3
หวานกว่าขนมก็ลงเอยไง
ปืนใหญ่เล่าเรื่อง
ลงเอยมองผมที่ยิ้มค้าง ก่อนเอ่ยว่า
“โอ้ เดี๋ยวก่อน ผมแค่ล้อเล่น ถ้ากินง่ายและอร่อยด้วย คงเป็นชิฟฟอน ไม่ก็ชีสเค้กเด้งดึ๋ง ปืนใหญ่สนใจไหม”
“เอาๆ ๆ เอาอย่างที่เอยพูด ปืนอยากฟาดทุกอย่างเลย”
ผมรีบตอบเขา มือไม้มันอยู่ไม่เป็นสุข เกือบยื่นไปจับเนื้อตัวเขาแล้วในตอนนั้น
ลงเอยพยักหน้ารับ พูดกับผมว่า “ขอเบอร์ติดต่อนะครับ เดี๋ยวทำตัวอย่างเสร็จจะเอาไปให้ชิม”
“น่ารักอะ” ผมบอกเขาพร้อมส่งโทรศัพท์มือถือให้อีกฝ่ายพิมพ์ชื่อเฟซบุ๊กลงไป แบบนี้แหละ ตกเหยื่อได้สำเร็จ
“เอ เบอร์โทรครับ ไม่ได้ขอแอดเฟรนด์” เขาตอบนิ่มๆ เหมือนเดิม แต่ทำไมใจผมแป้วก็ไม่รู้
“เอาน่า รับรองผมจะเป็นลูกค้าประจำของเอย จ่ายหนักแบบไม่มีลิมิต ปืนเนี่ยมีฉายาว่า ปืนใหญ่สายเปย์ขยันซอยเชียวนะ”
อีกฝ่ายอมยิ้มน้อยๆ และพิมพ์หน้าจอโทรศัพท์มือถือผมอยู่ประเดี๋ยวก็ส่งกลับคืน
“แอดเพจร้านผมไว้แทนนะ สะดวกที่สุด”
ผมไม่ได้โต้แย้งลงเอย ด้วยรู้ตัวว่ารุกหนักเกินไปเดี๋ยวไก่ตื่นหมด พอมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ในร้านเขา จึงเห็นว่าใกล้เวลาเรียนช่วงบ่าย ถึงไม่รักการเรียน แต่ผมพยายามไม่ขาดเรียน เนื่องจากช่วงนี้ใกล้จบแล้ว “อย่าลืมติดต่อปืน ส่งรูปขนมให้ดูด้วย แล้วตอนเย็นเจอกัน”
“ขอบคุณที่สนใจขนมร้านลงเอย เรายินดีบริการเต็มที่”
“ฮ่าๆ ๆ ได้ยินแบบนี้ เขินจัง เอ่อ... เย็นนี้ ปืนจะกินเอย เอ๊ย... กินขนมฝีมือเอยให้เกลี้ยงเลย”
ลงเอยมองผม ดูเหมือนสนใจเสื้อช็อปตัวโก้สีน้ำเงินเข้มของผมเป็นพิเศษ แหงละโรงเรียนผมเป็นแหล่งรวมเด็กหน้าตาดี แถมเป็นขาโหด มีความเก๋าสุดๆ ที่สำคัญสาวๆ ทั้งเมืองล้วนกรี๊ดพวกผมจนคอหอยแทบแตก
“อืม ปืนใหญ่เรียนช่างเหรอ” ดวงตาเขาเป็นประกายวาบขึ้น
ได้ยินคำถามนั้นผมก็รีบตอบ กลัวลงเอยจะมองผมว่าเป็นนักเลงหรือขาใหญ่ “อือฮึ เด็กช่างไม่ได้เถื่อนทุกคนนะ แล้วผมก็โคตรจริงใจสัดๆ !”
เขาอมยิ้มและเอ่ยว่า “ผมรู้ เพราะเรียนช่างเหมือนกัน แต่เป็นภาคเสาร์ – อาทิตย์”
เป็นตอนนั้นที่ผมชะงักค้าง ก่อนที่หางตาจะหันไปเห็นเสื้อ
ช็อปของลงเอย เชี่ย... เชี่ยสุดๆ
เสื้อตัวนั้นมันเป็นของสถาบัน B ที่เมื่อสองเดือนก่อนผมไปเปรี้ยวตีนใส่ชุดใหญ่ และหวิดเกือบซวยต้องขึ้นโรงพัก!
