บทที่ 17 ลงนรก
สุวรรณเอ่ยน้ำเสียงเข้ม มัจโจหันมามอง ส่ายหน้าเร็วๆ ไกรวิทย์เข้าใจว่าเวทิตปฏิเสธการตรวจเช็คสมองจึงหันไปพยักหน้ากับเพื่อน
“เฮ้ย จับไว้”
สามหนุ่มลูกน้องเวทิตก้าวเข้ามา เวทิตที่เป็นวิญญาณรีบบอกมัจโจ
“สั่งพวกมันหยุด ถ้าไม่หยุดกูเตะ”
“สั่งพวกมันหยุด ถ้าไม่หยุดกูเตะ”
มัจโจพูดตามทุกคำ เวทิตถึงกับแยกเขี้ยว กรรณิกามองมัจโจให้เขาพูดตามหล่อน
“ท่านมัจโจ บอกแม่ว่าฉันขอลาแล้ว ฉันกราบที่เท้าพ่อกับแม่อยู่ตอนนี้ รีบบอกเร็วๆ ก่อนที่ทุกคนจะจับตัวพี่เว”
“พ่อ แม่ ยัยวิก้มกราบที่เท้าพ่อกับแม่แล้วนะ ยัยวิจะไปแล้ว ท่านยมทูตสุวรรณกับสุวาลย์จะพาไปแล้วครับ”
วิไลกับสมชายก้มลงมองที่พื้นตรงหน้าตัวเอง สาวใหญ่ทรุดลงนั่งร้องไห้ สมชายนั่งลงข้างหล่อน
“วิ ไปดีนะลูก แม่ไม่โกรธลูก แม่ยกโทษให้ทุกอย่าง อโหสิกรรมให้ทุกเรื่องนะลูก ไปเกิดในที่ดีๆ นะลูกนะ”
“พ่อก็ให้อภัยลูกทุกอย่างเหมือนกัน วิไปเกิดในที่ๆ สุขสบายนะลูก อย่าได้มาเป็นเมียน้อยเขาอีกเลย พ่อกับแม่จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้นะลูกนะไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่นะ ไปดีนะลูกนะ”
กรรณิกาก้มกราบแทบเท้าพ่อกับแม่แล้วโผเข้ากอดแม่ เวทิตนั่งลงข้างพ่อ น้ำตาไหลเมื่อน้องสาวหันมากอดพ่อ
“พ่อจ๋า แม่จ๋า ฉันไปนะ พี่เว ดูแลพ่อกับแม่ดีๆ ถ้าชาติหน้ามีจริงฉันจะมาเกิดเป็นน้องสาวของพี่อีก ฉันจะไม่ทำตัวเลวๆ แบบนี้อีกแล้วพี่”
หล่อนโผเข้ากอดเวทิต บรรยากาศเศร้าปกคลุมทั่วทั้งห้อง หมอ พยาบาลที่พยายามจับตัวคนไข้พลอยหยุดยืนนิ่ง ลูกน้องเวทิตชะงักอยู่กับที่เพราะคำพูดของเวทิตกลับมาเหมือนเดิม หากพวกเขาขัดคำสั่งลูกพี่ ต้องเจอเท้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น
“หมดเวลาของเจ้าแล้ว ตามข้าไปนรกประเดี๋ยวนี้ ส่วนท่านมัจโจ ข้าจะรายงานท่านพญามัจจุราชตามความเป็นจริง ความตั้งใจช่วยเหลือคนของท่าน อาจช่วยลดหย่อนโทษลงได้บ้าง”
สุวรรณหันมามองมัจโจและพร้อมจะพากรรณิกาไปรับโทษของหล่อนในนรก สุวาลย์ก้าวเข้ามายืนข้างกรรณิกา เวทิตดึงแขนน้องสาวลุกยืน
