3 ตกบันไดพลอยโจน 2
รัชภาคย์ลงจากรถจี๊ปสปอร์ตแล้วเดินเอื่อยไปยังลานด้านข้างของร้านอาหารประจำรีสอร์ตแสงตะวันที่เปิดเป็นลานเบียร์ หากแววตาคมกริบไม่พลาดที่จะกวาดมองสำรวจทั่ว เขาทรุดนั่งลงที่โต๊ะว่างพร้อมกับผู้ชายที่มาด้วยกันในมุมสลัวซึ่งไม่เป็นจุดสนใจของใครนัก
ทั้งเครื่องดื่มและอาหารถูกนำมาเสิร์ฟให้อย่างรู้ใจ ผู้ชายสองคนดื่มด่ำกับมัน ไม่ต่างจากลูกค้าอื่นๆ
‘นายวินทร์เปิดห้องพักที่รีสอร์ตแสงตะวันไว้เปลี่ยนบรรยากาศทำงาน และพักผ่อนไปในตัว เรื่องนี้ไม่ถือเป็นความลับ แต่นายวินทร์กำลังมีศัตรู จึงไม่เป็นการดีถ้าจะกระโตกกระตากถึงความเคลื่อนไหวของเขามากไป เพราะศัตรูของนายนั่นก็จ้องเล่นทีเผลออยู่’
‘เถอะน่า ไว้ใจฉันได้ ที่อยากรู้เรื่องนี้ ฉันก็ไม่ได้สนใจนายไรวินทร์อะไรนั่นหรอก แต่มันโยงถึงเป้าหมายของฉัน ฉันว่า...จะเล่นอะไรสนุกๆ หน่อย ช่วงนี้คันไม้คันมือ อยากปั่นหัวคน’
หยอดไปซะขนาดนั้น แต่รัชตะก็ไม่ได้ถามต่อ ไม่ใช่ว่าไม่อยากรู้ แต่รัชภาคย์รู้ทันว่าพี่ชายฝาแฝดรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเขาหมายถึงใคร
รัชภาคย์นึกแล้วรู้สึกขัน เรียวปากหยักกระตุกยิ้ม ครึกครื้นขึ้นมาอย่างประหลาด ทำให้คนที่นั่งจิบเบียร์ตรงข้ามมองแล้วอดสงสัยไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ปริปากถาม เพราะรู้นิสัยของเจ้านายหนุ่มดีว่าถ้าเมื่อไหร่อยากจะบอกก็คงบอกเอง แต่ถ้าไม่...ให้อย่างไรก็ง้างปากกันไม่ได้แน่นอน
สัญญาณเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือที่ตั้งไว้เป็นระบบสั่น ทำให้ชายหนุ่มหยุดอารมณ์สุนทรีย์ไว้แค่นั้น ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตแล้วหยิบมันออกมากดรับ ก่อนจะแนบหูฟัง
“นายครับ คุณพราวพิชชาออกจากรีสอร์ต ขึ้นรถเก๋งสีดำออกไป พวกผมยังตามไม่ทัน รถออกนอกเมืองไปทางทิศตะวันตก แต่ได้เลขทะเบียนรถจากยามรีสอร์ต เช็กแล้วเป็นของบริษัทซอฟต์แวร์ เจ้าของคือคุณไรวินทร์น่ะครับนาย”
น้ำเสียงที่รายงานมาทางโทรศัพท์มือถือฟังดูร้อนรน แต่คนฟังยังคงนิ่งเฉย...ท่าทีสงบจนเกินปกติ
“งั้นหรือ”
รัชภาคย์ลากเสียงเป็นเชิงรับรู้อยู่ในลำคอ ไม่รู้หรอกว่าลูกน้องที่สนทนากับเขาถึงกับหันมองพรรคพวกที่อยู่ในรถคันซึ่งแล่นด้วยความเร็วสูงเพื่อจะตามหญิงสาวที่ถูกกำชับให้จับตามองให้ทันด้วยสายตาแปลกใจกันอยู่ครามครัน แต่ไม่ทันได้ถามอะไรต่อ เสียงของเจ้านายก็ดังตามมา
“ทวนทะเบียนรถให้ฟังหน่อยสิ”
“ครับ...ครับนาย”
แล้วเลขทะเบียนรถก็ถูกรายงานมาตามสาย รัชภาคย์จับจ้องไปยังรถที่มาจอดใหม่ จากตำแหน่งโต๊ะที่นั่งซึ่งอยู่ใกล้กับลานจอดรถมากที่สุดแล้ว ทำให้เห็นเลขทะเบียนของรถเก๋งคันสีดำคันนั้นชัด...
