3 ตกบันไดพลอยโจน
“คุณพราวพิชชานั่งรถสองแถวรับจ้างไปพบผู้ชายคนนี้ที่รีสอร์ตแสงตะวันครับ”
เพราะภาพในจอมือถือที่ถูกวางบนโต๊ะของลูกน้องคนสนิทที่ถูกสั่งให้คอยจับตามองพราวพิชชาตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้รัชภาคย์ต้องหยิบมาดูใกล้ๆ
ผู้ชายในจอภาพที่นั่งคุยอยู่กับพราวพิชชานั้นคุ้นตาชะมัด...เขาแตะปลายนิ้วเลื่อนดูไปเรื่อยๆ จนเห็นภาพซูมเต็มหน้าชัดๆ รัชภาคย์ถึงกับหันมองลูกน้องเต็มตา
“มีใครเห็นพวกนายหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ ผมระวังตัวอย่างดีครับนาย”
“เข้าไปใกล้ผู้ชายคนนี้แค่ไหน”
“ไม่ถึงสิบเมตรครับ แต่คนค่อนข้างหนาตา เพราะลูกเห็บลงพอดี คนเลยเข้าไปนั่งในร้านของรีสอร์ตเต็มทุกโต๊ะ พวกผมอยู่เยื้องไปทางด้านหลังโต๊ะเป้าหมายครับ”
ฟังคำตอบ สีหน้าของรัชภาคย์ก็ยังดูแคลงใจในบางอย่าง จนลูกน้องต้องถาม
“แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใครหรือครับนาย”
“ไรวินทร์ เจ้าของบริษัทซอฟต์แวร์ที่กำลังย้ายฐานจากเพิร์ทมาตั้งที่เชียงราช” เขาหลุบตามองภาพในมือถือ ปลายนิ้วยังแตะหน้าจอ เลื่อนดูต่อไปเรื่อยๆ “พวกนายเข้าใกล้จนได้ภาพชัดเจนหลายช็อต ยากที่นายไรวินทร์จะไม่รู้ตัว”
“ผมสังเกตอยู่ตลอด เขานั่งคุยกับคุณพราวพิชชา ไม่มีท่าทีผิดปกติเลยนะครับ”
“นายจับสังเกตไรวินทร์คนเดียวใช่ไหม”
“ครับ เอ่อ...ใช่ครับ”
“นายพลาด” รัชภาคย์ว่าเสียงเรียบเรื่อย เหลือบมองลูกน้องนิดเดียว แล้วยกมือลูบปลายคางที่มีเคราสั้นๆ ปกคลุมขณะใช้ความคิด “นายไรวินทร์พักอยู่ในโรงแรมของนายใหญ่ ถ้ามาถึงรีสอร์ตแสงตะวัน ไม่มีทางออกมาคนเดียว ถึงจะมาตามนัดผู้หญิงก็เถอะ เพราะเขากำลังมีเรื่องอยู่กับนายตำรวจใหญ่อยู่ มีคนคอยประกบคุ้มกันตลอดเวลา”
“แสดงว่า...เขาอาจรู้ตัวว่าพวกผมคอยดูอยู่ใช่ไหมครับ”
“ใช่”
ลูกน้องคนสนิทสองคนหันสบตากัน แม้จะไม่ได้ยินคำตำหนิจากนาย แต่รู้ตัวว่าทำงานพลาดเพราะความประมาทไปแล้ว
“คุณไรวินทร์คงบอกคุณพราวพิชชาให้รู้ตัว...”
