บทที่ 16 ทายาทพญามัจจุราช
เวทิตพูดตามคำของกรรณิกาเกือบทั้งหมด ทุกคนยืนนิ่ง สมชายพูดไม่ออก วิไลน้ำตาไหล หล่อนเชื่อที่เวทิตพูด หล่อนแอบรู้มาว่ากรรณิกาเป็นภรรยาน้อยณรงค์เดชแต่กรรณิกาปฏิเสธ เมื่อหล่อนถามเอาความจริง กรรณิกาไม่อยากให้แม่เสียใจกับเรื่องไม่ดีแต่นาทีนี้ หล่อนกำลังเสียใจกับข่าวลูกสาวคนเดียวของหล่อนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ตาสม...” วิไลโผเข้ากอดสามีร้องไห้ออกมา สมชายน้ำตาไหลเช่นกัน เขารู้เท่าๆ กับภรรยา กรรณิกาปิดบังเขาเพื่อให้เขาสบายใจแต่เขาเห็นณรงค์เดชแอบนัดเจอกับกรรณิกาหลายครั้งก่อนที่กรรณิกาจะขอไปอยู่คอนโดมิเนียมและที่นั่นคือบ้านหลังใหม่ของกรรณิกา
“ท่านมัจโจ บอกพ่อกับแม่ไม่ต้องเสียใจ ยังไงฉันก็ยังอยู่” เวทิตเห็นพ่อแม่ร้องไห้ ทนไม่ไหวรีบบอกให้มัจโจพูดออกมา
“พ่อกับแม่ไม่ต้องเสียใจ ยังไงฉันยังอยู่”
“ไม่ใช่ แทนตัวเองว่าผมสิ ผมยังอยู่กับพ่อแม่นะ” เวทิตกำมือเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับมัจโจแสนซื่อ ให้พูดอะไรก็พูดตามเกือบทุกคำ
“เอ่อ..ผมยังอยู่กับพ่อแม่นะ อย่าร้องไห้เลยนะ”
ความสงสารสามีภรรยากอดกันร้องไห้อยู่ตรงหน้า ทำให้มัจโจเข้าใจความรู้สึกของเวทิตและกรรณิกา วิญญาณของหล่อนกอดพ่อกับแม่ไว้
“พ่อ คุณวิกอดพ่ออยู่นะ แม่ด้วยครับ” คราวนี้มัจโจพูดเองแต่คำพูดนั้นห่างเหินกับพ่อแม่จนเวทิตยกมือขยี้ผมตัวเอง
“โอ้ย ท่านมัจโจครับ ไม่ต้องพูดเพราะอะไรอย่างนั้น จะเรียกคุณวิไปไหนเนี่ย ยัยวิ ฉันเรียกน้องสาวฉันว่า ยัยวิ เข้าใจมั้ยครับไอ้คุณมัจโจครับ”
“นี่เจ้า เรียกท่านมัจโจเยี่ยงนั้นไม่ได้ ท่านมัจโจเป็นถึงทายาทท่านพญามัจจุราช เจ้าต้องให้เกียรติกับท่านบ้าง ท่านไม่ใช่มนุษย์เยี่ยงพวกเจ้านะ”
สุวรรณเสียงดังก้องห้องพักคนไข้ เวทิตกัดฟันแน่นเพราะเสียงนั้นกังวานเข้าไปในหูของเขาจนแทบระเบิดนี่เป็นการทำโทษย่อยๆ ของสุวรรณ
“ครับ ผมขอโทษ แต่ผมไม่อยากให้ท่านมัจโจพูดเพราะเกินไป พวกเราอยู่ชุมชนรวยเลิศก็เหมือนกับเป็นแหล่งสลัมนั่นแหละแต่พวกเราไม่ใช่คนไร้ญาติ ไม่ใช่คนไร้การศึกษา พวกเรามีศักดิ์ศรีทุกคนแต่ว่าท่านทายาทพญามัจจุราชเว่อร์เกินเหตุ”
ชายหนุ่มพูดตามที่ใจคิด สุวรรณเข้าใจแต่เวทิตไม่สมควรทำกริยาไม่น่าดูกับมัจโจ กรรณิกาสะอื้นกอดแม่แน่น
“แม่จ๋า ฉันขอโทษที่ไม่เชื่อแม่ ฉันรักคุณณรงค์เดช ถึงยอมเป็นเมียน้อยเขา ฉันไม่ได้ไปรุกรานเมียหลวงเขาเลยนะแม่ ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอกแม่ ฉันอยู่ส่วนฉันแต่ยัยราณีมันคิดฆ่าฉัน มันสั่งคนมาฆ่าฉัน ฉันอยากฆ่ามันแต่ฉันทำไม่สำเร็จ ดวงมันยังดีไม่ถึงที่ตายเหมือนฉันจ้ะแม่ ฉันรักแม่ รักพ่อนะจ๊ะ ฉันขอโทษ”
หล่อนรำพันไปเรื่อยๆ มัจโจจ้องมองสีหน้างุนงง กรรณิกาพูดยาวอย่างนั้นเขาจะพูดตามทันได้อย่างไร
“พูดยาวอย่างนี้ผม..เอ้ย.พี่ก็พูดไม่ทันสินังวิ เอ้ย.ยัยวิ”
มัจโจเอ่ยเสียงดัง วิไลหันมามอง สมชายหันมาจ้องหน้าลูกชาย จับมือลูกเขย่า
“น้องพูดอะไรอีกเว น้องมันว่ายังไง”
“นังวิพูดกับแม่ว่าไงเว บอกแม่เร็วๆ สิลูก”
วิไลเร่งคำตอบจากมัจโจ น้ำตายังคงไหลริน มัจโจยิ้มแหยเหลือบมองสุวรรณก็ไม่สบตากับเขา มองสุวาลย์ก็เมินไปทางอื่น หันไปมองเวทิตก็จ้องหน้าเขาอย่างกับจะกระโดดบีบคออย่างนั้น เขาต้องพูดเองอย่างนั้นหรือ
“เอ่อ.น้องบอกว่าขอโทษที่ไม่เชื่อแม่ครับ น้องไม่..ไม่..”