“พวกนายกลับไปได้แล้ว ไม่ต้องตาม”
สั่งแค่นั้นก็ตัดสาย โดยไม่ต้องอธิบายอะไรกันมาก เพราะคำสั่งของเจ้านายอย่างเขาถือเป็นคำเด็ดขาดที่ลูกน้องทุกคนต้องปฏิบัติตาม
รัชภาคย์ยกแก้วเบียร์เย็นเฉียบขึ้นจิบเมื่อเห็นทุกอย่างจนมั่นใจแล้ว ใบหน้าคมสันเกลื่อนด้วยรอยยิ้มกริ่ม จนคนสนิทที่นั่งร่วมโต๊ะต้องเลิกคิ้วแปลกใจ เพราะเห็นทุกอย่างที่ลานจอดพร้อมกัน และรู้ว่าผู้หญิงสาวที่ลงจากรถเก๋งคันสีดำพร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางลงมาด้วยนั้นเป็นคนที่นายให้เฝ้าจับตามองความเคลื่อนไหวอยู่นั่นเอง
เขากำลังรอดูว่าเจ้านายหนุ่มจะทำอะไรต่อไป แล้วดวงตาก็ปรายมองรอยแผลตรงขมับด้านซ้าย แทบจะส่ายหน้าในทันที
คิดว่าไม่ติดใจเอาเรื่อง เห็นเมื่อคืนยังเงียบ ที่ไหนได้ สั่งพวกนั้นตามเฝ้าทั้งวันอยู่นี่เอง แล้วมานั่งดักรอเองที่รีสอร์ตนี่...งานนี้ท่าจะแค้นฝังหุ่น
รัชภาคย์ขยับกายลุกขึ้น ไม่อยากสนใจธนัท ลูกน้องคนสนิทหรือจะเรียกว่ามือขวาก็คงได้ที่กำลังมองอยู่ เห็นแววตาคล้ายเอือมระอาอย่างเปิดเผยแล้วแทบยกเท้ายันโครมเข้าให้
นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในร้านอาหาร และเขากำลังวางแผนจับไก่อยู่ละก็...ไม่รอดตีนเป็นแน่
ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อทีเชิ้ตคลุมทับด้วยแจ็กเก็ตเนื้อหนากับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มย่างเท้าตรงไปยังส่วนบริการของรีสอร์ต เขายืนกอดอกมองหญิงสาวในชุดเสื้อและกางเกงสีดำเข้ารูป กระชับเรือนร่างที่ดูแน่นเปรี๊ยะไปทุกสัดส่วนอย่างเพลินตา...ลืมตัวไปชั่วขณะ
ดวงตาคมจุดประกายแปลกใจขึ้นแวบหนึ่งเมื่อคิดว่ายามยืนเทียบใกล้อย่างนี้ เจ้าหล่อนดูตัวเล็ก แบบบางกว่าที่เขาจำได้ พอไล่สายตามองเรือนผมสีดำสนิทก็รู้สึกพึงใจโดยไม่รู้ตัว
“ดิฉันพราวพิชชาค่ะ ห้องพักจองในชื่อคุณไรวินทร์ เธอบอกให้มารับกุญแจจากพนักงาน”
แค่ได้ยินชื่อที่หล่อนอ้างถึง รัชภาคย์ก็เหยียดยิ้ม...พราวพิชชารู้จักไรวินทร์เป็นการส่วนตัวด้วยจริงๆ คงสนิทสนมกันพอสมควรถึงจะจองห้องพักให้กันได้ ส่วนจะสนิทถึงขั้นไหน เขาไม่อยากนึกต่อให้เสียอารมณ์
“สักครู่นะคะ”
