ตอนที่3 คลุมเครือในสถานะ
ตอนที่3 คลุมเครือในสถานะ
ทางด้านเรย์
"ไอ้เรย์สรุปว่ามึงกับรินมันยังไงกันแน่" เทมป์ยังไม่วายถามเซ้าซี้ต่อบนรถ
"มึงอยากเป็นเพื่อนกับเธอไม่ใช่หรือไง แล้วจะมาถามกูทำไม" เรย์ตอบปัด ๆ กลับไป
"แต่มึงทำตัวแปลกไปวันนี้"
“ไร้สาระ" น้ำเสียงเรย์เริ่มออกอาการว่าไม่อยากสนทนากับเทมป์ต่อเรื่องนี้ แต่อีกฝ่ายเหมือนต้องการจะอยากรู้จึงหยิบยกนั่นนี่ขึ้นมาพูดไม่หยุด
"ซอสนั่นผสมวาซาบินะระวังเผ็ด จิ้มเกลือนิดหนึ่ง ปกติมึงสนใจคนอื่นที่ไหนขนาดกูเป็นเพื่อนมึงมา 19 ปีมึงยังไม่เคยสนใจกูขนาดนั้นเลย" เทมป์ขยับมานั่งตรงกลางเบาะ ชะโงกหน้ามาตรงกลางระหว่างเรย์และโซนหันหน้าไปหาเรย์พร้อมกับพูดขึ้นเสียงดังข้าง ๆ หู
"ก็เขาไม่เคยกิน มึงจะอะไรนักหนา"
“แต่มึงใส่ใจรินมากเป็นพิเศษ”
“มึงเงียบปากซะทีเถอะไอ้เทมป์ ตั้งแต่ขึ้นรถมาแม่งยังพูดไม่หยุดแก้วหูกูจะแตกอยู่แล้ว แม่งน่ารำคาญ” โซนทนนั่งฟังต่อไปไม่ไหวจึงพูดสวนขึ้น
"ขนาดคนชักดิ้นชักงอล้มลงต่อหน้ามึง มึงยังเดินผ่านไม่แม้แต่จะชายตามอง" เทมป์ยังหาเรื่องมาพูดไม่หยุด ขนาดโซนพยายามเอ่ยเตือนแล้วก็ไม่มีทีท่าจะฟัง
"กูไม่ใช่หมอ และไม่รู้วิธีปฐมพยาบาลจะช่วยเขายังไง แต่นี่กูแค่เตือนเขาเพราะเขาไม่เคยทาน ถ้าแพ้มาต้องเข้าโรงพยาบาลจะทำยังไง มึงหัดแยกแยะด้วยไอ้เทมป์"
"เออ..มึงชนะตลอดแหละ และครั้งนี้มึงก็ชนะ กูไม่เคยเถียงชนะมึงสักครั้ง" จนสุดท้ายไม่สามารถเอาชนะเรย์ได้จึงพูดกระแนะกระแหน พร้อมถอยกลับมานั่งเอนหลังพิงเบาะด้านหลังด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
"รู้ตั้งแต่แรกแล้วจะไปเถียงกับมันให้เหนื่อยทำไม" เป็นเสียงของโซนพูดขึ้นพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ
หลังจากทานมื้อเที่ยงกันเสร็จและกลับมาถึงมหาลัยก็ได้เวลาเข้าเรียนคาบบ่ายพอดี ส่วนมากเทอมแรกก็จะเรียนวิชาศึกษาทั่วไป ซึ่งจะเป็นห้องเรียนรวมนักศึกษาจึงเยอะกว่าปกติ
“กูจะนั่งตรงนี้” เทมป์เดินมาแทรกกลางระหว่างเรย์และวารินเข้าไปนั่งเก้าอี้ตรงกลางซึ่งปกติจะเป็นที่นั่งของเรย์
“ปกติมึงต้องนั่งข้างไอ้โซนตลอด” เรย์เอ่ยถามขึ้นไม่ใส่ใจนัก พร้อมกับหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้ข้าง ๆ โซน
“ก็วันนี้กูอยากนั่งตรงนี้ หรือมึงก็อยากนั่งตรงนี้เหมือนกัน” เทมป์ลอยหน้าลอยตาถามกลับ
“ไร้สาระจะนั่งก็นั่งไป” เรย์พูดตัดบท มือล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเล่นเกม
“รินทำไมถึงมาเรียนไกลขนาดนี้ล่ะที่เชียงใหม่มหาลัยดังก็ออกจะเยอะแยะ แถมอากาศที่โน่นก็ดีกว่าเป็นไหน ๆ” เทมป์ชวนวารินคุยทันทีไม่ปล่อยให้ปากตัวเองว่างเกินสิบนาที
“เราอยากมาเรียนรู้สังคมใหม่ ๆ น่ะ อยากลองออกมาใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ ดู และที่นี่ก็มีงานให้ทำเยอะกว่าที่โน่น”
