ตอนที่4 ชัดเจน
ตอนที่4 ชัดเจน
อาหารสามสี่ถุงรวมทั้งผลไม้อีกสามสี่อย่างถูกวางลงบนโต๊ะทานข้าวเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่มุมห้อง วารินหยิบเอากล่องผลไม้ไปเก็บในตู้เย็นก่อนจะเดินกลับไปหยิบ Laptop เครื่องเก่าที่ใช้มาเกือบสองปีขึ้นมาเปิดทำรายงานที่อาจารย์สั่งเมื่อเช้าเพื่อคร่าเวลา เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาทานมื้อเย็น
วารินนั่งทำงานเพลินจนลืมดูเวลา รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ท้องส่งสัญญาณว่าต้องการอาหารเข้าไปย่อยในกระเพาะจนตอนนี้ส่งเสียงร้องโครกครากสองครั้งติดแล้ว
กล่องอาหารหน้าตาน่ารับประทานถูกหยิบขึ้นมาดูก่อนจะเลือกเมนูที่เป็นเส้นไปเข้าไมโครเวฟเพื่ออุ่นก่อนรับประทานเพราะตอนนี้อาหารที่เธอวางไว้นั้นเย็นหมดแล้ว
ติ๊ง!
ระหว่างที่วารินนั่งทานสปาเกตตีคาโบนาร่าอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้นเสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้น มือเล็กหยิบขึ้นมาดูก็เห็นเป็นแจ้งเตือนเชิญเข้าร่วมวิดีโอคอลกลุ่มเธอจึงกดเข้าร่วม
“สวัสดีทุกคน” เสียงของเทมป์พูดขึ้นคนแรก ขณะนี้มีคนเข้าร่วมสนทนากลุ่มมีแค่ 4 คนจากสมาชิกทั้งหมด 5 คนขาดหนึ่งคนคือเรย์
ทางด้านเรย์
ขณะที่กำลังนั่งจ้องพอร์ตหุ้นอยู่นั้นเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น สายตาคมเหลือบไปมองแต่ก็ไม่ได้กดเข้าร่วมกลุ่มแต่อย่างใด ผ่านไปไม่นานก็มีแจ้งเตือนข้อความจากเทมป์ว่าให้เข้าร่วมวิดีโอคอลกลุ่มด้วยเพราะขาดแค่เรย์เพียงคนเดียว ทันใดนั้นสมองก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างออกจึงคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าร่วมสนทนากลุ่มด้วย
ใบหน้าหล่อเหลาที่กล้องจับมุมด้านข้างขณะกำลังนั่งทำอะไรสักอย่างอยู่หน้าจอ Laptop วารินเผลอจ้องมองสันกรามที่เด่นชัดกับจมูกที่โด่งรับกับใบหน้าเป็นอย่างดีนั้นจนเพลินตา
"รินสปาเกตตีที่เธอกำลังทานอยู่นั่นเธอจ้างคนไปต่อคิวซื้อมาเหรอ” เทมป์พูดขึ้นเสียงดังขณะที่เพื่อนทุกคนกำลังปรึกษากันเรื่องรายงานที่อาจารย์สั่งวันนี้เพราะจำกล่องอาหารที่วารินกำลังนั่งทานอยู่นั้นได้เป็นอย่างดี
“เปล่า ทำไมเหรอ”
“ร้านนี้เราอยากทานตั้งนานแล้วแต่ทนไปยืนต่อแถวซื้อไม่ไหว อย่าบอกนะว่าเธอไปยืนต่อแถวซื้อตั้งแต่เลิกเรียนพึ่งได้ทาน เธอมีความอดทนสูงมากเลยนะ ขนาดเราโทรไปที่ร้านจะจ่ายค่าจองคิวให้ยังโดนร้านปฏิเสธมาเลย”
“อื้อ..เราอยากกินน่ะเห็นคนต่อคิวเยอะเลยไปยืนต่อกับเขา” วารินจำต้องโกหกออกไปแบบนั้น ขืนเธอบอกว่ามีใครไม่รู้สั่งมาให้เธอทุกคนคงคิดว่าเธอเป็นเด็กเสี่ยหรืออาจจะบอกว่าเธอโกหกก็เป็นได้
“หึ” เรย์ละสายตาจากหน้าจอ Laptop หันไปมองหน้าจอโทรศัพท์เพียงแวบเดียวแล้วก็หันกลับไปสนใจกราฟตรงหน้าเหมือนเดิม
“ไอ้เรย์มึงได้หัวข้อที่จะทำรายงานแล้วเหรอวะ ถ้ายังมึงก็ปรึกษารินกับไนร่าดูสิ” เทมป์บอกกับเรย์ที่ยังคงนั่งจ้องหน้าจอ Laptop ไม่สนใจที่จะสนทนากับเพื่อนในกลุ่ม
“รายงานส่งอาทิตย์หน้าจะรีบทำไปทำไม” เสียงเรียบพูดขึ้นแต่สายตายังคงจ้องอยู่ที่เดิม
หลังจากออกจากไลน์กลุ่มแล้ววารินก็เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟันอีกครั้งก่อนเข้านอน ร่างอรชรเดินไปปิดไฟในห้องแล้วล้มตัวลงนอนกับฟูกนุ่ม ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟตรงหัวเตียง
ติ๊ง!