“พี่อโหสิกรรมให้วิทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องเลวร้ายแค่ไหน พี่ก็อโหสิให้ พี่ขอให้วิไปสู่สุขคติ หากเกิดอีกขอให้พบความสมหวังทุกอย่าง”
“ฉันรักพี่นะ”
หล่อนกอดพี่ชายอีกครั้งก่อนจะถอยห่างออกมาทั้งน้ำตา สุวาลย์มองมัจโจกับเวทิต
“ข้าไปส่งน้องสาวของเจ้าแล้วจะมาดูว่ากรรมของเจ้านั้นต้องชดใช้ด้วยเรื่องใดอีก”
“ขอให้มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็พอ ผมฝากถามท่านพญามัจจุราชหน่อยได้มั้ยท่านสุวาลย์ท่านสุวรรณ ทำไมผมต้องเข้าร่างไม่ได้ด้วย ทำไมไม่ให้เข้าร่างแล้วไปใช้กรรมทีหลังล่ะ”
“หากเข้าร่างได้แล้วนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ เจ้าต้องการเช่นนั้นรึ พูดกับใครก็ไม่ได้ นอนมองคนโน้นคนนี้ กระดิกแขนขาไม่ได้เลย ต้องการเช่นนั้นใช่หรือไม่ ถ้าต้องการเช่นนั้นข้าจะกราบทูลท่านพญามัจจุราชให้ก็แล้วกันนะ” สุวรรณแกล้งขู่ไปอย่างนั้นเอง เขายังไม่รู้สาเหตุของกรรมที่เวทิตกำลังรับอยู่ขณะนี้
“ไม่ดีกว่าครับท่าน ให้ท่านมัจโจอยู่ไปก่อนก็ได้”
เวทิตรีบปฏิเสธ หากจะให้นอนนิ่งๆ อยู่บนเตียง เขาขอเป็นวิญญาณดีกว่าอย่างน้อยก็สื่อสารกับมัจโจได้ ให้มัจโจช่วยดูแลพ่อกับแม่แทนเขาและสั่งมัจโจทำในสิ่งที่เขาอยากทำได้ด้วย
“โวยวายต่อไปอีกก็ได้นะ ข้ารับฟังได้ทุกเรื่อง” สุวรรณยิ้มเมื่อเวทิตกลัวคำขู่ของเขา
“ไม่แล้วครับ พาน้องสาวผมไปได้แล้วครับ ยัยวิโชคดีนะน้องรัก”
เวทิตกอดน้องสาวพร้อมคำอวยพรที่กรรณิกาผลักเขาออกห่าง ใบหน้าของหล่อนบึ้งด้วยความโกรธ
“ฉันไม่ได้ไปใช้ชีวิตใหม่แต่กำลังจะไปลงนรก ลงกระทะทองแดง น้ำร้อนๆ ปีนต้นงิ้ว ถูกหอกทิ่มก้น คิดว่าสนุกรึไง อวยพรมาได้ไม่คิด ท่านสุวรรณ ท่านสุวาลย์ ฉันพร้อมแล้วค่ะ”
“เจ้ายอมรับโทษได้เร็วเยี่ยงนี้ทีเดียวรึ ดีแล้วจะได้ไม่โวยวายเหมือนพี่ชายของเจ้า ไปกันได้แล้ว”
สุวาลย์เอ่ยแล้วยิ้มน้อยๆ และพริบตาร่างของสุวาลย์ สุวรรณและกรรณิกาหายวับไปจากห้องพักคนไข้ เสียงร้องไห้ยังคงดังอยู่ เวทิตมองพ่อกับแม่ครู่หนึ่งจึงหันไปมองมัจโจ...
