บทที่ 18 จับคู่
รวีวรรณกลับจากต่างประเทศได้อาทิตย์เดียว ก่อกุศลกลับมาพร้อมหล่อน เขารู้จักกับหล่อนขณะเรียนปริญญาโท 2 ปี หล่อนคบกับเขาในฐานะคนรัก เขาเอาใจหล่อนทุกอย่างและพยายามใกล้ชิดหล่อนเกินคนรักธรรมดา
“ก่อคะ วรรณไม่ชอบนะคะ ถ้าคุณรอถึงวันแต่งงานไม่ได้ก็เลิกกันเถอะค่ะ”
หล่อนผลักเขาออกขณะเขาลวนลามคล้ายจะปล้ำข่มเหงน้ำใจหล่อนในวันที่เขาพาหล่อนไปทานอาหารก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทย เขาเมาหล่อนรู้แต่เขายังมีสติมาส่งหล่อนถึงห้องพักและเข้ามาในห้อง
“จะหวงตัวไปทำไม กลับถึงเมืองไทยผมจะไปขอคุณแต่งงานอยู่แล้ว นอนกับผมก่อนคืนเดียวจะเป็นไรไปหรือว่าหวงไว้ให้คนอื่น คุณแอบคบคนอื่นอยู่ใช่มั้ยวรรณ”
“ถ้าคุณเมาก็กลับไปแต่ถ้ายังขืนถูกตัวฉันอีก เราเลิกกัน ออกไปจากห้องฉัน”
หล่อนชี้นิ้วไปที่ประตู เขาจ้องหน้าหล่อน สายตาขุ่นขวาง เขาโกรธหล่อนเพราะไม่ยอมนอนกับเขา เช่นหญิงสาวคนก่อน ผู้หญิงทุกคนที่เขาคบด้วยต้องนอนกับเขาไม่ใช่การขืนใจแต่เป็นความเต็มใจทั้งสองฝ่าย
“ก็ได้ ผมจะรอวันแต่งงานของเรา กลับไปผมจะให้คุณพ่อคุณแม่ผมไปขอคุณแต่งงาน ผมกลับก่อน พรุ่งนี้เดินทางกลับเมืองไทยกันครับ ฝันดีนะครับที่รัก”
เขากลับไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด ยังโกรธหญิงสาว เขาบอกว่ารักแต่การปฏิบัติตัวของเขาไม่ได้บอกถึงความรักและให้เกียรติผู้หญิงสักนิด
ก่อกุศลกลับถึงเมืองไทย ขอไปส่งรวีวรรณซึ่งหล่อนอนุญาต เขาขอโทษที่ใจร้อนและไม่ให้เกียรติหล่อน คำขอโทษน้ำเสียงอ่อนเหมือนรู้สึกผิดจริงๆ รวีวรรณให้อภัยแต่ความไว้วางใจไม่เหมือนเดิม ทำใจรับให้สนิทเช่นเดิมไม่ได้แล้ว
“แม่คะ นี่ก่อค่ะ ก่อกุศล แฟนวรรณค่ะ เรารู้จักกันที่โน่นค่ะแม่ ก่อคะ นี่แม่วรรณ แม่ราณีค่ะ”
“สวัสดีครับคุณแม่”
“สวัสดีจ้ะ มาส่งยัยวรรณแล้วจะกลับยังไง ให้คนขับรถไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ผมกลับแท็กซี่ได้ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“จ้ะ”
ราณียิ้มรับคนรักของลูกสาว รู้สึกชอบก่อกุศล ท่าทางเป็นผู้ดีมีฐานะ หล่อนชอบเพราะฐานะมากกว่าหน้าตาแต่ก่อกุศลหน้าตาดี รูปร่างสูง ผิวขาว เครื่องหน้ารับกัน เขาเป็นชายหนุ่มที่หญิงสาวเห็นต้องเหลียวมองทีเดียว
“วรรณ แม่ถามหน่อย ก่อกุศลไปเรียนปริญญาโทใช่มั้ย พ่อแม่เขาเป็นใคร”
ราณีถามขณะรวีวรรณเดินเข้ามาในห้องโถงรับแขก หล่อนเดินออกไปส่งก่อกุศลหน้าบ้าน เขาขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้วจึงกลับเข้าบ้าน
“คุณพ่อคุณแม่เขาเป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ก่อสร้างทั้งหมดค่ะ อยู่แถวนนท์ฯค่ะ”
“เหรอ ครอบครัวเขาก็รวยละสิ ถ้าอย่างนั้นแกคบต่อได้เลย เขาบอกบ้างรึเปล่าว่าจะมาขอแกแต่งงาน ถ้ายังไงนัดวันเลยนะ”
“แม่คะ”
หญิงสาวเรียกแม่ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แม่ของหล่อนมองคนที่ฐานะหล่อนรู้แต่หล่อนไม่ใช่ หล่อนยังไม่พร้อมแต่งงาน
“ทำไม แกคบกับตาก่อสองปี อยู่ที่โน่นมีอะไรกันรึยังล่ะ ที่แม่เร่งเพื่อแกนะ ไม่รู้ละพรุ่งนี้แม่จะพูดกับตาก่อเอง”
“แม่...”