“เรื่องนี้ฉันจัดการเอง ส่วนพวกนายจับตามองพราวพิชชา ถ้ามีใครมาพบเธอหรือเธอออกไปข้างนอกอีก ก็ให้คนคอยติดตามไว้”
“ครับนาย”
ลูกน้องสองคนออกไปแล้ว รัชภาคย์จึงเดินมาทิ้งกายลงบนเก้าอี้ผ้าใบที่วางริมสระน้ำด้านข้างของบ้านโมเดิร์นสไตล์หลังใหญ่ โอบล้อมด้วยแนวเขาที่มองเห็นรำไร จากฝั่งไทยจดฝั่งพม่า เมื่ออดีตพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นเขตอันตราย ด้วยเป็นเส้นทางขนส่งไม้ที่ลอบมาจากฝั่งพม่า จนกระทั่งสองประเทศได้จับมือกันกวาดล้างพวกลักลอบเหล่านั้นจนสิ้น แล้วพัฒนาพื้นที่รอยต่อให้เป็นศูนย์กลางการค้า กำหนดให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ พื้นที่บริเวณนี้จึงได้รับการพัฒนาและคุ้มครองดูแลไปด้วย ระบบสาธารณูปโภคถูกวางโครงข่ายมาถึง แต่ธรรมชาติ ป่าไม้ ทิวเขายังคงอยู่ในสภาพเดิม
ดังนั้นจากพื้นที่ที่เมื่อก่อนไม่มีใครอยากผ่านมาถึง แต่ในปัจจุบันกลับกลายเป็นสถานที่ที่เศรษฐีหลายรายเล็งสร้างเป็นบ้านพักตากอากาศแทน
รัชภาคย์นิ่งคิดต่อไปถึงเรื่องที่พี่ชายฝาแฝดพูดในช่วงเช้า แล้วจึงกดโทร.หาด้วยไม่อยากให้คาใจ
“มีอะไรหรือนายเล็ก”
“ประชุมเสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้ว กำลังนั่งรถกลับบ้าน”
“เมียนายนัดพี่สาวไว้กี่โมง”
“สี่โมงเย็น แต่เห็นว่าจะไปก่อน รายนี้เขาตื่นเต้น คิดอยู่แล้วว่าคงไปนั่งเฝ้าพี่สาวเขาก่อนเวลานัดแน่นอน”
“สี่โมงเย็นงั้นหรือ แล้วลดาเจอพี่สาวของเขาหรือเปล่า”
“ช่วงออกไปหาพี่สาว ฉันให้ลดาส่งข้อความมาหาทุกครึ่งชั่วโมง เขาก็ส่งมาแต่ไม่เห็นว่าอะไร...ทำไม มีอะไรหรือนายเล็ก”
“คนของฉันตามดูพราวพิชชา ช่วงเย็นเธอไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่รีสอร์ตแสงตะวัน ไม่มีทางกลับไปทันนัดลดา ลดาไม่ได้บอกหรือ”
“เปล่า” เสียงปฏิเสธสั้นๆ ไม่กี่วินาทีเหมือนเจ้าตัวจะทบทวนความจำแล้วพูดต่อ “ลดาบอกว่าถึงที่พักคุณแหววแล้ว ลดาคงตั้งใจเลี่ยงเพราะกลัวฉันห่วง ไม่อยากให้ฉันรู้ว่ายังไม่เจอพี่สาว...แล้วเกิดอะไรกับคุณแหวว นายรู้อะไรอีก”
“พราวพิชชาบอกลดาใช่ไหมว่าจะอยู่เชียงราชไม่นาน รอเพื่อนมาสมทบแล้วจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ”
“ใช่ ลดาบอกฉันว่าอย่างนั้น และตอนเธอโทร.คุยกับคุณแหวว ฉันก็อยู่ด้วย”
“งั้นคงไม่มีอะไร เธอคงรอเพื่อนของเธอ”
รัชภาคย์บอก...แต่อีกฝ่ายคงไม่เชื่อตามง่ายๆ
“แล้วแต่นาย ตามใจนาย แต่ถ้าคิดจะทำอะไร อย่าลืมว่าคุณแหววเป็นพี่สาวของลดา ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับเธอ มันกระทบถึงฉันด้วยแน่นอน”
“รู้น่า นายไม่คิดว่าสิ่งที่ฉันกำลังจะทำ เป็นการทำเพื่อนายกับลดาบ้างหรือไง”
“เพราะคิดไง ฉันถึงบอกว่าตามใจนาย แต่ระวังอย่าให้บานปลายแล้วกัน ฉันไม่ว่างพอที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องวุ่นวายอะไรทั้งนั้น เพราะอีกไม่นานลดาก็จะคลอด ฉันตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนเธอให้มากที่สุด ช่วงนี้พยายามเคลียร์งานอยู่”