“ท่านมัจโจ พาแม่ฉันไปโรงพยาบาลตำรวจ บอกพวกไอ้เก้งไปด้วย ไม่ต้องสนใจหมอ”
เวทิตยกมือเช็ดน้ำตา เขาทำอะไรไม่ได้แม้แต่ประคองแม่ นี่เป็นกรรมที่เขาต้องทนอย่างเจ็บปวด เขาอยากรู้ว่าสร้างกรรมไว้กับใครจึงต้องชดใช้ด้วยวิธีนี้ มัจโจพยักหน้ารับคำของเวทิต
“พ่อ แม่ ไปหายัยวิกันครับ พวกคุณ..เอ่อ.พวกมึงไปกับฉัน..กู”
มัจโจพยายามพูดให้เหมือนที่เวทิตพูดกับเพื่อนรุ่นน้อง เขาก้าวเข้าไปประคองวิไล หมอมองมาแล้วส่ายหน้า
“ผมคงห้ามคุณไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญครับ รถทางโรงพยาบาลจะไปส่ง”
หมอเข้าใจง่ายๆ อย่างไม่น่าเชื่อ เวทิตมองมัจโจในร่างของตนเอง มัจโจส่ายหน้า
“ผมไม่ได้ช่วยนะ ผมยังไม่รู้วิธีสะกดจิตใครหรือหยุดใคร”
“เราเป็นเพื่อนกันแล้วไม่ใช่หรือท่านมัจโจ ไม่ต้องพูดผมกับฉันหรอก ฉันยังพูดไม่เพราะกับท่านเลย ท่านพญามัจจุราชคงโกรธถ้ารู้ว่าฉันบังอาจพูดกับเหลนของท่านแบบไม่ให้เกียรติอย่างนี้”
เวทิตก้าวเข้ามายืนข้างมัจโจ ทายาทพญามัจจุราชยิ้ม ยินดีเป็นเพื่อนกับมนุษย์แต่ต้องเรียนรู้วิถีชีวิตของเวทิตและทุกคนในชุมชนรวยเลิศอีกหลายวันกว่าจะปรับตัวให้เข้ากับทุกคนได้โดยเฉพาะกับเจ้าของร่างที่เขาอาศัยอยู่ในขณะนี้
รถของโรงพยาบาลแล่นออกไป สุวาลย์ยืนมองตามรถจนเลี้ยวพ้นประตูรั้วโรงพยาบาล เขาหันไปทางห้องพักฟื้นคนไข้ด้านขวามือ
เมื่อครู่เขาออกมาจากห้องที่เวทิตนอนป่วยอยู่ กำลังจะพากรรณิกากลับไปลงนรกแต่สุวรรณยกมือให้เขาหยุดและชี้ไปห้องทางด้านขวามือ พยักหน้าไปที่นั่น เขามองตามมือสุวรรณอย่างเข้าใจ
“ข้าจะพานางไปเอง ท่านทำหน้าที่ต่อ” สุวรรณหายไปพร้อมกรรณิกา
“หน้าที่ของข้ายังไม่หมด คนชั่วยังรอให้ข้าพาวิญญาณไปพบท่านพญามัจจุราช”
ร่างของสุวาลย์หายไปและมาปรากฏตรงปลายเตียงห้องพิเศษ ดวงตาจ้องจับร่างที่กำลังดิ้นกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง
“ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำ ฉันเปล่านะ มันสมควรตายไง มันแย่งผัวฉันไปนี่ มันก็ต้องตายสิ สมน้ำหน้ามัน ตายไปซะได้ก็ดี”
“เจ้าคนใจบาป คิดได้แล้วรึว่าทำอะไรไปบ้าง หากเจ้ารู้ถึงความผิดของตัวเองแล้วก็ไปนรกกับข้าประเดี๋ยวนี้”
สุวาลย์ทำให้ราณีเห็นร่างของเขา สาวใหญ่ลุกพรวดขึ้นนั่ง อาการดิ้นรนเมื่อครู่หายไป หล่อนมีสติครบถ้วนเห็นชายร่างสูงแต่งตัวประหลาดแต่สิ่งที่ทำให้หล่อนหวาดกลัวและรู้ทันทีว่าชายผู้นี้ไม่ใช่คนเพราะหัวกะโหลกห้อยอยู่ที่คอของเขา
“ไม่ ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป” หล่อนสั่นศีรษะเร็วๆ ปัดมือสุวาลย์ออกจากข้อมือของหล่อน พร้อมกับยกเท้าถีบพัลวัน
“คนชั่วเยี่ยงเจ้าต้องลงนรกสถานเดียวเท่านั้น ไปกับข้า”
สุวาลย์กระชากแขนราณีลงจากเตียงหายไปในพริบตา ร่างคนป่วยนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง หล่อนบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นแต่ความตกใจกลัวทำให้หล่อนสลบไป เมื่อคลานพ้นรถมาถึงถนน พลเมืองดีนำตัวส่งโรงพยาบาลและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ...