บทที่ 3 เจ้าก้อนแป้งโดนรังแก
"ฮึก ฮือๆ เจ็บ... " แว่วเสียงร้องไห้ดังมาจากห้องที่อยู่ติดกัน ตามมาด้วยเสียงตีดังเพี้ยะ! ทว่าเสียงร้องไห้ไม่ได้หยุดลง แต่กลับเพิ่มความดังมากขึ้น ขวัญใจในร่างของจางเหมียวเมียวหันไปสบตากับหลี่ซินก่อนจะถามขึ้น
"หลี่ซิน นั่นเสียงใครกัน" กล่าวขานชื่อคนรับใช้ข้างกายที่รู้จักผ่านการอ่านนิยายด้วยความสงสัย
หลี่ซินทำหน้าตาหลุกหลิก กล่าวตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก
"คงจะเป็นเสียงของคุณหนูเหมยเอ๋อร์เจ้าค่ะ"
'เหมยเอ๋อร์... หลี่ซินคงจะหมายถึงหวางอี้เหมยสินะ'
จางเหมียวเมียวคิด ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนข้างเตียง ทำท่าจะก้าวเดินออกไปจากห้อง ทว่าหลี่ซินกลับรีบร้องห้ามเสียงหลง
"ฮูหยินอย่าไปเลยเจ้าค่ะ คุณหนูเหมยเอ๋อร์มีพี่เลี้ยงคอยดูแล นางไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ" หลี่ซินคิดว่าเสียงร้องไห้ของหวางอี้เหมยจะไปกระตุ้นโทสะของจางเหมียวเมียวเข้า
'ฮูหยินรีบลุกขึ้นเช่นนี้ คงกำลังจะไปตีคุณหนูเหมยเอ๋อร์เป็นแน่!' หลี่ซินรู้สึกเวทนาหวางอี้เหมยไม่น้อย ทว่านางไม่สามารถห้ามปรามหวางฮูหยินได้
"หากเหมยเอ๋อร์มีพี่เลี้ยงคอยดูแล แล้วเหตุใดนางถึงได้ร้องไห้เสียงดังเช่นนั้นเล่า ไม่ได้การล่ะ ข้าจะรีบไปดูลูก" กล่าวจบก็สาวเท้าออกจากห้อง ไม่สนใจต่อเสียงร้องห้ามของหลี่ซิน
"ฮูหยิน อย่าไปเลยเจ้าค่ะ คุณหนูเหมยเอ๋อร์ยังเด็กคง... เอ๊ะ! เมื่อครู่นี้ฮูหยินบอกว่าจะไปดูลูกงั้นหรือ" ท้ายประโยคสาวรับใช้วัยกำดัดกล่าวพึมพำเสียงเบา ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
จางเหมียวเมียวผลักบานประตูเปิดออก ไร้สัญญาณบอกคนด้านใน เท้าเรียวสวยก้าวเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าบ่าวรับใช้คนหนึ่ง นางคงจะเป็นพี่เลี้ยงของหวางอี้เหมยไม่ผิดแน่
บ่าวผู้นั้นเห็นหวางฮูหยินเดินเข้ามาก็ชะงักไปเล็กน้อย รู้สึกหนาวๆร้อนๆกับสายตามืดดำของสตรีหงส์ที่มองมาจึงรีบก้มหน้าลงเพื่อหลบตา จางเหมียวเมียวไม่เอื้อนเอ่ยวาจาใด ย่อกายอุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน พลางใช้มือลูบแผ่นหลังเล็กอย่างปลอบโยน
"ข้าสั่งให้เจ้าตีคุณหนูหรือ?" น้ำเสียงราบเรียบถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากบางได้รูป
"ปะ เปล่าเจ้าค่ะ"
"เช่นนั้นเจ้าตีลูกข้าเพราะเหตุใดกัน"
"คะ คุณหนูเหมยเอ๋อร์งอแงไม่ยอมเข้านอนเจ้าค่ะ บ่าวเลยต้องการสั่งสอน..." นางเอ่ยน้ำเสียงสั่นสะท้าน พลางนึกแปลกใจไม่น้อย เดิมทีคุณหนูเหมยเอ๋อร์ถูกปล่อยปะละเลยมาโดยตลอด หวางฮูหยินเคยสนใจไยดีเด็กคนนี้เสียที่ไหนกัน แล้ววันนี้เหตุใดถึงได้มาสนใจนางได้
"สั่งสอนโดยการลงไม้ลงมือกับลูกข้างั้นหรือ!" มือบางกำแน่นเข้าหากัน ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธ เห็นผิวขาวละเอียดของเจ้าก้อนแป้งมีรอยแดงปรากฏอยู่ก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ
"บ่าวขออภัยเจ้าค่ะ บ่าวผิดไปแล้ว" นางรีบคุกเข่าโขกศีรษะกระแทกพื้นดังปั่กๆ ท่าทางของหวางฮูหยินในยามนี้น่ากลัวยิ่งนัก
"เมื่อครู่เจ้าตีลูกข้าไปกี่หน"
"สะ สามหนเจ้าค่ะ"
"ดี! ใครอยู่ข้างนอกเข้ามานำตัวนังบ่าวผู้นี้ไปโบยสามสิบไม้ แล้วขายออกไปให้พ้นๆจวนเสีย!"