“อืม..รินคงเบื่อแหละอยู่โน่นมาตั้ง 19 ปี เราเองยังเบื่อกรุงเทพฯ เลย”
“เบื่อกรุงเทพฯ แล้วตอนพ่อมึงให้ไปเรียนที่อเมริกาเสือกไม่ไป” เสียงเรียบของเรย์ดังแทรกขึ้นระหว่างการสนทนาของทั้งสอง เทมป์หันกลับไปชักสีหน้าใส่เรย์ทันที
“ปกติสองคนจะชอบเล่นกันแบบนี้ตลอดเหรอ ดูสนิทกันดีนะ” วารินพูดขึ้น ใบหน้าเรียวเล็กเอียงหน้ามองไปทางเทมป์และเรย์ ใบหน้าคมหันมาทางเธอพอดีสายตาทั้งสองจึงประสานกันโดยบังเอิญไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่ของวันนี้
หลังจากเลิกคลาสนักศึกษาทุกคนทยอยเดินออกจากห้องเหลือเพียงกลุ่มของเรย์และวารินที่ยังนั่งอยู่เพราะเรย์กับโซนยังเล่นเกมไม่จบทุกคนจึงนั่งรอก่อน
“ขอโทษนะคะเธอชื่ออะไรเหรอ มีแฟนหรือยังคะ” หญิงสาวหุ่นเซ็กซี่สวมกระโปรงนักศึกษาสั้นเหนือเข่าเดินมาหยุดตรงหน้าเรย์และเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“มีธุระอะไร” จังหวะที่เรย์เล่นจบเกมพอดีจึงละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“เราชอบเธอขอไลน์หน่อยได้ไหม” โทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดแบรนด์ดังยื่นไปตรงหน้าชายหนุ่ม
“ไม่สะดวก ขอตัวก่อนนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นเต็มความสูงตั้งท่าจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเสียหน้าและรู้สึกอายมากแค่ไหนที่โดนปฏิเสธออกไปแบบนั้น
“เดี๋ยวเราส่งคอนแทรคให้ แอดไลน์เราไปก่อนก็ได้” เทมป์ยื่นโทรศัพท์ที่หน้าจอกำลังแสดงคิวอาร์โค้ตไปตรงหน้าหญิงสาว
“โอเคเอาแบบนั้นก็ได้”
หน้าตึกคณะ
“ทุกคนเอาโทรศัพท์มาสแกนเข้าไลน์กลุ่มกันเร็ว มีอะไรจะได้คุยกันในนี้” เทมป์ยื่นโทรศัพท์ที่แสดงคิวอาร์โค้ตกลุ่มที่พึ่งตั้งขึ้นหมาด ๆ ไปตรงหน้าเพื่อนทุกคน เมื่อเข้ากลุ่มกันครบทุกคนแล้วใบหน้าหล่อเหลาก็ยิ้มกว้าง
“เออ..รินเธอกลับยังไงแล้วเธอพักอยู่แถวไหน” เทมป์หันไปถามวารินก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
“เรานั่งรถไฟฟ้ามาน่ะ”
“เธอพักอยู่แถวไหนเดี๋ยวฉันไปส่ง”
“อยู่แถว ๆ อโศก”
“เดี๋ยวเราไปส่ง
“ทางเดียวกันกับคอนโดไอ้เรย์ ให้ไอ้เรย์ไปส่งแล้วกันมึงจะขับอ้อมโลกไปทำไม ไปกลับบ้าน” โซนหันไปว่าให้กับเทมป์พร้อมกระชากแขนลากไปยังลานจอดรถที่อยู่ด้านหลังตึก
“งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”
ทุกคนเดินแยกย้ายออกไปเหลือเพียงเรย์และวารินยืนอยู่ที่เดิม ฝ่ามือเล็กกำสายกระเป๋าไว้แน่นเพื่อลดอาการประหม่า
“ตามมารถจอดอยู่ด้านหลัง” วารินเดินตามแผ่นหลังกว้างไปเงียบ ๆ เท้าเล็กรีบเร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้นเป็นกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพราะเดินตามขายาวของเรย์ไม่ทัน
ติ้ด! ติ้ด!