รวีวรรณค้านความคิดของแม่ไม่ได้สักครั้ง ราณีทำทุกอย่างไม่ใช่เพื่อลูกสาวแต่เพื่อตัวเอง เพื่อหน้าตาของตัวเอง ดังนั้นวันต่อมา ก่อกุศลจึงรับฟังคำพูดแกมบังคับของราณี
“ตาก่อ ถ้าพร้อมจะแต่งงานกับยัยวรรณก็พาพ่อกับแม่มาคุยได้เลยนะ ดีเหมือนกันยัยวรรณเรียนจบแล้วแต่งงานเลย แม่จะได้อุ้มหลานเร็วๆ”
“ขอบคุณครับคุณแม่ ผมอยากแต่งงานเร็วๆ เหมือนกันครับ”
ก่อกุศลยิ้มยินดีกับสิ่งที่เรณีต้องการ เขาไม่ต้องเอ่ยปากขอด้วยซ้ำไป รวีวรรณปฏิเสธแม่ไม่ได้จึงเงียบ ไม่ปฏิเสธและไม่ยอมรับด้วยวาจา
ก่อกุศลพาพ่อกับแม่มาแนะนำและเอ่ยปากสู่ขอรวีวรรณกับราณีในวันถัดมา โสรัชและกันยายิ้มพร้อมกันเมื่อราณีอนุญาตให้ก่อกุศลหมั้นกับรวีวรรณ สองสามีภรรยามองหน้ากันรอยยิ้มมีนัยย์ส่งถึงกัน พวกเขาลากลับไปหลังจากนัดวันหมั้นตามฤกษ์ที่ราณีเตรียมไว้ให้ลูกสาวกับว่าที่ลูกเขยเรียบร้อยแล้ว
อาทิตย์ต่อมา ราณีเร่งให้รวีวรรณไปเตรียมตัดชุดรับหมั้นและวันนี้ก่อกุศลรับหล่อนมาจากบ้านแต่เช้า ส่งหล่อนที่ร้านตัดเสื้อแล้วเข้าบริษัท ราณีบอกกับเขาว่าจะมารับรวีวรรณเอง เขาจึงไม่ต้องมารับหล่อนหญิงสาวเปิดดูแบบชุดไปเรื่อยๆ ยังไม่ถูกใจสักชุด ครู่ใหญ่เสียงโทรศัพท์มือถือของหล่อนก็ดังขึ้น
“ค่ะแม่ วรรณยังเลือกชุดไม่ได้เลยค่ะ แม่จะมารับแล้วเหรอคะ” หล่อนส่งเสียงออกไปโดยไม่รอฟังเสียงคนโทร.เข้าเพราะชื่อโชว์หน้าจอเป็นชื่อแม่
“ผมตำรวจนะครับ ผมใช้โทรศัพท์คุณราณีโทร.ครับ คุณเป็นลูกสาวคุณราณีใช่มั้ยครับ”
เสียงตอบกลับมาทำให้รวีวรรณนิ่งไป ทำไมตำรวจโทร.มาหาหล่อน แม่ของหล่อนเป็นอะไร
“ใช่ค่ะ แม่ฉันเป็นอะไรหรือคะ”
หล่อนถามกลับน้ำเสียงร้อนรน หัวใจเต้นแรงแทบกลั้นลมหายใจรอฟังคำตอบ
“แม่คุณประสบอุบัติเหตุรถชนต้นไม้ครับ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ยังไม่รู้สึกตัว ผมเห็นชื่อลูกสาวอยู่ในเครื่องก็เลยโทร.มาบอกครับ”
“แม่อยู่โรงพยาบาลอะไรคะ”
หล่อนถามขณะคว้ากระเป๋าถือคล้องแขนเดินเร็วๆ ออกจากร้านเสื้อชื่อดัง ตำรวจบอกชื่อโรงพยาบาลแล้ววางสายไป หล่อนเรียกรถแท็กซี่อย่างรีบร้อน บอกชื่อโรงพยาบาลกับคนขับ วินาทีนี้หล่อนลืมทุกคนแม้แต่พ่อ หล่อนอยากเห็นแม่ว่าปลอดภัยดีแค่นั้น
ร่างของราณีนอนนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ ดวงตาหลับพริ้ม สายน้ำเกลืออยู่ที่แขนขวา รวีวรรณนั่งเก้าอี้ข้างเตียงแตะมือบนแขนแม่ ครู่หนึ่งจึงหันมามองหมอ
“หมอคะ ทำไมแม่ไม่ฟื้นอีกล่ะคะ หมอบอกว่าปลอดภัยแล้วไม่ใช่หรือคะ”
“ใช่ครับ คุณแม่คุณไม่เป็นอะไรมาก รอยฟกช้ำที่แขน ขา สะโพก หมอดูแล้วไม่อันตรายแต่ที่สลบไปน่าจะตกใจครับ”
“ทำไมไม่รู้สึกตัวล่ะคะ”