อดีตพี่เลี้ยงของหวางอี้เหมยอ้าปากค้าง กล่างขอโทษขอโพยน้ำหูน้ำตาไหล หากโดนขายออกไปเช่นนี้ ชีวิตต่อจากนี้นางจะไปทำมาหากินอะไรกัน ทว่าเสียงร้องของนางหาได้ทำให้จางเหมียวเมียวสนใจไม่ เพราะความสนใจทั้งหมดในตอนนี้ถูกใช้ไปกับเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนจนหมดแล้ว
"เหมยเอ๋อร์ของแม่เจ็บมากหรือไม่" น้ำเสียงอ่อนโยนผิดกับเมื่อครู่เอ่ยถาม พร้อมกับแววตาที่ทอแสงอ่อนโยน
"จะ เจ็บ"
ยิ่งได้เห็นหน้าหวางอี้เหมย ความรัก ความเอ็นดู ความหวงแหนห่วงใยยิ่งบังเกิดขึ้นในอก ราวกับว่าเด็กคนนี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของตนจริงๆ
"แม่ขอโทษที่ดูแลเจ้าไม่ดี ต่อจากนี้ไปเจ้าไม่ต้องกลัว แม่จะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้อีกต่อไปแล้ว"
"ท่านแม่ อย่าร้องไห้" มือเล็กกลมป้อมเอื้อมมาเช็ดหยดน้ำตาที่ไหลรินเปื้อนแก้มขาวของจางเหมียวเมียวอย่างกล้าๆกลัวๆ
มุมปากบางยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกดปลายจมูกฝังลงบนแก้มนุ่มนิ่ม
"ไม่ร้องแล้ว แม่รักเจ้านะเหมยเอ๋อร์ของแม่"
เนื้อหาในนิยายจะเป็นอย่างไรก็ช่างศีรษะมันก็แล้วกัน ในเมื่อฟ้าลิขิตให้นางได้มาใช้ชีวิตอยู่ในร่างของมารดาของเด็กน้อยผู้นี้ เช่นนั้น นางก็จะรักถนอมหวางอี้เหมยราวกับบุตรสาวในไส้ของตนจริงๆ และจะไม่ยอมให้เด็กน้อยน่ารักคนนี้กลายเป็นสตรีร้ายกาจไปได้เด็ดขาด
ปึง!
ตำราเล่มหนาถูกโยนลงจากโต๊ะตกกระแทกพื้นเสียงดัง หวางอี้เฉิงทอดถอนลมหายใจออกมาอย่างแรง ก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ ยกมือขึ้นกุมขมับท่าทางขบคิด
"พี่เลี้ยงผู้นั้นบังอาจทำร้ายบุตรสาวข้า หลังจากโบยนางครบสามสิบไม้ จงนำเกลือมาทาแผลและขายนางทิ้งไปเสีย หากไม่มีผู้ใดรับซื้อก็นำตัวนางไปปล่อยทิ้งในป่า หรือที่ใดก็ได้ที่จะทำให้นางไม่สามารถย่างกรายกลับมาที่เมืองจี้หนานได้อีก" เสียงแหบห้าวกล่าวขึ้น นึกถึงใบหน้าเปื้อนน้ำตาของบุตรสาวยามใดก็รู้สึกปวดใจไม่น้อย
"ขอรับท่านโหว" หลงเทาตอบรับคำสั่ง ก่อนจะหมุนตัวหันหลังทำท่าจะก้าวเดินจากไป
"อีกเรื่อง!"
