3
สองแฝดได้ยินมารดาเอ่ยเช่นนั้น พวกเขาไม่กล้าที่จะกินผักบุ้งนาจริง ๆ
"ข้าจะแบ่งให้ นำไปให้เจ้าในห้องแล้วกัน" พอได้ยินสามีขี้โรคเอ่ยเยี่ยงนี้ หยางหนิงพลันใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้มขึ้นมาทันที นางก็พลันสะบัดก้นกลับห้องทันที
"ไม่ต้องกลัว บิดาไม่มีทางให้นางทำร้ายเจ้า" สองแฝดได้ยินเช่นนี้พลันอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก
หยางหนิงนั่งในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นกำยานที่ให้ความผ่อนคลาย นางมือเท้าคางรอสามีขี้โรคนำอาหารมาส่ง
ในสมองนึกถึงวิชาแพทย์ ที่ท่านตาอยากให้นางร่ำเรียน หยางหนิงมองหีบตำรา นางส่ายศีรษะ เรื่องอะไรนางจะเรียนให้เหนื่อย สตรีเยี่ยงนางงดงามเพียง นางเพียงอายุยี่สิบปี นางต้องการหาบุรุษที่ร่ำรวย มาเลี้ยงดูนาง หรือเป็นฮูหยินคหบดีในเมืองหลวงก็ได้
ส่วนเด็กแฝดมารผจญเช่นนั้นก็ปล่อยให้จินเยว่รับผิดชอบชีวิตพวกมันไป
หยางหนิงนึกไม่ถึงในยามที่นางเป็นดรุณีที่งดงาม นางต้องเสียพรหมจรรย์ให้บุรุษป่าเถือน ใบหน้านางก็ยังไม่เห็นเสียด้วยซ้ำ เหตุใดโชคชะตาต้องเล่นตลกกับสตรีที่งดงามเยี่ยงนางด้วยเล่า ตอนนั้นหยางหนิงแทบเสียสติ แต่ท่านตาปลอบนางทุกวัน จนทำให้นางมีชีวิตอยู่ได้ถึงทุกวันนี้
หยางหนิงคิดดีแล้ว นางจะหาทางไปเมืองหลวงเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
"อาหารมาแล้ว" จินเยว่เดินมาพร้อมกับชามผัดผักบุ้งนา อีกทั้งไม่ลืมนำข้าวเปล่ากับตะเกียบมาให้ภรรยาตัวร้าย
หยางหนิงมองอาหารแล้วพลันอารมณ์ดีขึ้นมา นับว่าเจ้าขี้โรคมีฝีมือไม่น้อย ไม่เสียแรงที่ท่านตาเลี้ยงไว้
"ช้าก่อนอย่าเพิ่งไป" จินเยว่มองนางด้วยแววตาที่ใคร่ครวญสงสัย นางมีอันใดกันแน่
"มีอันใด"
"ไหน ๆ เจ้าก็ความจำเสื่อม อีกทั้งรักสองแฝดประดุจบุตรตัวเอง เจ้าเลี้ยงพวกมันให้ดีเถอะ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ข้าจะไปใช้ชีวิตในเมืองหลวง หาบุรุษดี ๆ ออกเรือนด้วย เจ้าว่าดีรึไม่"
แล้วสองแฝดจะอยู่อย่างไร จินเยว่นึกถึงความรู้สึกเจ้าหัวผักกาดทั้งสอง
"หยางหนิง เหตุใดเจ้าต้องไปด้วยเล่า อยู่นี่เจ้าไม่มีความสุขรึ" เขาเอ่ยถามนาง ทุกวันนี้นางไม่ได้ทำอันใดทั้งนั้น เอาแต่แต่งตัวงดงามอยู่ในเรือน
"หึ ข้าจะมีความสุขได้อย่างไร เจ้าเด็กนรกเกิดมา ผู้ใดเป็นบิดายังไม่รู้ แต่โชคดีที่เจ้ายอมรับพวกมัน เจ้ารู้รึไม่ ข้าปวดใจแค่ไหนหลายปีมานี้ ข้าทรมานมากที่เห็นหน้าพวกมัน สตรีอย่างข้ามีอันด่างพร้อย เจ้าว่าข้ามีความสุขรึ" หยางหนิงเล่าทั้งน้ำตา
การที่สตรีโดนข่มแหงรังแกจากบุรุษอื่นมันช่างอัปยศยิ่งนัก
จินเยว่ในใจลึก ๆ แอบสงสารนางเช่นกัน เขาจึงได้แต่เดินออกมาจากเรือน
เสี่ยวฟางปิดหูเสี่ยวเฟยไว้ กลัวน้องสาวจะเสียใจในเรื่องที่ได้ยิน ให้เขาผู้เป็นพี่ชายฝาแฝดรับรู้คนเดียวก็พอแล้ว มิน่าเล่าท่านแม่ไม่ชอบพวกเขา เพราะนางโดนผู้อื่นรังแก ชีวิตนางช่างน่าสงสารยิ่งนัก
ท่านพ่อก็ไม่ใช่บิดาที่แท้จริงของพวกเขา แต่ก็ยังดีกับสองแฝดราวกับเป็นบุตรแท้ ๆ
"เอามือออก" เสี่ยวเฟยเอ่ยอย่างแผ่วเบา คนเป็นพี่อย่างเสี่ยวฟางรีบลากน้องสาวออกมาทันที
จินเยว่สาวเท้าเข้ามาในครัวพบว่าสองแฝดไม่อยู่ สองแฝดไปไหนเสียแล้ว
กระนั้นกำลังจะออกไปตามหาที่สวนบุปผาหลังเรือน
"เจ้าแฝด" จินเยว่เรียกสองแฝด เขาทั้งเดินไปไอไปเพราะเขาโดนไอเย็นเข้าเสียแล้ว
"ท่านพ่อ" เสี่ยวเฟยเรียกเขา แล้วกอดเขาอย่างไม่เคยกอดมาก่อนทำให้ จินเยว่พลันตกใจยิ่งนัก
เสี่ยวฟางได้แต่ยิ้มให้บิดาที่กอดน้องสาว เสี่ยวเฟยถามพี่ชายครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เสี่ยฟางบอกเสี่ยวเฟยบางส่วนคือ บิดาไม่ใช่บิดาแท้จริงของพวกเขา ทำให้เสี่ยวเฟยรักบิดามากกว่าเดิม
"เป็นอันใด ข้าพวกพวกเจ้าทั้งสองว่า กินข้าวเสร็จให้รอก่อนอย่าเพิ่งไปไหน"
"ข้าอยากออกมาเดินเล่นเจ้าค่ะ"
"เอาล่ะ กลับเข้าไปห้องเล็กไปนอนพักเถอะ วันนี้พ่อจะไม่ออกไปตัดฟืน พ่อจะอยู่เป็นเพื่อนพวกเจ้า" สองแฝดดีใจอย่างมากร้องเย่ขึ้นมา
หยางหนิงมองผ่านหน้าต่าง มีทั้งความรู้สึกหลากหลายที่อยากจะบรรยาย
นางยอมรับว่าเจ้าเด็กแฝดหน้าตาดี แต่นางรับไม่ได้ ยิ่งเห็นเจ้าแฝด มันยิ่งตอกย้ำตัวเองว่า นางโดนรังแกจากเจ้าคนชั่ว
ใบหน้างามอาบไปด้วยน้ำตา นางเพียงรอเวลาเท่านั้น ที่จะไปจากหมู่บ้านบนหุบเขานี้หญิงสาวรีบปิดหน้าต่างทันที
จินเยว่มองเด็กทั้งสองนอนกลางวัน ยามนี้สองแฝดตัวป่วนหลับสนิทแล้ว ในสมองจินเยว่นึกถึงเรื่องราวของตัวเองในอดีตไม่ออก
เขาจะทำอย่างไรดี มิให้หยางหนิงไปจากพวกเขา เขาสงสารสองแฝดจับใจ
ก่อนอื่นในปีหน้าหลังปีใหม่ได้ข่าวว่าเมืองหลวงหยางอันหรือแคว้นหยางอันต้องการจอหงวนคนใหม่ ใช่แล้ว เขาต้องทำให้ได้ แต่ทว่าการไปเมืองหลวงต้องใล้เบี้ยจำนวนมาก
ทำให้จินเยว่พลันคิดนัก แต่ทว่าใบหน้าหล่อเหล่พลันหยักยิ้มขึ้นมา เมื่อเขาคิดว่าเขามีช่องทางการหารายได้แล้ว ร้านค้าในหมู่บ้านมักจะรับซื้อของป่า ไม่ว่าจะเป็นผักป่า หรือสัตว์ป่า เขาต้องเข้มแข็งเพื่อสองแฝด จินเยว่จะไม่ยอมแพ้
อันดับแรกเขาต้องหาตำราอ่าน ในเรือนหลังนี้มีแต่ตำราแพทย์ ตำราบัณฑิตไม่รู้ว่ามีรึไม่