บทที่ 5 ลงโทษ
พญามัจจุราชเอ่ยเสียงเช่นเดิม หญิงสาวเงยหน้ามอง ภาพตรงหน้ากระจ่างชัด หล่อนจ้องด้วยความตกใจและไม่อยากเชื่อว่าหล่อนจะเสียชีวิตแล้ว ภาพสุดท้ายพ่อแม่และน้องนั่งร้องไห้กับร่างไร้วิญญาณของหล่อน
“ไม่จริง ไม่จริง ฉันยังไม่ตาย ฉันยังไม่ตาย” หล่อนร้องออกมาพร้อมกับส่ายหน้าโบกมือราวกับคนบ้าคลั่ง
“ท่านสุวรรณ พานางไปดูงานศพแล้วพากลับมาลงโทษตามกฎโดยเร็ว ประตูนรกเปิดรออยู่แล้ว” พญามัจจุราชออกคำสั่งเสียงห้วนห้าว
“พระเจ้าค่ะ ไปกับข้าแล้วเจ้าจะรู้ว่าเจ้าตายจริงหรือไม่”
สุวรรณกระชากแขนหญิงสาวหายวับไปกับสายตาของมัจโจ เขาผ่อนลมหายใจยาวรู้สึกสงสารหญิงสาวแม้จะรู้ว่าหล่อนทำชั่วไว้มากก็ตาม
“มัจโจ เจ้าคิดจะช่วยนางงั้นรึ คิดว่าสิ่งที่เจ้าทำถูกต้องงั้นรึ” พญามัจจุราชหันมาจ้องหน้าเหลน
“อยากช่วยจริงครับปู่ทวด เธอต้องรับโทษอย่างหนักใช่มั้ยครับ”
มัจโจยอมรับว่าคิดจะช่วยหญิงสาวแต่พอได้ยินคำพูดของหล่อนแล้ว เขาเพิ่งรู้ตัวว่าคิดจะช่วยคนผิดต่อไปเขาจะหนักแน่นกว่านี้
“เจ้าน่าจะเกิดอยู่บนโลกมนุษย์นะมัจโจ ใจอ่อน ชอบช่วยเหลือคน ขี้สงสาร ถ้าเจ้าเกิดเป็นคนรับรองได้ใบประกาศเกียรติคุณเพียบเป็นนักสังคมสงเคราะห์ผู้ใจบุญไงล่ะเหลนรัก”
ท่านพญามัจจุราชหัวเราะจนห้องโถงสะเทือน มัจโจยิ้มกับคำพูดประชดของปู่ทวดแล้วพูดขึ้น
“ปู่ทวดให้ผมไปเกิดได้มั้ยครับ นะครับปู่ทวด ไปเกิดบนโลกมนุษย์นะครับ นะครับปู่ทวด”
“ฝันไปเถอะ โทษของเจ้า ทวดจะทำอย่างไรดี ท่านสุวาลย์ ช่วยข้าคิดทีซิว่าจะกักบริเวณเหลนข้ากี่วันสัก 3 วันดีหรือไม่ท่านสุวาลย์”
“ไม่ดีครับปู่ทวด ผมขอโทษครับ ผมจะตั้งใจทำงานครับ”
มัจโจรีบแทรกขึ้นกลัวสุวาลย์จะตอบคำของพญามัจจุราช เขาไม่อยากถูกกักบริเวณอีก มันทรมานมากแค่ไหนเขารับรู้มาแล้ว
“ดีมาก ท่านสุวาลย์สอนงานต่อ ประเดี๋ยวข้าจะพิพากษานังผู้หญิงนั่น เจ้าจะไปดูหรือไม่มัจโจ”
“ไม่ครับปู่ทวด โหดร้ายขนาดนั้นผมไม่อยากเห็น”
“แต่ต่อไปเจ้าต้องเห็น หัดเข้มแข็งยอมรับความจริงได้แล้วเหลนรักของทวด”
ท่านพญามัจจุราชหัวเราะอีกครั้งขณะก้าวลงจากบัลลังก์รอการกลับมาของสุวรรณเพียงครู่เดียวสุวรรณก็พาดวงวิญญาณของหญิงสาวมาคุกเข่าตรงหน้าพญามัจจุราช หล่อนร้องไห้คร่ำครวญอยู่กับพื้น
“ไงล่ะ เจ้าเชื่อแล้วหรือยังว่าเจ้าน่ะตายไปแล้ว”
“เชื่อแล้วเจ้าค่ะท่านพญายม ฉันผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ยกโทษให้ฉันด้วยเจ้าค่ะ”
“มันสายไปแล้วละ เจ้ามารู้สึกผิดในยมโลกเยี่ยงนี้อะไรก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว ตอนเป็นคน ทำไมไม่รู้สึกผิดบ้าง สร้างแต่กรรมชั่ว ถึงเวลารับโทษของเจ้าแล้ว พานางไปห้องลงทัณฑ์”
สิ้นคำสั่งของท่านมัจจุราช สุวรรณพาวิญญาณของหญิงสาวไปยังห้องอีกห้องหนึ่งอยู่ถัดไปจากห้องกักดวงวิญญาณ ห้องนั้นเป็นห้องโถงกว้างใหญ่ ภายในห้องมีเครื่องมือลงโทษผู้ทำชั่วต่างกันไป มีทั้งกระทะตั้งไฟน้ำเดือดพล่าน กองไฟกองโตเปลวไฟลุกโชติช่วงไม่มีวันดับ ต้นงิ้วสูงใหญ่ เขียงใหญ่สำหรับสับร่างคนทั้งร่างและเครื่องมืออื่นๆ อีกมากมาย
เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด โหยหวน เสียงขอชีวิต ขอความช่วยเหลือดังระงม หญิงสาวถูกโยนลงในกองไฟหล่อนกรีดร้องเจ็บปวดทรมานและสุดท้ายมอดไหม้ก่อนจะก่อเป็นร่างขึ้นมาอีกและถูกไฟแผดเผาอีก ไม่รู้กี่ร้อยครั้งพันครั้งจึงจะหมดกรรมที่หล่อนสร้างเอาไว้
มัจโจไม่อยากเห็นภาพสยองในห้องลงทัณฑ์ เขาหนีออกมาเมื่อภาพหญิงสาวมอดไหม้ไปกับเปลวไฟสีแดงผสมสีมรกต ท่านพญามัจจุราชยืนมองมัจโจแล้วถอนหายใจยาว สุวรรณกับสุวาลย์เข้าใจความรู้สึกของประมุขแห่งนรกภูมิดีว่าเป็นเช่นไร
มัจโจยังอ่อนไหว ไม่เข้มแข็ง อีกนานกว่าจะผ่านงานทดลองนี้ได้ การสืบทอดบัลลังก์พญามัจจุราชไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็กน้อยในสายตาของท่านพญามัจจุราชขณะนี้ มัจโจ เหลนชายคนเดียวยังไม่พร้อมจะรับตำแหน่งประมุข
“ท่านสุวรรณ ท่านสุวาลย์ เคี่ยวมันให้หนักกว่านี้ ห้ามอู้หรือหลบไปไหน ให้มันรับการตัดสินคดีให้ได้ ส่วนเรื่องบัญชีทั้งหมด มันเข้าใจดี เรียนรู้เร็ว ใช้เครื่องมือได้ดีกว่าพวกเราเสียอีกแต่เรื่องของความสงสารมันสลัดออกจากใจไม่ได้ ข้ายังพอมีหวังหรือไม่ท่านสุวรรณ ท่านสุวาลย์”
คำถามท้ายประโยคของท่านพญามัจจุราชทำให้สุวรรณและสุวาลย์ต้องหันมามองหน้ากัน สุวรรณเป็นผู้ตอบคำพญามัจจุราช
“ยังพอมีทางพระเจ้าค่ะแต่ว่าต้องรอสักหน่อย พวกข้าจะพยายามทำให้ท่านมัจโจเข้มแข็งพระเจ้าค่ะ”
“ขอบใจท่านสุวรรณ ข้ารู้ว่าพวกท่านก็เห็นดีด้วยที่จะให้มัจโจขึ้นครองบัลลังก์นี้แต่ไอ้เหลนรักของข้านี่สิดูมันไม่อยากเป็นเอาเสียเลย มันทำท่าจะอยากไปเกิดเป็นมนุษย์เสียมากกว่า พวกท่านพามันขึ้นไปท่องโลกมนุษย์มาหรือยัง”
“ยังพระเจ้าค่ะ ท่านไม่อนุญาตพวกเราจึงไม่กล้าขัดคำสั่ง ท่านมัจโจเคยขอไปเที่ยวด้วยแต่พวกเราไม่ให้ไปพระเจ้าค่ะ”
“อีกหน่อยมันก็หนีไปจนได้นั่นแหละ เอาเถอะ ถ้ามันหนีไปข้าก็จะทำไม่รู้ไม่ชี้สักครั้ง ไปพาตัวมันมาเรียนรู้งานได้แล้ว อ้อ.มีใครกำลังจะหมดลมหายใจอีกหรือไม่ ถ้ามีไปรับมา”
พญามัจจุราชสั่งงานกับสุวรรณสุวาลย์และไม่ลืมย้ำหน้าที่สำคัญของทั้งสอง สุวรรณก้มศีรษะรับคำสั่งพร้อมกับสุวาลย์ ครู่เดียวร่างทั้งสองก็หายวับไป ท่านพญามัจจุราชถอนหายใจอีกครั้ง มองตรงไปข้างหน้า