"ขอรับ?" ร่างสูงหันหน้ากลับมา ชะงักฝีเท้าลงเมื่อเห็นว่าหวางโหวมีเรื่องจะสั่งการ
"สตรีผู้นั้น ไม่รู้ว่านางมีแผนการร้ายกาจอันใดอีก ฉะนั้นจับตาดูนางไว้ให้ดี อย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด" คำบอกเล่าของพ่อบ้านที่มารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้หวางอี้เฉิงรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่จู่ๆจางเหมียวเมียวก็ทำทีเป็นรักใคร่เอ็นดู ปกป้องหวางอี้เหมย ทั้งที่เมื่อก่อนนางหาได้สนใจไม่
"ข้าจะจัดการตามคำสั่งของท่านโหวขอรับ" หลงเทารับคำน้ำเสียงหนักแน่น หวางฮูหยินเป็นคนเจ้าเล่ห์มากแผนการ เขาเองก็ไม่อาจวางใจได้เช่นกัน
หวางอี้เฉิงผงกศีรษะรับ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ริมหน้าต่าง
"ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะวางแผนกระทำการชั่วช้าสิ่งใดอีก แต่หากเจ้ากล้าทำร้ายเหมยเอ๋อร์ ข้าสาบานว่าจะทำให้เจ้าเจ็บปวดยิ่งกว่านางร้อยเท่าพันเท่า!" หวางอี้เฉิงเปล่งวาจาโหดเหี้ยม ระหว่างนี้เขาจะแสร้งทำเป็นอยู่เฉยๆให้นางตายใจเสียก่อนก็แล้วกัน
เช้าตรู่ของวันต่อมา เปลือกตาบางของจางเหมียวเมียวค่อยๆลืมขึ้น พบว่าตอนนี้เป็นเช้าของวันใหม่แล้ว ท่อนแขนข้างซ้ายรู้สึกหนักอึ้งจนต้องหันไปมอง จึงได้พบกับร่างเล็กของเจ้าก้อนแป้งตัวกลมนอนหนุนอยู่ ดวงหน้ากลมป้อมซุกซบอยู่บนอก แขนเล็กวางพาดอยู่บนเอวบาง
จางเหมียวเมียวเห็นแก้มนุ่มนิ่มสีชมพูก็อดใจไม่ไหวจึงก้มลงสูดดมความหอมเข้าปอดเฮือกใหญ่
คนตัวเล็กขยับตัวพลางส่งเสียงอืออา แต่กระนั้นยังไม่ยอมลืมตา จางเหมียวเมียวจึงเล่นงานพวงแก้มขาวอีกรอบหนึ่ง
"เหมยเอ๋อร์ของแม่ หากเจ้ายังไม่รีบตื่น แม่จะจั๊กจี้เอวเจ้า" จางเหมียวเมียวขู่เสียงเบา ทว่าหวางอี้เหมยยังคงแสร้งทำเป็นนอนหลับตาเช่นเดิม เมื่อเห็นว่าบุตรสาวคงไม่ยอมลืมตาขึ้นโดยง่าย นางจึงจัดการใช้มือจั๊กจี้ไปบนเอวของเด็กน้อย สุดท้ายหวางอี้เหมยทนไม่ไหวก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง พร้อมๆกับเปิดเปลือกตาขึ้น
"ท่านแม่ ข้าจั๊กจี้" เอ่ยพร้อมกับพยายามใช้มือเล็กจับมือบางของมารดาเอาไว้
"เหมยเอ๋อร์ไม่ยอมตื่น แม่เลยต้องปลุกเจ้าด้วยวิธีนี้" จางเหมียวเมียวกล่าว พลางก้มลงหอมแก้มของบุตรสาวอีกหน ดูเหมือนว่าตอนนี้ นางจะเสพติดแก้มนุ่มนิ่มของหวางอี้เหมยเข้าเสียแล้ว
"ข้านึกว่าอ้อมกอดของท่านแม่เป็นเพียงแค่ความฝัน จึงไม่อยากตื่น" หวางอี้เหมยวัยเพียง 3 หนาว ทว่าคำพูดคำจากลับเป็นผู้ใหญ่เกินตัว เด็กคนนี้ฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก
วาจาของบุตรสาวทำให้จางเหมียวเมียวรู้สึกสะท้านขึ้นมาในอก รับรู้ได้ว่าเด็กน้อยโหยหาความรักความอบอุ่นจากบิดามารดามากมายเพียงใด
"เหมยเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ต่อจากนี้ไปเราจะนอนกอดกันแบบนี้ทุกวัน"
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้น หวางอี้เหมยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"ท่านแม่พูดจริงหรือ"
"จริงจ้ะ"
"เย้ ข้าดีใจเหลือเกิน" หวางอี้เหมยกล่าวเจื้อยแจ้ว โผเข้ากอดมารดาด้วยความดีใจ
จางเหมียวเมียวยกยิ้มขึ้นบางๆ ใช้มือลูบศีรษะทุยด้วยความเอ็นดู
"เอาล่ะ เหมยเอ๋อร์ไปอาบน้ำกับแม่นะ จะได้รีบแต่งตัวไปคารวะท่านย่ากัน"
หวางอี้เหมยผงกศีรษะรับอย่างว่าง่าย จากนั้นสองแม่ลูกก็ลุกขึ้นจูงมือกันเดินเข้าห้องอาบน้ำ