“หมอตอบไม่ได้หรอกครับ คนไข้อาจหลับตามปกติก็ได้ ลมหายใจสม่ำเสมอ การเต้นของหัวใจก็ปกติครับ อาจจะฟื้นอีกไม่กี่ชั่วโมงนี่ก็ได้หรือไม่ก็ไม่ถึงชั่วโมงครับ หมอขอตัวก่อนนะครับ”
หมอเดินออกจากห้องไปไม่เพียงแต่รวีวรรณเท่านั้นที่สงสัย หมอเจ้าของไข้ยังคิดว่าทำไมคนไข้จึงไม่ตื่นเป็นเหมือนคนหลับลึก หมอให้คำตอบกับญาติคนไข้ไม่ได้จริงๆ ว่าทำไม ราณีจึงไม่ฟื้น
รวีวรรณคิดถึงพ่อ หลังจากนั่งมองแม่ครู่ใหญ่ หล่อนแปลกใจ ทำไมแม่จึงขับรถลงข้างทางหรือแม่ง่วงนอนหลับใน หล่อนโทรศัพท์ทางไกลข้ามประเทศหาพ่อ เพื่อบอกข่าวร้ายของแม่
“พ่อคะ แม่อยู่โรงพยาบาลค่ะ”
“เป็นอะไรล่ะลูก เป็นไข้หวัดหรือ”
เสียงถามกลับมาไม่ตื่นเต้นหรือแฝงความห่วงใยใดๆ รวีวรรณผ่อนลมหายใจ หล่อนรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่มีความรักให้แก่กันนานแล้ว พ่อเบื่อที่แม่ใช้เงินเก่งและตามราวีพ่อทุกที่เพราะความหึงหวงอย่างไร้เหตุผล แม่ทำร้ายพ่อต่อหน้าพนักงานในบริษัทและต่อหน้าลูกค้าที่เข้ามาติดต่องาน พ่อโกรธมากไม่พูดดีกับแม่อีกและทำตัวห่างเหินไม่ค่อยกลับบ้าน ล่าสุดหล่อนรู้จากคนรับใช้ว่า พ่อมีภรรยาน้อยซื้อคอนโดมิเนียมให้อยู่อย่างสบาย ซื้อรถให้ขับ ข่าวนี้หล่อนรู้ก่อนกลับเมืองไทยไม่กี่อาทิตย์แต่หล่อนไม่เชื่อเพราะพอกลับมาถึงบ้านไม่เห็นแม่เครียดเรื่องนี้ ตรงกันข้ามแม่ยิ้มอารมณ์ดี ต้อนรับก่อกุศลและอนุญาตให้หล่อนหมั้นกับเขาโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ
“เปล่าค่ะ แม่ขับรถลงข้างทาง รถชนต้นไม้แต่แม่ปลอดภัยค่ะ”
“ดีแล้วลูก พ่อจะกลับเร็วๆ นี่แหละ ดูแลแม่นะแค่นี้ก่อนนะลูกพ่อต้องเข้าประชุมแล้ว”
“ค่ะพ่อ”
หล่อนลดโทรศัพท์ลง จ้องหน้าคนนอนบนเตียงอย่างสงสาร พ่อไม่รักแม่แล้ว น้ำตาซึมออกทางหางตา หล่อนไม่อยากหมั้นกับก่อกุศล กลัวจะเจอปัญหาครอบครัวเช่นที่แม่กำลังเผชิญกับความเจ็บปวดอยู่ในขณะนี้แต่ก่อกุศลบอกรักหล่อน คงไม่มีอะไร หล่อนถอนหายใจยาวแล้วลุกจากเก้าอี้
“แม่คะ วรรณขอกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ เดี๋ยววรรณจะกลับมานอนเฝ้าแม่ค่ะ”
หล่อนพูดกับแม่ ก้มลงหอมแก้มซีดแล้วเดินออกจากห้องไป ประตูห้องปิดลง สุวาลย์ปรากฏตัวและฉุดกระชากราณีไปนรก สาวใหญ่ขัดขืนดิ้นรนแต่ไม่พ้นอุ้งมือของยมทูต
ราณีถูกพามาที่ห้องตัดสินคดี บนบัลลังก์สีทอง พญามัจจุราชทอดสายตามายังร่างของสาวใหญ่ หล่อนกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างหวาดกลัว
“ฉันอยู่ไหน พาฉันมาที่นี่ทำไม ปล่อยฉันไปนะ”
หล่อนร้องออกมา พญามัจจุราชก้าวลงจากบัลลังก์เดินมาหยุดยืนตรงหน้าหล่อน ชี้มือมาที่หล่อน
“เจ้ามันคนบาปหนาตัณหาครอบคลุมหัวใจทั้งหมด แกะล้างอย่างไรก็ไม่มีวันออกหมดเพราะใจเจ้าคิดถึงแต่ความอยากได้อย่างเดียว”