พนักงานบอกก่อนจะก้มหน้าคีย์ข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ รัชภาคย์ค่อยๆ เหลือบมองรอบตัว ไม่เห็นวี่แววของคนที่จะมาพร้อมเธอ...พวกนั้นคงแค่มาส่งเธอแล้วกลับไป
“เป็นไงบ้างคะ เจอหรือยัง”
เสียงพราวพิชชาเร่งเมื่อเห็นว่าพนักงานรีสอร์ตยังง่วนอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ แถมสีหน้าก็ดูว่าไม่ค่อยราบรื่นนัก กว่านาทีที่เธอคนนั้นจะเงยหน้าขึ้นมาตอบ
“เจอแล้วค่ะ”
พนักงานสาวบอกเสียงใส สีหน้าดูโล่งอกทันตา พราวพิชชายิ้มกว้างทีเดียว ขณะคนลอบสังเกตที่ยืนเยื้องหลังเธอเผลอพ่นลมหายใจด้วยอารมณ์แสนเสียดาย...คล้ายว่ากำลังผิดหวังที่ความต้องการของหล่อนเป็นผลสำเร็จ
“ขอกุญแจค่ะ”
หญิงสาวเร่งยิก เธอไม่อยากฝืนสู้อากาศในหน้าหนาวของเมืองเชียงราชสักเท่าไร ปิ่นลดาเคยบอกว่าที่นี่อากาศดี เย็นสบาย แต่ไม่เคยรู้ว่าหน้าหนาวจะหนาวเย็นขนาดอุณหภูมิจะลดต่ำกว่าสิบองศา
พนักงานคนนั้นง่วนหาอยู่อีกรอบ พราวพิชชากลอกตามองเพดาน พยายามทำใจเย็นๆ ยอมรับกับความเชื่องช้าของการให้บริการ ซ้ำยังขลุกขลักแทบจะทุกขั้นตอน
แล้วเธอคนนั้นก็เงยหน้ามายิ้ม พราวพิชชาเลิกคิ้วอย่างต้องการคำตอบ แต่ต้องนิ่วหน้า สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างยากจะฝืนได้ต่อ
“ดิฉันหากุญแจไม่เจอค่ะ ไม่รู้ว่าแขกได้ฝากเอาไว้หรือเปล่า รบกวนคุณนั่งรอสักครู่ ดิฉันจะโทร.ตามผู้จัดการมาเบิกกุญแจสำรองให้ค่ะ”
“ขนาดนั้นเลยหรือคะ” พราวพิชชาเริ่มมั่นใจในความ ‘ไม่ง่าย’ สำหรับชีวิตในเชียงราชของเธอเสียแล้ว และทำใจปลงไปพร้อมกัน จนคนถูกถามออกอาการงงงัน
“คะ...มีอะไรหรือคะ”
“ไม่มีอะไรค่ะ คุณรีบหน่อยแล้วกันค่ะ อากาศเย็น ตรงนี้ลมแรงด้วย ดิฉันอยากเข้าห้องพักไวๆ”
เธอทั้งง่วงและเพลีย เพราะผลตกค้างจากเมื่อคืนที่กว่าจะได้งีบหลับก็เกือบสว่าง แถมยังตื่นมาตั้งแต่เช้า ช่วงบ่ายก็วิ่งรอกฝ่าสายลมหนาวโดยไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าพร้อมเพื่อออกมาพบไรวินทร์...เท่าที่ฝืนตัวเองอยู่ได้โดยไม่ป่วยไข้หรือล้มพับไปเสียก่อนก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
แต่ถ้าให้ทนมากกว่านี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะฝืนสังขารต่อได้นานแค่ไหน เฮ้อ!
