บทที่ 6 บุญ บาป
“ยังไงทวดก็จะให้เจ้าขึ้นรับตำแหน่งแทนทวดให้ได้ แม้ว่าเจ้าจะไม่ชอบก็ตาม”
ร่างสูงสง่าหายวับไป สุวรรณและสุวาลย์เดินนำมัจโจกลับเข้ามาที่โต๊ะทำงาน ใบหน้าชายหนุ่มบึ้งตึง เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้อย่างไม่เต็มใจ
“ท่านสุวรรณ สอนท่านมัจโจต่อ ข้าจะไปรับดวงวิญญาณครั้งนี้มีหลายดวง” สุวาลย์เอ่ยขึ้น มัจโจหันมาจ้องหน้าสุวาลย์ ใบหน้าบึ้งคลายลง รอยยิ้มปรากฏแทนที่
“ลุงสุวาลย์ ให้ผมไปด้วยนะ ผมอยากเห็น นะลุงนะ”
“ไม่ได้หรอก ท่านต้องฝึกงานที่นี่ให้ดีก่อนค่อยออกฝึกภาคปฏิบัติ”
“ท่านสุวาลย์ มีดวงวิญญาณหลายดวง ท่านจะควบคุมไหวรึ ข้าจะไปด้วย ท่านมัจโจ ทำบัญชีไปก่อนนะ ประเดี๋ยวข้าจะกลับมาสอนใหม่”
สุวรรณมองหน้ามัจโจพร้อมคำสั่งแต่มัจโจไม่ยอมทำตามคำสั่งนั้น เขาลุกขึ้นยืนกอดอกเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วว่า
“ผมไม่ทำ ยังไงก็ไม่ทำ ผมจะตามลุงทั้งสองไปดูด้วย ถ้าไม่ให้ไปผมจะฟ้องปู่ทวดว่าลุงสุวรรณกับลุงสุวาลย์ไม่สอนงานให้ผม”
“อ้าวๆ ท่านมัจโจ ทำไมพูดอย่างนั้น ข้าสอนให้แล้วแต่เรื่องจะไปรับดวงวิญญาณกับข้ามันยังไม่ถึงเวลา”
สุวาลย์เสียงดังขึ้นทันทีแต่เพียงครู่เดียวเขาก็ต้องยืนก้มศีรษะนิ่งเพราะพญามัจจุราชปรากฏร่างตรงหน้ามัจโจ
“มันอยากไปดูก็ให้มันไปเถอะ มันจะได้เรียนรู้วิธีการด้วย ไปกันได้แล้วถึงเวลาแล้วละ”
พญามัจจุราชหายวับไป สุวรรณกับสุวาลย์ก้มศีรษะรับคำสั่งแล้วหันมามองมัจโจพร้อมกัน
“พร้อมมั้ยท่านมัจโจ” สุวรรณเอ่ยถาม
“พร้อมครับลุง”
รอยยิ้มยินดีกระจายเต็มดวงหน้าของชายหนุ่ม สุวรรณหันมาสบตากับสุวาลย์ มัจโจอยากไปเมืองมนุษย์ อารมณ์แห่งความยินดี มีความสุขเสมือนเป็นมนุษย์ทั่วๆ ไปแล้วอย่างนี้จะสืบทอดการเป็นพญามัจจุราชได้อย่างไร
สุวรรณและสุวาลย์พามัจโจมายังจุดที่จะรับดวงวิญญาณเกือบ 10 ดวง สาเหตุของการเสียชีวิตบุคคลทั้ง 9 คนนั้นมาจากอุบัติเหตุรถที่นั่งโดยสารมาพุ่งชนกับต้นไม้ข้างทาง ทั้งหมดเสียชีวิตทันที ที่บาดเจ็บสาหัสนอนร้องครวญครางเป็นที่น่าเวทนา
มัจโจมองสิ่งรอบกายด้วยความรู้สึกสงสารและนิ่งงันไปกับการร้องโหยหวนเจ็บปวดทรมานของคนที่ยังไม่หมดลมหายใจ
“เรามารับพวกเจ้าแล้ว จงตามเรามา” สุวรรณปรากฏร่างให้ดวงวิญญาณ 9 ดวงเห็น สุวาลย์และมัจโจยืนอยู่ข้างสุวรรณ
“พวกเราตายแล้วจริงๆ หรือ พวกท่านเป็นยมทูตใช่หรือเปล่า เราไม่อยากตาย เราไม่ไป เรายังไม่ตายหรอก พวกท่านมาฉุดเราออกจากร่างน่ะสิ โหดร้ายจริงๆ ปล่อยพวกเรากลับเข้าร่างเราเดี๋ยวนี้นะ”
หญิงสาวร้องไห้ไปด้วย ต่อว่าสุวรรณกับสุวาลย์ หล่อนนั่งอยู่ข้างร่างไร้วิญญาณของตนเอง ไม่ยอมรับความตายที่เผชิญอยู่ มัจโจมองหล่อนด้วยสายตาสงสาร หล่อนหันมาจ้องหน้าเขา ชี้มือมาพร้อมกับคำต่อว่า
“นี่เป็นพญามัจจุราชละสิแต่งตัวดี หน้าตาก็ดีแต่ใจร้ายมาก ฉันยังไม่ตายซะหน่อย จะมาเอาตัวฉันไปได้ยังไง ฉันไม่ไป”
มัจโจยิ้มแหย ถอยมายืนข้างสุวาลย์ ผู้หญิงคนนี้เสียชีวิตทันทีที่รถชนกับต้นไม้และแรงกระแทกทำให้คอของหล่อนหัก สภาพศพของหล่อนจึงไม่มีอะไรชำรุด มองเหมือนคนนอนหลับธรรมดาๆ เท่านั้น หล่อนเข้าใจว่าเขาเป็นมัจจุราชใจโหดไปแล้ว
“แต่เจ้าต้องไป หมดเวลาของเจ้าแล้ว พวกเจ้าทุกคนด้วย ตามข้ามา”
สุวรรณเสียงดังก้องกังวาน ดวงวิญญาณหลายดวงไม่ยอมคิดจะหนีแต่สุวาลย์สกัดกั้นไว้ด้วยมนต์คาถาและฉุดกระชากลากดวงวิญญาณของหญิงสาวที่ไม่ยอมรับว่าตนเสียชีวิตอย่างน่าสงสาร เขาไม่อาจทนมองอยู่ได้ รีบกลับห้องพิจารณาคดี
เพียงแค่ท่านพญามัจจุราชเห็นสีหน้าของมัจโจก็รู้ทันทีว่าเหลนของท่านไม่ยอมรับการนำดวงวิญญาณมาลงโทษ
“ว่าอย่างไรมัจโจ ไปดูงานมารึ”
“ครับปู่ทวด ทำไมเราต้องไปลากวิญญาณคนเหล่านั้นมาด้วย ให้เขามาเองสิครับไปบังคับเขาทำไม”
มัจโจเอ่ยถามปู่ทวด ใบหน้าบอกชัดว่าไม่พอใจการกระทำของสุวรรณและสุวาลย์ พญามัจจุราชไม่ตอบคำถาม ท่านนั่งนิ่งเงียบ สุวรรณพาดวงวิญญาณที่จะต้องพิจารณาคดีมาอยู่กลางห้องโถง สุวาลย์ตามมาและผลักหญิงสาวไปอยู่ในกลุ่มที่สุวรรณนำมาก่อน
“มัจโจ ดูบัญชีบุญและบาปของคนกลุ่มนี้ ใครทำบุญกุศลไว้มากกว่าบาปรีบรายงานมา ท่านสุวรรณท่านสุวาลย์ช่วยเจ้ามัจโจด้วย”
คำสั่งของพญามัจจุราชดังก้องทั้งห้อง หญิงสาวนั่งร้องไห้เมื่อมองไปรอบๆ มีแต่ความแปลกประหลาด ห้องทั้งห้องจะว่าเป็นสีทองทั้งหมดก็ไม่ใช่ มีสีขาวผสมอยู่ด้วย ผู้ที่ยืนเฝ้ายามเป็นจุดๆ แต่งตัวคล้ายๆ กับยมทูตที่สวมโจงกระเบนสีทองเหลือบขาวและสีทองเหลือบดำแต่ชายร่างกำยำเหล่านั้นถือหอกปลายแหลมด้ามสีดำตรงปลายเป็นเงินวาววับและสามง่ามสีเดียวกับหอกแหลม
“ฉันตายจริงๆ เหรอ ท่านมัจจุราช ฉันไม่อยากตาย เอาตัวฉันมาทำไม ฉันไม่อยากตาย”
หล่อนร้องไห้พร่ำพูดต่อหน้าพญามัจจุราช เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาจากกลุ่มดวงวิญญาณที่นั่งถัดไป
“ยอมรับเถอะ รถพังยับขนาดนั้นคนที่รอดก็แสดงว่ายังไม่ถึงคราวของเขา พวกเราถึงเวลาแล้วยอมรับซะ”
“เจ้าพูดถูกเจ้าหนุ่ม นางผู้นี้รับไม่ได้เพราะยังอยากใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานต่อไปอีก ว่าไงมัจโจ บุญกับบาปของนางคนนี้ อะไรมีน้ำหนักมากกว่ากัน”
ท่านพญามัจจุราชหันไปมองมัจโจพร้อมคำถามที่มัจโจต้องตอบซึ่งครั้งนี้เขาต้องพูดตามความเป็นจริงเพราะสุวรรณและสุวาลย์ยืนจ้องมองเขาอยู่
“น้ำหนักบาปหนักกว่าบุญครับปู่ทวด ผู้หญิงคนนี้ไม่เชื่อเรื่องบุญบาปจึงสร้างบุญน้อยมากครับ”
“ส่วนบาปที่ทำไว้ หลอกเงินชาวบ้าน บอกว่าจะไปสร้างพระแต่นำเงินไปใช้ทั้งหมดพระเจ้าค่ะ”
สุวาลย์รายงานบาปที่หญิงสาวสร้างขึ้นในขณะที่มีชีวิตอยู่ พญามัจจุราชพยักหน้ารับฟังแล้วหันมาจ้องหน้าวิญญาณของหญิงสาว...