็นทุกสิ่งภายในห้องได้อย่างชัดเจน เธอก็ต้องถอนหายใจอย่างปลงไม่ตกให้กับสภาพห้องที่เละเทะและเต็มไปด้วยเศษกระจกมากมายที่เกลื่อนกลาด
“เฮ้อ”
หลิวเมี่ยวเมี่ยวชูสองแขนก่อนจะบิดลำตัวเพื่อไล่ความเมื่อยล้าและความเกียจคร้านให้ออกไป วันนี้เป็นวันหยุดในรอบหลายเดือนของเธอแท้ ๆ แต่เธอกลับต้องตื่นเช้าเพื่อมารับมือของเจ้าจิ้งจอกที่น่าจะหมดสิ้นฤทธิ์ยาแล้ว
เธอหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อเช็คข้อความว่ามีเรื่องด่วนอะไรหรือไม่ แต่ทว่าเวลาที่ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดทำให้เธอตกใจจนลนลาน
12.00 น.
“ชิ_ห_ย ของแทร่”
‘เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานยังจะมาเล่นลิ้นอีกนะเมี่ยวเมี่ยว’ เธอบ่นตัวเองเบา ๆ ที่ยังจะมีอารมณ์ขันเล่นคำในตอนนี้ เป็นเธอทีเข้าใจผิดว่าตัวเองนั้นตื่นเช้าเพราะแสงที่สาดส่องเข้ามาดูบางเบาราวกับไม่ใช่เวลาเที่ยงวัน จนลืมนึกไปว่าเธอเป็นคนเลือกฝั่งที่แดดส่องน้อยด้วยตัวเอง
เวลานี้ก็เลยว่าที่ยาสลบจะสิ้นฤทธิ์ลงนานแล้ว หากเธอโชคดีเจ้าจิ้งจอกนั่นคงจะนอนอย่างลืมตื่นอยู่ภายในห้อง แต่ถ้าเธอโชคร้าย… ‘ไม่อยากจะคิดเลย’ ว่าแล้วเธอก็พาตัวเองเข้าไปในห้องนอนทันทีแต่แล้วก็มีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้นที่ต้อนรับเธอหลังจากที่ลืมตาตื่น