บทที่ 4 นรก
พญามัจจุราชจ้องหน้ามัจโจด้วยสายตากึ่งโกรธกึ่งเอ็นดู เหลนของท่านไม่เคยใช้คำพูดเป็นทางการและไม่เคยสนใจคำสั่งใดๆ หากไม่พอใจทำตามก็ไม่ทำเสียอย่างนั้นแต่ถ้าทำได้ก็ทำแบบไม่ใส่ใจไม่เต็มใจเท่าไรนัก ครั้งนี้ยอมทำตามแต่กลับกลายเป็นเรื่องล้อเลียนปู่ทวดอย่างเขาให้หงุดหงิดเล่นๆ
“ข้าให้เจ้าพูดจาตามที่เจ้าอยากพูด ไม่ต้องมาใช้คำราชาศัพท์กับข้า ข้าอนุโลมให้ท่านสุวรรณกับท่านสุวาลย์ด้วยเหมือนกันแต่อย่าเหลิงให้มากนัก ประเดี๋ยวเจ้าจะถูกกักบริเวณ 1 หนึ่งวัน เจ้ามัจโจ”
“ครับผม ขอประทานโทษครับปู่ทวด ผมจะรีบทำงานครับ”
รอยยิ้มของเหลนทำให้ท่านมัจจุราชผ่อนลมหายใจยาว เหลนคนเดียวจะสืบทอดบัลลังก์ของเขาได้หรือไม่นั้นก็ต้องรอเวลาการฝึกงานว่าจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีหรือทำให้เสียงานแต่จะอย่างไรก็ตาม เขาต้องให้มัจโจเป็นพญามัจจุราชต่อจากเขาให้จงได้
ไม่น่าเชื่อว่าผลตรวจสอบประวัติของวิญญาณหญิงสาวเสพยาจะร้ายแรงมากเพราะทั้งใบหน้าและรูปร่างของหล่อนแทบไม่มีเค้าของผู้หญิงใจร้ายสักนิด ประวัติความชั่วของหล่อนปรากฏหน้าจอ ทำแท้ง 2 ครั้ง ทะเลาะกับพ่อแม่ ทำร้ายน้องสาวอาการสาหัสและขับรถชนคนเสียชีวิต เสพยาพร้อมกับขายยาบ้าด้วย
มัจโจกลืนน้ำลายเหลือบมองสุวรรณและสุวาลย์ที่จ้องหน้าเขาอยู่ก่อนแล้ว เขาไม่อยากรายงานปู่ทวดเพราะคำรายงานจะส่งผลถึงการตัดสินคดีพิพากษากับดวงวิญญาณจะตกนรกขุมไหนก็อยู่ที่การรายงานนี้ เขาไม่อยากให้หญิงสาวถูกลงโทษทัณฑ์
“ลุงสุวรรณ ลุงสุวาลย์ เรียนปู่ทวดที ผมไม่อยากบอก”
“ได้เวลารายงานแล้วเจ้ามัจโจ บอกมาว่าความผิดของนางผู้นั้นเป็นเยี่ยงไร”
ท่านมัจจุราชมองกิริยาของเหลนก็พอรู้ว่าไม่อยากรายงานผลสอบประวัติของหญิงสาวจึงเอ่ยถามก่อนที่สุวรรณจะเป็นผู้รายงานเสียเอง
“เอ่อ.ทำความชั่วเล็กน้อยครับปู่ทวดแค่เสพยาแค่นั้นเองครับ ปู่ทวดเรียกมาตัดสินเลยครับ”
มัจโจรายงานไม่หมด เขาบอกปู่ทวดเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น พญามัจจุราชมองหน้าสุวรรณพร้อมคำสั่ง
“ท่านสุวรรณไปเอาตัวนางมา หมดฤทธิ์ยาแล้วละ”
“พระเจ้าค่ะแต่ว่าท่านมัจโจยัง...” สุวรรณรับคำสั่งและกำลังจะบอกสิ่งที่มัจโจพูดไม่หมด
“ลุงสุวรรณ รีบไปสิ เดี๋ยวปู่ทวดโกรธนะ”
มัจโจเร่งสุวรรณให้ทำตามคำสั่งของท่านมัจจุราช เขามองหน้าสุวรรณและสุวาลย์ก็รู้ว่าเหลนของเขาปกปิดความผิดของหญิงสาวไว้ ท่านจึงหันมาที่มัจโจ
“เจ้าไปกับท่านสุวรรณด้วยสิมัจโจ ต่อไปเจ้าต้องฝึกงานตรงนี้ด้วยนะ ท่านสุวรรณพาไปด้วย”
“พระเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องก็ได้ครับปู่ทวด ผมรู้แล้วว่าห้องกักวิญญาณอยู่ไหน ไม่ต้องสอนก็ได้ ผมทำได้ครับ”
มัจโจค้านคำสั่งปู่ทวดแบบไม่มีช่องว่างให้หายใจเพราะสายตาของปู่ทวดเหมือนจะสงสัยอะไรบางอย่าง หากปู่ทวดไล่ถามความจริงจากสุวาลย์เขาต้องถูกกักบิรเวณอย่างแน่นอนโทษฐานรายงานผลสอบประวัติวิญญาณหญิงสาวไม่หมด
“ไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อขัดคำสั่งไม่ได้จึงต้องเดินคอตกตามสุวรรณไปแต่ก้าวไปได้แค่สามก้าวก็หยุดเหลียวมามองสุวาลย์อย่างจะขอความเห็นใจไม่ให้บอกความผิดของหญิงสาวทั้งหมด
หญิงสาวคลายจากอาการซึมเหม่อ หล่อนโวยวายด้วยวาจาไม่น่าฟังเท่าไรนัก คนแปลกหน้าและการแต่งกายเหมือนกับพวกยี่เกเตรียมตัวออกแสดง ทำให้หล่อนจ้องหน้าสุวรรณและสุวาลย์ด้วยสายตาเหยียดหยัน
“พวกแกเป็นใคร ลิเกหลงโรงรึไงไม่ทราบแต่งตัวประหลาด นายคนนี้ใส่โจงกระเบนสีขาวเหลือบทองขาดเข็มขัดทองสวมสร้อยทองเส้นใหญ่เชียว ทองชุบรึไงแกแล้วห้อยอะไรนั่นน่ะหัวกะโหลก บ้ารึเปล่า”
หล่อนมองสำรวจสุวรรณตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รอยยิ้มดูแคลนเด่นชัดแล้วหันมาที่สุวาลย์พร้อมกับยิ้มหยันแล้วพูดต่อ
“หมอนี่นุ่งโจงกระเบนสีดำเหลือบทอง เข็มขัดทอง สร้อยทอง ห้อยหัวกะโหลกเหมือนกัน ถามจริงๆ เถอะจะไปเล่นลิเกที่ไหนแล้วคุณล่ะไม่แต่งตัวประหลาดๆ เหมือนพวกนี้ล่ะแต่ก็ดีนะใส่ชุดสูทสีขาวทั้งหมด หล่อด้วย สนใจไปเป็นนายแบบมั้ย ฉันพาไปเองแต่ขอเปอร์เซ็นต์หน่อยนะ ซัก 40 เปอร์เซ็นต์ก็พอ โอ.เค.มั้ย”
หล่อนหันมามองมัจโจและก้าวเข้าไปหาเขา มองหน้าเขาพร้อมกับคำชมก่อนจะยิ้มยั่วด้วยสายตาหวาน รูปร่างหน้าตาของมัจโจทำให้หล่อนคิดถึงนายแบบร่างสูงโปร่งผิวสีแทนและคิดถึงพระเอกละครคิ้วเข้มดวงตาคมขนตายาวงอน ตามความคิดของหล่อนเขาเหมาะกับการเป็นนายแบบหรือไม่ก็พระเอกละคร
“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว เจ้ายังไม่รู้ตัวรึว่าตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหน”
เสียงราวกับฟ้าผ่าดังก้องห้องโถง หญิงสาวหันไปตามเสียงแล้วก็ต้องเบิกตากว้างพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง บัลลังก์สีทอง ผู้ชายนั่งอยู่บนบัลลังก์ กะโหลกสีทองอยู่เบื้องหลังบัลลังก์ส่องแสงวับวาว พลังแสงนั้นกระจายไปทั่วห้องโถง หล่อนกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว
“ฉันอยู่ที่ไหนแล้วทำไมที่นี่เหมือนฉากในละคร พวกแกเป็นใครพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“นี่เป็นนรกภูมิ เจ้าตายแล้ว ข้าไปรับวิญญาณเจ้ามาที่นี่เอง จำได้มั้ยล่ะว่าทำอะไรจึงตายอย่างน่าสมเพชเยี่ยงนั้น ถ้าจำไม่ได้ข้าจะให้เจ้าเห็นก่อนที่เจ้าจะสิ้นใจ” สุวรรณเอ่ยขึ้นพลางจ้องหน้าหญิงสาวด้วยสายตาแข็งกร้าว
“บ้ารึเปล่า ฉันยังไม่ตาย ฉันออกไปหาแฟนฉันแล้วกลับมาที่ห้อง ฉันเอายามาด้วย มันมีความสุขมากพวกแกรู้มั้ย”
“นั่นแหละคือจุดจบของเจ้า ให้มันดูความเลวของมันทั้งหมดแล้วเอาไปลงโทษตามขั้นความชั่ว ชีวิตของเจ้านี่หาความดีไม่ได้เลยนะบุญศิริ เกิดมาเพื่อทำชั่วจริงๆ”