เสียงสัญญาณปลดล็อกดังขึ้นพร้อมกับไฟหน้ารถกะพริบปริบ ๆ ร่างสูงของชายหนุ่มเปิดประตูขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับ ดวงตากลมโตเบิกโพลงเมื่อรถคันที่อยู่ตรงหน้าเธอคือคันเดียวกันกับเมื่อเช้าที่เกือบชนเธอตรงประตูทางเข้ามหาลัย
“จะไปไหมหรือจะนอนนี่” เสียงทุ้มตะโกนถามอีกครั้ง
“ปะ..ไป ไป” มือสั่นเทายื่นไปเปิดประตูและก้าวเท้าขึ้นไปนั่งตำแหน่งด้านข้างคนขับ มือสองข้างกุมกันแน่นอยู่บนหน้าตัก
“ขอโทษด้วยเรื่องเมื่อเช้า แต่ทีหลังจะข้ามถนนก็ระวังด้วยถ้าฉันเบรกไม่ทันเธอได้ไปนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลแน่” เมื่อรถขับออกมาได้สักพักเรย์จึงเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
“นายเองก็ขับรถเร็ว นี่ในเขตมหาลัยนะ” วารินไม่ยอมเป็นฝ่ายผิดอยู่คนเดียวว่าสวนกลับชายหนุ่มเสียงดังฟังชัด
“ถ้าฉันจะขับช้ากว่านี้คงซื้อจักรยานมาปั่น ไม่ต้องเสียเงินเป็นสิบล้านซื้อรถคันนี้มาขับหรอก” เรย์ว่ากลับทันที
“แต่ในมหาลัยเขาห้ามใช้ความเร็ว อย่างน้อยนายก็ควรเคารพกฎของมหาลัยด้วย”
“โอเคคราวหลังจะขับช้าลงกว่านี้ก็แล้วกัน” เป็นครั้งแรกที่เรย์ยอมแพ้ให้คนอื่นชนะ ถ้าเทมป์รู้เรื่องนี้คงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“เชอะ คิดว่ารวยแล้วจะขับรถตามใจตัวเองโดยไม่เคารพกฎอย่างนั้นเหรอ” วารินขยับท่านั่งหันหลังไปทางเรย์เล็กน้อย ใบหน้าเรียวเล็กหันมองทะลุกระจกที่ติดฟิล์มดำสนิททอดสายตาออกไปด้านนอกพร้อมกับบ่นอุบอิบ
“ฮึ” เสียงถอนหายใจพร้อมกับรอยยิ้มผุดขึ้นมุมปาก
“จะแวะกินข้าวเย็นก่อนหรือเปล่า” เมื่อขับรถมาใกล้ถึงคอนโดที่วารินพักอยู่เรย์จึงเอ่ยถาม
“ไม่เป็นไรฉันหาอะไรง่าย ๆ กินบนห้องก็ได้ ไม่อยากรบกวนเวลานายมากไปกว่านี้”
“เธอชอบคิดเองเออเองแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วเหรอ”
“ทำไม ก็ฉันพูดความจริง ฉันไม่อยากรบกวนนายมากไปกว่านี้ แค่นายให้ฉันติดรถมาด้วยก็ดีแค่ไหนแล้ว”
เอี๊ยด..
“ขอบคุณนะ” วารินกล่าวขอบคุณยื่นมือไปเปิดประตูเพื่อลงจากรถ
“เดี๋ยว..เธอพักอยู่ห้องเบอร์อะไร” มือเล็กต้องหยุดชะงักเอี้ยวตัวหันกลับมามองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง
“นายถามทำไม”
“เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือทัน เธออยู่คนเดียวเผื่อเวลามีอะไรฉุกเฉินขึ้นมาใครจะช่วยเหลือเธอ”
“501 ฉันไปได้ยัง” ร่างบางฉุกคิดสักพักจึงบอกออกไป
“เชิญ” ฝ่ามือหนาผายไปทางประตูบ่งบอกว่าอนุญาตให้วารินลงจากรถได้
บรื๊น….
เสียงเร่งเครื่องขับออกไปด้วยความเร็ว วารินมองตามหลังไม่นานรถก็ไปไกลพ้นสายตา เธอจึงเดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องพักที่อยู่ชั้น 5
ติ๋งต่อง ~ ติ๋งต่อง ~ ติ๋งต่อง ~
หลังจากวารินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จไม่นานก็มีคนมากดกริ่งหน้าห้อง เธอจึงเดินไปส่องดูปรากฏว่าเป็นไรเดอร์ส่งอาหารจึงเปิดประตูออกไป
“มาหาใครคะ”
“มาส่งอาหารให้คุณวารินห้อง 501 ครับ ยอดชำระเรียบร้อยครับ” ไรเดอร์ตอบกลับพร้อมยื่นถุงอาหารร้านดังไปให้หญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ” วารินรับอาหารมาอย่างงง ๆ เพราะเธอไม่ได้เป็นคนสั่ง แต่ไรเดอร์ก็บอกชื่อและหมายเลขห้องถูก จะบอกว่าเป็นของคนอื่นที่ชื่อซ้ำกับเธอก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะเธอชื่อวารินเช่าห้องหมายเลข 501 ตรงตามที่ไรเดอร์คนนั้นบอกมาทั้งหมด