ดวงตากลมโตภายใต้แพขนตางอนที่พึ่งปิดลงต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อเสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้น วารินกะพริบตาปริบ ๆ เพื่อปรับแสงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูว่าใครส่งข้อความมา
“ทำรายงานให้ฉันด้วยฉันจ้างสามพัน” ฝ่ามือเล็กเผลอกำโทรศัพท์แน่นเมื่อคนที่ส่งข้อความมานั้นคือชายหนุ่มคนที่มาส่งเธอตอนเย็น และพวกเขาพึ่งวางสายจากกันตอนวิดีโอคอลไลน์กลุ่มไปเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้ว วารินชั่งใจอยู่นานว่าจะเปิดอ่านดีหรือไม่ หรือจะปล่อยให้ขึ้นว่ายังไม่อ่านอยู่แบบนั้น ก่อนจะกดเข้าไปอ่าน
“ทำให้ก็ได้ถือว่าเป็นค่าน้ำมันที่มาส่งฉันวันนี้แล้วกัน” คิดวนไปวนมาอยู่นานพิมพ์ตอบกลับไป
“ได้ ไม่ต้องจ้างหรอกถือซะว่าเป็นค่าน้ำมันที่นายมาส่งฉันแล้วกัน”
หลังจากตอบข้อความกลับไปก็นั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่นานว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาว่าอย่างไร แต่ก็ไร้วี่แววว่าอีกคนจะเปิดอ่านจนเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงวารินจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมและล้มตัวลงนอน
ทางด้านเรย์
“ฮึ! ตอบแทนที่ฉันไปส่งอย่างนั้นเหรอ ยัยบ๊องเอ๊ย” เรย์เห็นแจ้งเตือนข้อความที่วารินตอบกลับมาแล้วแต่ไม่เปิดอ่าน
เช้าวันต่อมา
หลังจากที่นาฬิกาปลุกสิ่งแรกที่หญิงสาวทำคือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเข้าแอปพลิเคชันไลน์แล้วกดเข้าไปที่ประวัติการแชตของชายหนุ่ม
“ป่านนี้แล้วยังไม่อ่านอีกเหรอ ส่งข้อความมาสั่งคนอื่นแล้วหายหัวไปเลยเนี่ยนะ นิสัยไม่ดีเอาเสียเลย” วารินบ่นอุบอิบกับหน้าจอโทรศัพท์แล้วโยนลงกับเตียงตามด้วยหมอนใบใหญ่โยนไปทับอีกที
หญิงสาวในชุดนักศึกษาสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่โปรดเดินไปยังปากซอยเพื่อเรียกวินมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่สถานี MRT หลังจากที่ศึกษาเส้นทางใหม่มาเมื่อคืนแทนการขึ้นรถเมล์ เพราะกลัวรถติดแล้วจะไปเรียนสายเหมือนเมื่อวาน
วารินเดินทางมาถึงมหาลัยก่อนถึงวิชาเรียนในคาบแรกประมาณหนึ่งชั่วโมง เธอจึงเลือกที่จะไปนั่งอ่านหนังสือรอเพื่อน
“สวัสดีครับ ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ” รุ่นพี่ปีสามที่เธอเจอเมื่อวานตอนเช้าที่ลานกิจกรรมเดินเข้ามาทักทาย
“ได้ค่ะ เชิญค่ะ” วารินตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
ทั้งสองนั่งคุยกันสนุกสนาน รุ่นพี่หนุ่มก็แนะนำเรื่องต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัยให้วารินฟัง คอยแนะนำนู่นนี่นั่นทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดี
ปึ้ก!
กระเป๋าสะพายแบรนด์ดังโยนลงตรงกลางโต๊ะม้าหินอ่อนที่วารินและรุ่นพี่นั่งอยู่ โดยไม่สนใจว่าราคามันจะแพงแค่ไหนหรือจะเสียหายหรือไม่
“เพื่อนใหม่เหรอ” เรย์เอ่ยถามขึ้นขณะหย่อนสะโพกลงนั่งตรงเก้าอี้ข้าง ๆ วาริน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่นั้นคือรุ่นพี่ปีสามที่เขาเจอที่ลานกิจกรรมเมื่อวาน
“นี่พี่ “วายุ” รุ่นพี่ปีสามเป็นหัวหน้าพี่ระเบียบที่มาคุมพวกเราที่ลานกิจกรรมเมื่อวาน”
“เรียนคณะนี้เหรอเรา” รุ่นพี่หนุ่มหันไปเอ่ยถามเรย์อย่างมีมารยาท
“ถ้าไม่ได้เรียนคณะนี้จะมาทำไม” เสียงเรียบตอบกลับไม่แม้แต่จะมองคู่สนทนา
“เรย์พูดกับพี่เขาดี ๆ” วารินสะกิดเข้าที่แขนแกร่งหนึ่งที
"รายงานที่ฉันสั่งเสร็จหรือยัง"
"นายพึ่งบอกฉันเมื่อคืนเองนะ อ้อ..อีกอย่างรายงานก็ส่งตั้งอาทิตย์หน้าจะรีบทำไม" วารินเอาคำพูดของเรย์ที่พูดเมื่อคืนมายอกย้อนเรย์กลับอย่างนึกหมั่นไส้
"วาริน" เสียงเข้มดุเอ่ยเรียกหญิงสาว พร้อมส่งสายตาดุที่ชอบทำเป็นประจำ
"ถ้างั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับ ยังไงก็ตั้งใจเรียนนะครับพี่เป็นกำลังใจให้"
"ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ"
หลังจากที่รุ่นพี่หนุ่มเดินออกไปต่างคนก็ต่างเงียบ
"ส่งเลขบัญชีมาให้ด้วย" อยู่ ๆ เรย์ก็พูดขึ้นลอย ๆ
"../.." วารินยังนั่งนิ่งสนใจหนังสือตรงหน้า
"ฉันบอกไม่ได้ยินหรือไง" เสียงเรียบกดต่ำพูดขึ้นอีกครั้ง
"นายคุยกับฉันเหรอ"
"ก็นั่งอยู่แค่สองคนหรือเปล่าวะ อย่ามากวนประสาทฉันแต่เช้า"
"นายนั่นแหละที่กำลังกวนฉันอยู่ เมื่อคืนนอนน้อยหรือไงถึงมาเหวี่ยงใส่คนอื่นไปทั่วแบบนี้" วารินหันไปแหวเสียงใส่เพราะทนพฤติกรรมของเรย์ไม่ไหว
“คุยอะไรกันอยู่วะหน้าเครียดเชียว แล้ววันนี้ทำไมมึงมาเรียนแต่เช้า เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือไง” เทมป์เดินเข้ามาคั่นกลางพายุที่กำลังก่อตัวขึ้นพอดี ต่างฝ่ายต่างเงียบหันหน้าหนีไปทางอื่น เทมป์มองหน้าทั้งสองสลับกันอย่างไม่เข้าใจ
“ไฮ..สวัสดีทุกคน” เสียงแหลมแสบแก้วหูของไนร่าดังมาแต่ไกลช่วยทำลายบรรยากาศอึมครึมที่ก่อตัวขึ้นแต่เช้าให้หายไปได้ วารินพับเก็บหนังสือยัดใส่กระเป๋าแล้วเงยหน้าขึ้นพูดกับไนร่าที่คุยคนเดียวตั้งแต่มาถึง