พราวพิชชายืนเคาะนิ้วกับเคาน์เตอร์เป็นจังหวะ สายตาจับจ้องพนักงานสาวเป็นเชิงเร่งในตัว...ไม่ยอมผละไปนั่งรอบนเก้าอี้ที่มีว่างอยู่หลายตัวตามคำเชิญ
ขณะเพลินๆ อยู่ เธอก็ต้องหันขวับทางด้านหลังเมื่อเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา
“คุณเล็กขา”
“ชิบหายแล้วไง”
เสียงอุทานของผู้ชายแทรกสวนมาทันที แม้ไม่ดังมาก แต่พราวพิชชาได้ยินชัด คล้ายว่าจะอยู่ใกล้เธอนิดเดียว และที่สำคัญเสียงของสองคนนั้นก็ช่างคุ้นหูชะมัด
เมื่อหันมองเต็มตา พราวพิชชาก็ต้องผงะ สะดุดเท้าตัวเองแทบล้มตึง จนรีบคว้าเคาน์เตอร์นั้นไว้แน่น
“คุณ...คุณมาอยู่นี่ได้ไง”
เธออ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่อยู่ข้างหลัง ตกใจแทบหยุดหายใจ เท่านั้นไม่พอ ทั้งเขาและผู้หญิงที่ปรี่มาหายังทำให้แทบช็อกตายกับการทักทายแบบถึงเนื้อถึงตัวกัน...ยายคู่ขาคนเมื่อคืนของเขา!
รัชภาคย์ถึงกับถอยไปหนึ่งก้าว เมื่อเจอแรงปะทะเต็มๆ จากร่างเพรียวบางทว่าอวบอิ่มทุกส่วนสัดที่พุ่งเข้ามากอดไว้เต็มรัก เขายกมือขึ้น รู้สึกเก้ๆ กังๆ อย่างน่าขัดใจ เพราะไม่รู้จะวางสองมือไว้ตรงไหน
“คุณมาหาหนูใช่ไหมคะ แล้วทำไมไม่โทร.มาบอกก่อน”
“เอ่อ...ไม่...”
รัชภาคย์อึกอัก ทำท่าจะปฏิเสธด้วยการบอกความจริงว่าตามใครมา แต่เพิ่งเห็นว่า ‘คุณป้า’ ของหลานชายที่ใกล้จะออกมาลืมตามองโลกนั้นกำลังอ้าปากหวอ มองเขาตาค้างอยู่ จึงต้องเบนความสนใจไปทางอื่นก่อน
“ผมกับลูกน้องมากินเบียร์ แล้วหนูมาอยู่นี่ได้ไง”
ถึงคราวที่แม่สาวแต่งหน้าจัดใส่เดรสสีเทารัดติ้วสั้นแค่โคนขาจะอ้ำอึ้งบ้าง หลังจากเป็นฝ่ายรุกผู้ชายที่ยืนเป็นเสาหินให้หล่อนกอดรัดจนแทบจะสิงอยู่
“หนู หนู...เอ่อ”
ผู้หญิงคนนี้ดูชอบกล จนพราวพิชชาที่คิดเสมอว่าไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น เพราะแค่เรื่องของตัวเองก็แทบเอาตัวไม่รอดอยู่แล้วนั้นต้องเพ่งมอง รอฟังคำตอบด้วยคน...ด้วยความลืมตัว
ส่วนรัชภาคย์เพิ่งได้นึกระแวงตามคำขู่ของธนัท ว่าการมายุ่งกับมินตรา เดี๋ยวก็ถูกพันเลื้อยจนแกะไม่หลุดอย่างที่เคยได้ยินกิตติศัพท์อยู่หรอก
“แล้วคุณ เอ่อ...คืนนี้ว่างใช่ไหมคะ หนูจะขอแก้ตัวจากเมื่อคืน” หล่อนเชิญชวน แต่น้ำเสียงร้อนรน...คนลอบฟังสังเกตได้
“ไม่เป็นไร เรื่องมันแล้วก็แล้วไป”
“แต่หนูรู้สึกไม่ดี ให้หนูแก้ตัวคืนนี้นะคะ นะคะ”
“ไม่ครับ ผมไม่สะดวก”
รัชภาคย์กำลังทำตัวลำบาก แต่ก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไม เขาเคยปฏิเสธผู้หญิงอย่างเด็ดขาดมาไม่รู้สักกี่สิบครั้งถ้าไม่สะดวกจริงๆ แต่คราวนี้ทำไมถึงอัดอัดชอบกล...พอมองหาธนัท ก็ขัดใจเจ้านั่นเหลือเกิน ถึงคราวฉุกเฉินมันมัวแต่มุดหัวอยู่ที่ไหน
“คุณมากับลูกน้องนี่คะ ไม่ได้มีคนอื่น ให้หนูไปกับคุณนะ หนูอยากแก้ตัว หลายๆ วันก็ได้ หนูอยากอยู่กับคุณ นะคะ”
มินตราเร่งเร้า แล้วยังเหลียวมองรอบเหมือนกำลังระวังตัวเองอยู่ ทำให้คนที่สังเกตการณ์อยู่ใกล้จนแทบจะหายใจรดต้นคออยู่นั้นต้องกระแอมเสียงดังอย่างต้องการขัดจังหวะ...