หลังจากมั่นใจว่า ลงเอยเรียนสถาบันที่นับว่าเป็นอริกับโรงเรียนของผม ร่างกายมันเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่ ผมเรียนไม่รู้เรื่องตั้งแต่คาบแรกจนคาบสุดท้าย กระทั่งโทรศัพท์มือถือมีรูปจากเพจร้านขนมลงเอยส่งเข้ามา ความรู้สึกยิ่งปั่นป่วนไปหมด
“เฮ้อ... ไม่ทันได้จีบ อกก็หักดังเปาะ นี่กู... คิดจะกินผู้ชายใส่ช็อปสีดำจริงๆ เหรอวะ มันบ่ได้ไหมลูกพี่!”
ผมบ่นงึมงำกับตัวเองสักพัก จากนั้นก็ดูรูปในโทรศัพท์มือถือ พอขยายให้ใหญ่ก็เห็นว่าเป็นชิฟฟอนหน้าตาน่ากิน ถูกแต่งหน้าด้วยฟรอสติงครีมชีส อีกอย่างเป็นเค้กกล้วยหอมหน้าแตกที่ดูนุ่มเด้งๆ
อาการอยากกินของหวานทำให้ผมแทบคลั่ง แต่สมองยังยั้งไม่ให้เผลอไผลไปมากกว่านี้ เพราะระหว่างเราอย่างไรก็ไม่คู่ควรกัน จบเห่แล้วชีวิตผม หลังจากอ่านข้อความของลงเอยและดูรูปภาพไปนานราวๆ ครึ่งชั่วโมง ผมไม่ได้ตอบอะไรเขา นั่นจึงทำให้มีข้อความเด้งมาจากเพจร้านขนมอีกฝ่าย
‘ให้ส่งที่ไหน’
ฉิบหายละ ผมปอดแหกขึ้นมาดื้อๆ ทั้งที่เป็นคนคุมซอยนี้มาหลายปี คงนับตั้งแต่นมแตกพานและได้รับความไว้วางใจจากเจ้ตุ้ง เอ่อ... มารดาผม คุณตาทิพย์ผู้ซึ่งมอบหมายให้ผมดูแลหอพักชายล้วนแห่งนั้น ซึ่งต้นซอยมีโรงเรียนช่าง A ตั้งอยู่
ผมรู้สึกเหมือนมีไฟลนก้น มันร้อนวาบๆ จนนั่งไม่ติด โทรศัพท์มือถือในมือคล้ายมีพลังวิเศษดูดให้ผมเข้าไปในนั้นด้วย และทั้งที่ผมหว่านเสน่ห์ให้ลงเอยอย่างเต็มที่ ทว่าพอเห็นเสื้อช็อปเขาเป็นของสถาบัน B ใจก็โมโห และครั่นคร้ามนิดๆ
‘อ่านแล้วไม่ตอบ ขอยกเลิกออเดอร์ได้นะครับ’
เชี่ย! คนอย่างผมจะมาทำเรื่องขายขี้หน้าได้อย่างไร มันต้องมีศักดิ์ศรีสิ อีกอย่างลงเอยกล้ามาเปิดร้านในละแวกซอยหอพักผมซึ่งมีนักเรียนช่างโรงเรียน A พักอยู่หลายสิบชีวิต แบบนี้เรียกว่าหยามกันได้ไหมนะ หรือว่านี่เป็นแผนของเขากับพวกในสถาบัน B ที่คิดจะมาสืบความเป็นไปของพวกผม
‘19.30 น. เจอกันที่ข้างหนองแถวร้านขายลูกชิ้นปิ้ง’
ผมพิมพ์ข้อความนัดอีกฝ่าย ตั้งใจให้ลงเอยไปให้ไกลๆ หน่อย เพื่อจะได้ไม่มีใครเห็นว่าผมเจอกับเด็กช่างที่ไม่ใช่โรงเรียนของตัวเอง
เมื่อพิมพ์ไปแล้ว อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาเป็นสติกเกอร์รูปกระต่ายขาวท่าทางแบ๊วจัด มันทำท่าโค้งคำนับ ดูไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ผมกลับสังหรณ์ใจไปในทางร้ายๆ