“โอ้พระเจ้า นี่กูเป็นคนมาสายสุดหรือนี่ เป็นไปได้ยังไงที่ไอ้เรย์มาถึงมหาลัยก่อนกู” โซนตะโกนมาแต่ไกลก่อนจะเดินมาหย่อนสะโพกลงนั่งข้าง ๆ เทมป์
“มันมาก่อนกูอีก” เทมป์พูดเสริมขึ้น
“เฮ้ย! จริงดิ แม่งนอนไม่หลับหรือไงเมื่อคืน” เป็นคนที่สามที่ถามคำถามนี้กับชายหนุ่ม
“นัดกันมาเสือกเรื่องของกูหรือไง หุบปากแล้วไปหาอะไรกินกูหิวข้าว” เรย์ลุกพรวดพราดขึ้นเต็มความสูงเดินไปยังโรงอาหารไม่แม้แต่จะมองว่ามีเพื่อนคนไหนเดินตามหรือไม่
“แม่งอะไรของมันวะมาตั้งแต่เช้าเสือกไม่ไปกิน อีกสิบนาทีถึงเวลาเข้าเรียนมันเสือกเดินไปกินข้าว” เทมป์ได้แต่ส่ายหัวแต่ก็ยอมเดินตามเรย์ไป รวมทั้งคนอื่น ๆ ด้วย
“รินแกเอาอะไรไหม” ไนร่าหันมาถามวารินที่เอาแต่นั่งอ่านหนังสือไม่ซื้ออะไรมาทาน
“ไม่ล่ะ ฉันทานข้าวเช้ามาจากห้องแล้ว”
“เทมป์ไปซื้อน้ำให้กูหน่อย” เรย์หันไปบอกเทมป์ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาสนใจเกมในมือถือ
“อยากแดกก็ไปซื้อเองสิ” คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันขณะที่สายตาและสมาธิยังจดจ้องอยู่ที่หน้าจอมือถือ
“ไอ้เทมป์ กูบอกไปซื้อน้ำให้กูหน่อย” ครั้งนี้เรย์พูดเสียงดังกว่าเดิมจนเทมป์ที่กำลังเล่นเกมอย่างเมามันเงยหน้าขึ้นมามองตาขวาง
“กูแพ้เลยไอ้ห่า”
“เทมป์เขายุ่งอยู่ เดี๋ยวฉันไปซื้อให้เอาน้ำอะไรเหรอ” เสียงหวานอ่อนโยนเอ่ยเสนอตัวออกไป
“ไม่ต้อง ฉันอิ่มพอดีเดี๋ยวเดินไปซื้อเอง” พูดจบก็วางช้อนส้อมลงผลักจานข้าวออกห่างลุกจากโต๊ะเดินดุ่ม ๆ ไปยังร้านขายเครื่องดื่ม
“พวกเธอสองคนไม่ได้งอนกันใช่ไหม” ไนร่ามองเพื่อนทุกคนเพื่อขอความเห็นก่อนจะไปหยุดที่วารินและเอ่ยถามขึ้น
“เปล่า ฉันจะไปงอนเรย์เรื่องอะไร”
“อ้าวน้องริน เมื่อเช้าที่คุยกันพี่ลืมบอกว่าพี่เรียนสาขาเดียวกันกับน้องริน มีปัญหาอะไรปรึกษาพี่ได้ตลอดนะครับไม่ต้องเกรงใจ” รุ่นพี่หนุ่มเดินเข้ามาทักทายหญิงสาวดูสนิทสนม จังหวะที่เรย์เดินกลับมาที่โต๊ะพอดี
ปั้ง!
เสียงแก้วน้ำกระทบกับโต๊ะ น้ำในแก้วแทบกระฉอกออกมาตามแรงกระแทก
“กูพอเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แม่งชัด โคตรชัดเจน” เทมป์หันไปมองหน้ากับโซน ทั้งสองพยักหน้าให้กันสื่อว่าเข้าใจตรงกัน