“อะแฮ้ม!”
แล้วได้ผล เมื่อสองหนุ่มสาวที่กอดฟัดกันอย่างไม่อายฟ้าดินหันมองเธอเป็นตาเดียว พราวพิชชาชำเลืองมองคนทั้งคู่ด้วยหางตา เบ้ปาก กลอกตาอย่างให้รู้ชัดๆ ไปเลยว่ารังเกียจ
“เอ๊ะ! ผู้หญิงคนนี้ใครคะ ไหนคุณบอกว่ามากับลูกน้องของคุณไง แต่...หน้าคุ้นๆ”
นาทีนั้นเองที่รัชภาคย์ได้รู้คำตอบของความอึดอัดใจ...เมื่อสายตาคมปรายไปสบตากับเจ้าของดวงตากลมหวาน
พราวพิชชากอดอก ตั้งหลักมั่น เมื่อเห็นว่าสองคนเริ่มหันความสนใจมาทางเธอและยังไม่ละออกไป หล่อนไม่จำเป็นต้องเก็บอารมณ์ใดๆ ไว้อีก ความดูแคลนพุ่งทะยานออกมาทั้งจากสายตาและสีหน้า แค่สะกดตัวเองให้ยืนนิ่งอยู่ได้โดยไม่ยกแจกันบนเคาน์เตอร์ใกล้มือทุ่มลงบนหัว ซ้ำรอยแผลเดิมของคนหน้าหนาก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
“ตกลงว่าที่คุณไม่ยอมให้หนูอยู่ด้วยเพราะนัดแม่นี่ไว้ใช่ไหมคะ คุณไม่ได้มาหาหนู แต่มาหาแม่คนนี้ เธอมีดีอะไรคุณถึงเปลี่ยนใจ ไหนว่าติดใจหนู คุณบอกว่าหนูเก่งไงคะ แล้วทำไมถึงเปลี่ยนใจ หรือว่าแม่นี่ลีลาเด็ดกว่า คุณบอกมาเลยอยากให้หนูทำอะไร หนูทำให้คุณได้ทั้งนั้น”
เสียงแหวขึ้น ไม่เพียงแต่พราวพิชชาที่ถูกพาดพิงถึงอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จนถึงกับอึ้งตะลึง ยืนหน้าแดงก่ำ รัชภาคย์เองก็ไปไม่เป็นเหมือนกันเมื่อเจอฤทธิ์เดชแม่สาวที่เคยอ่อนหวานตอนคลุกอยู่บนเตียงนอนเข้าให้
“หยุด หยุดก่อน”
“หนูไม่หยุด คุณติดใจมันได้ยังไง หุ่นก็ตัน นมก็แบน ดีแต่สะโพกใหญ่ แต่ดูยังไงก็สู้หนูไม่ได้ คุณชอบมันได้ยังไง หนูไม่ยอมนะ หนูไม่ยอมให้คุณไปกับมัน”
จากที่ยืนหน้าชาหนึบ เมื่อถูกวิจารณ์ซ้ำเข้าไปอีก พราวพิชชาถึงกับหันมาจ้องมินตราใกล้ มือบางกำหมัดแน่น จนผู้ชายคนเดียวในเหตุการณ์เสียววาบในอก
“เฮ้ย ไปกันใหญ่แล้ว พอ หยุดก่อนหนู”
ถ้าจะห้ามมินตราให้หยุดตอนนี้ คงไม่ต่างกับการสั่งพายุทอร์นาโดไม่ให้พัดหมุน หล่อนกระทืบเท้าเร่าๆ ตีโพยตีพายอย่างไม่รู้สึกอาย ชายหนุ่มพยายามปลดมือที่ยังรัดกอดเขาแน่น อยากไปให้พ้นรัศมีของอาละวาดของหล่อน แต่มันก็ไม่ง่ายนัก