ผมแว้นรถมอเตอร์ไซค์ไปที่หนองซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่สำหรับออกกำลังกาย พอไปถึงก็เห็นว่าลงเอย ไม่ได้แค่มาส่งขนมให้ผม เขามาขายเบอร์เกอร์แบบพร้อมกินด้วย ตั้งแผงบนตะกร้าหน้ารถจักรยานคันสีชมพูแปร๋น มีป้ายตั้งพื้นกับลูกโป่งประดับดูน่ารักมิหยอก
เมื่อสืบเท้าไปใกล้ๆ เขา ผมก็ประหม่าฉิบหาย
“มะ มาเอาตัวอย่างขนมน่ะ”
ลงเอยยิ้มให้ผม เขาทำทุกอย่างเป็นปกติ แต่ผมนั่นแหละที่ล่อกแล่กและเหงื่อแตกไปเอง
“เป็นชิฟฟอนกับเค้กกล้วยหอม พอดีได้กล้วยมาจากบ้านน้า คิดว่าทำขนมแบบนี้คงอร่อย เนื้อกล้วยผมผสมแคร์รอต ไม่รู้จะถูกใจไหม”
“เอ่อ...” ตอนแรกตั้งใจจะจ่ายเงินค่าตัวอย่างขนมแล้วบอกปฏิเสธเขา แต่ดวงตากลมๆ สีดำของลงเอยกับรอยยิ้มจากริมฝีปากแดงสีสด แม่งเอ๊ย... บาดลึกเข้าหัวใจ เขาหน้าตาดีอะไรขนาดนี้ แถมขนมก็ดึงให้ผมตกหลุมพรางเขาเสียด้วย
“ลองชิมก่อน ถ้าไม่ถูกใจไม่คิดเงิน ส่วนเรื่องออเดอร์ เอาไว้โอเคค่อยบอกผม” เขาเอ่ยจบก็หันไปสนใจลูกค้าสาวๆ ที่เดินเข้ามา พวกเธอยิ้มและหัวเราะกระซิกกระซี้ แถมมองลงเอยตาเป็นมัน
“ตามมาจากในกลุ่มไลน์ค่ะ เพิ่งมาขายใช่ไหม หนูเห็นขนมพี่กับเบอร์เกอร์แล้ว อยากฟาดให้เกลี้ยงเลย” สาวร่างโย่งที่แต่งหน้าจัด มาในชุดเตรียมออกกำลังกายจีบปากจีบคอทำเสียงสองกับลงเอย และทำท่าเหมือนจะกลืนลงเอยเข้าไปทั้งตัว
“ครับ ผมมีหน้าร้านด้วย”
ลงเอยว่าและแจกนามบัตร ผมยืนมองภาพพ่อค้าขนมขายของ ต้องยอมรับว่าในหัวเกิดความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมา
“เอย ขายของเสร็จตอนไหน อยากคุยเรื่องขนมงานเลี้ยงน่ะ”
เขาหันมามองผมแวบหนึ่ง และไม่ได้ตอบแต่ขายของให้ลูกค้าต่ออย่างคนอัธยาศัยดี พลอยให้ผมหงุดหงิด ไม่ใช่สิ รู้สึกหมั่นไส้หน่อยๆ กระทั่งลูกค้าจ่ายเงินเรียบร้อย ลงเอยก็บอกว่า
“คุยที่นี่ไม่ได้เหรอ”
“มันไม่เป็นส่วนตัว อยากถามเกี่ยวกับขนมและรายละเอียดราคาด้วย ค่อนข้างซีเรียส”
ดวงตากลมโตที่มีน้ำหล่อเลี้ยงมองมาที่ผม ริมฝีปากของเขาเป็นรูปตัวโอ มองอย่างไรผมก็คิดว่าเขากำลังยั่วอารมณ์ให้พุ่งสูง สูงแบบที่ผมเกือบจะล็อกคอเขาแล้วลากเข้าไปในที่ลับตาคน จากนั้นก็หอมแก้มหรือไม่คงใช้ริมฝีปากอุ่นๆ ทำเรื่องจาบจ้วงเขาให้หนำใจ
“ถ้างั้นที่ไหนดี”
เขาถามและมิวายทำตาเจ้าชู้ใส่ผม แน่ะ... ลงเอย เป็นพ่อค้าขนมที่แม่งอ่อยเก่งเป็นบ้า “เอ่อ... ที่ออฟฟิศหอพักปืนเป็นไง จะได้มีที่กว้างๆ แอร์เย็นๆ นั่งคุยกันชิลๆ” ผมเสนอลงเอย