คนพูดตัดสายไปแล้ว รัชภาคย์ดึงมือถือมามอง หรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด ประเมินคำพูดและน้ำเสียงของพี่ชายฝาแฝด
นายไม่ยุ่ง...ไม่ยุ่งให้ตลอดรอดฝั่งแหละดี เพราะทีตอนเรื่องของนาย ฉันก็ไม่แตะเหมือนกัน
ใกล้ค่ำแล้ว อากาศยิ่งหนาวเย็นกว่าเดิม พราวพิชชาห่อกายเมื่อสายลมเย็นกระโชกมาหา สายตาทอดตามท้ายรถยุโรปคันใหญ่ที่ปิ่นลดานั่งอยู่ตอนท้ายซึ่งกำลังเคลื่อนจาก เธอมองจนรถคันนั้นลับหายแล้วจึงหันกายกลับเข้าที่พัก
พราวพิชชาไม่อาจตัดเรื่องของน้องเขยกับผู้หญิงที่เห็นเมื่อวานออกจากใจได้จริงๆ ยิ่งวันนี้เห็นภาพของน้องสาวที่สวยงามและมีความสุข เธอก็ยิ่งคิดหนักกว่าเดิม
ปิ่นลดามีรอยยิ้ม ความสดใสจากการมองโลกในแง่ดีมักเปล่งประกายจากดวงตาให้เห็น แม้ชีวิตจะผ่านเรื่องเลวร้ายสักกี่หน แต่ก็ไม่เคยทำลายลูกแก้วจรัสงามให้มองหม่นไปได้
ลดาคงยังไม่รู้ว่าคุณใหญ่มีผู้หญิงอื่น คุยกันก็ได้ยินพูดถึงแต่คุณใหญ่ คำก็คุณใหญ่ สองคำก็คุณใหญ่ ชีวิตของลดามีแต่คุณใหญ่ แต่เขาก็ยังใจร้าย นอกใจไปมีผู้หญิงอื่นจนได้ ผู้ชายอะไร มักง่ายสิ้นดี พูดจาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะรักและดูแลลดาตลอดไป...ที่แท้ก็โกหก
แล้วตัดสินใจได้ว่าช่วงลาพักร้อนนี้ เธอจะทำการตัดไฟแต่ต้นลม พราวพิชชานี่แหละที่จะปกป้องครอบครัวของปิ่นลดาเอง...
สองทุ่มกว่ารถเก๋งคันสีดำกลืนไปกับความมืดของราตรีกาลก็แล่นมาเทียบจอดหน้ารีสอร์ต หญิงสาวที่มาพักแค่คืนเดียวหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่พร้อมกับกระเป๋าสะพายขึ้นไปนั่งโดยทันที เหมือนว่ารอท่ากันอยู่แล้ว
“เฮ้ย! นั่นคุณพราวพิชชานี่ พวกนายดูสิ ใช่เธอใช่ไหม”
คนถามออกอาการสะดุ้งเมื่อเพ่งมองผู้หญิงที่ก้าวขึ้นนั่งในรถอย่างเรียบร้อยแล้วปิดประตูตาม ส่วนคนที่ถูกเรียกให้มองก็ได้แต่นิ่วหน้า เพราะไม่อาจมองผ่านฟิล์มสีดำมืดสนิทของรถคันนั้นเข้าไปได้
“แล้วนั่นรถใครล่ะพี่”
“กูจะไปรู้เรอะ”
คนพูดรีบวางแก้วเบียร์ที่กำลังจิบแกล้มอากาศเย็นๆ แล้วลุกเดินไปยังส่วนบริการของรีสอร์ต พักเดียวก็วิ่งหน้าตาเคร่งเครียดออกมา
แค่พยักหน้าส่งสัญญาณก่อนเดินแกมวิ่งไปยังลานจอดรถ อีกสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะเมื่อครู่ก็ล้วงเงินมาวางบนโต๊ะ แล้วจ้ำตามขึ้นนั่งบนรถทันที
“ชิบหายแล้วพี่ มืดๆ อย่างนี้ เราจะตามคุณพราวพิชชาทันไหม แล้วเธอไปไหนกับใคร ทำไมเราถึงไม่รู้กันก่อน”
คนก้าวมานั่งตอนหลังรถเริ่มออกอาการร้อนรน สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ในแผนการที่วางไว้ก่อน พวกเขาไม่รู้ว่าจู่ๆ เกิดอะไรขึ้น เป้าหมายที่ติดตามอยู่จึงหอบกระเป๋าย้ายออกไปดื้อๆ หรือจะรู้ตัวว่าถูกสะกดรอย...
“คุณพราวพิชชาเช็กเอาต์กะทันหัน พนักงานบอกว่าเธอให้ยึดเงินที่จ่ายไปแล้ว เธอจะไม่กลับมาพักอีก”
“ออกจากเชียงราชเลยเหรอ”
คนนั่งตอนหลังตามลำพังยังถามต่อ แต่คำถามของเขาไร้คำตอบ หากได้ยินคนขับสั่งคนนั่งข้างแทน
“โทร.รายงานนายสิ รออะไรอยู่”
แล้วคนถูกสั่งก็รีบดึงโทรศัพท์มือถือออกมาทำตามทันที