แล้วคนที่เดินปรี่เข้ามาก็ทำให้มินตราหยุดชะงักราวสั่งได้...สองมือหล่อนคลายออกจากรัชภาคย์ทันที...เขาควรดีใจที่สามารถสลัดมินตราออกได้ แต่เมื่อเห็นสายตาของผู้ชายที่มาหยุดยืนตรงหน้า กลับรู้สึกถึงสังหรณ์บางอย่างว่ามันคงไม่ชวนโล่งใจเสียกระมัง
“พ่อเลี้ยง...” เสียงเรียกแผ่วเบาของมินตรา รวมถึงท่าทางดูตกใจ แถมยังทำหน้าไม่ถูก ยิ่งตอกย้ำให้รัชภาคย์รู้ถึงความผิดปกติ...จนต้องทักทายขึ้นก่อน
“สวัสดีครับพ่อเลี้ยงฉัตรฉาย”
คนถูกทักยังคงนิ่ง ไม่ตอบรับ รัชภาคย์พอรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรจากท่าทางของสองคน จึงค่อยๆ ถอยห่าง...แล้วไหวไหล่เมื่อนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดเหมือนกัน
“ผมมากินเบียร์กับ...แฟนผม เห็นทีต้องขอตัวกลับก่อน” พูดพร้อมคว้าหมับไปที่เอวบางของคนที่ยืนทำท่าอย่างจะพ่นไฟใส่หน้าเขาอยู่
แค่มือหนาสัมผัสถึง พราวพิชชาถึงกับสะดุ้งโหยง กระโดดหนี แต่กายบางกลับถูกคว้ากลับมาอย่างทันท่วงที
พราวพิชชาตั้งตัวไม่ทัน ไม่นึกว่าชีวิตต้องมาพบเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้ หล่อนกำลังถูกแม่ผู้หญิงคนนั้นพาดพิงถึงอย่างเสียๆ หายๆ แต่ไม่ทันได้ตอกกลับก็ถูกผู้ชายมักมากลากออกมาจากหน้าเคาน์เตอร์ให้บริการ
“กุญแจห้องพักไม่ต้องหาแล้ว คุณผู้หญิงจะไปกับฉัน และไม่ต้องบอกคุณไรวินทร์ ฉันจะคุยกับเขาเอง”
พราวพิชชาได้ยินเสียงคนที่ลากหล่อนตะโกนบอกพนักงานรีสอร์ตที่วิ่งออกมาทำท่าละล้าละลัง แค่ได้ยินคำโป้ปด เจ้าหล่อนก็พร้อมจะเชื่อ พราวพิชชาอยากจะกรี๊ดกับสิ่งที่กำลังเกิดกับตัวเองนัก จึงสวนคำออกไป
“อย่าเชื่อเขา ช่วยฉันด้วย ผู้ชายบ้านี่เป็นใคร ฉันไม่...อุ๊บ”
หล่อนตาเหลือกลานเมื่อมือหนาตะปบปากหมับ พริบตาเดียวก็รู้สึกถึงร่างลอยหวือจากพื้น จนต้องผวากอดรัดลำคอหนาไว้แน่น เพราะกลัวตก ก่อนจะถูกส่งเข้าไปในรถ
ได้ยินเสียงโครมครามอยู่ แต่ไม่กี่วินาทีพาหนะที่พราวพิชชานั่งอยู่ก็เคลื่อนออก แล่นสู่ด้านหน้าของรีสอร์ตแล้วออกถนนสายหลัก หญิงสาวใจหายใจคว่ำ เหลือบมองสองข้างทางที่มืดมิด...ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่หล่อนไม่ทันได้ตั้งสติ