“ไม่อะไรล่ะพูดมาเร็วๆ ตอนนี้น้องอยู่ตรงไหน” วิไลป้ายน้ำตาออกจากแก้ม หล่อนอยากรู้ว่ากรรณิกาพูดอะไรและอยู่ข้างๆ หล่อนหรือเปล่า
“ยืนอยู่ข้างแม่ครับ ร้องไห้อยู่ครับ น้องไม่คิดรบกวนเมียหลวงแต่ถูกเมียหลวงสั่งฆ่าครับ”
“โถ.วิลูกแม่ วิ แม่ไม่โกรธวินะลูก แม่ให้อภัยวิทุกอย่างแล้ว แม่รักวินะลูก”
วิไลหันไปกอดอากาศทางซ้ายทีขวาที สมชายเช็ดน้ำตาตัวเอง จับมือภรรยาดึงเข้ามากอด
“แม่มึง เราไม่เห็นลูก กอดลูกไม่ได้ ทำใจซะนะแม่มึงนะ”
“ตาสม ข้าคิดถึงลูก” วิไลกอดสามีร่ำไห้ปานจะขาดใจ
“ข้าก็คิดถึงแต่ลูกมันจากเราไปแล้ว เราต้องทำใจรับให้ได้ วิเอ้ย พ่อกับแม่จะทำบุญกรวดน้ำไปให้นะลูก ขอให้ลูกไปสู่สุขคตินะไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่นะไอ้เวมันยังอยู่ มันดูแลพ่อกับแม่ได้”
สมชายมองไปรอบตัวขณะพูด เวทิตถึงกับน้ำตาไหลกับคำพูดของพ่อ หากพ่อรู้ว่าเขามีเพียงวิญญาณดูแลพ่อกับแม่ไม่ได้ พ่อจะเสียใจมากแค่ไหน กรรณิกาหันมากอดพี่ชายร้องไห้กับเขา มัจโจเห็นทั้งวิญญาณและคนที่ยังไม่เสียชีวิต เขาสงสารทั้งสองฝ่าย
“ลุงสุวรรณ ทำไงดี ร้องไห้กันใหญ่แล้ว”
“ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมกำหนด เราช่วยพวกเขาไม่ได้มากไปกว่านี้หรอก ท่านมัจโจ”
“พ่อ ผมจะพาไปหายัยวิที่โรงพยาบาลตำรวจ” มัจโจเอ่ยขึ้น เลื่อนตัวลงจากเตียงคนไข้ที่เมื่อครู่ใหญ่หมอกับพยาบาลต้อนเขาขึ้นนั่งบนเตียงแต่วิไลกับสมชายเข้ามาแทรกการปฏิบัติงานของหมอเสียก่อน
“เอาล่ะครับ ผมให้พวกคุณคุยกันนานแล้ว ผมไม่อนุญาตให้คนไข้ออกจากโรงพยาบาลจนกว่าผมจะตรวจอาการให้เรียบร้อยก่อน แล้วก็ที่คุณเวทิตบอกว่าเห็นดวงวิญญาณอะไรนั่น ผมไม่ขัดนะครับ อาจจะเป็นเพราะผลกระทบทางสมองก็ได้ ผมขอเช็คสมองด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องครับหมอ ผมไม่เป็นอะไร แข็งแรงทุกอย่าง ผมหายดีแล้วครับ”
มัจโจปฏิเสธเร็วเพราะเวทิตยกมือให้สัญญาณไม่ยอมให้หมอตรวจ
“ไม่ได้ครับ ยังไงก็ต้องตรวจก่อน” หมอยืนยันคำเดิม
“ผมไม่ตรวจครับ นี่พวกคุณ ทำอะไรอยู่ล่ะ จับตัวหมอไว้ ผมจะพาพ่อกับแม่ไปโรงพยาบาล”
มัจโจหันไปมองไกรวิทย์ ประยงค์และสนธยา สามหนุ่มจ้องหน้าเวทิตพร้อมกับเลิกคิ้วสูงแล้วยกนิ้วชี้มาที่ตัวเองทั้งสามคน
“คุณ พี่เวเรียกพวกฉันว่าคุณงั้นเหรอ แล้วเรียกตัวเองว่าผมอีก สงสัยฉันต้องจับพี่ให้หมอเช็คระบบประสาทก่อนแล้วละ ไอ้โหน่ง ไอ้หยก จับตัวพี่เว”
“เฮ้ย.ไม่ได้นะ ฉัน..เผลอไป”
เวทิตทำหน้าเหมือนถูกมดกัด จิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ มัจโจเรียบร้อยเกินไปที่จะอยู่ในร่างของเขา
“ท่านสุวรรณ ให้ท่านมัจโจออกจากร่างผมได้แล้ว ผมจะเข้าไปอยู่เอง”
“ไม่ได้ นี่คือกฎแห่งสวรรค์ เจ้าเปลี่ยนกฎไม่ได้ ให้เวลาท่านมัจโจบ้างเพราะเขามิได้เป็นคนเช่นพวกเจ้า ภารกิจของเขาจะเสร็จสิ้นเมื่อเจ้าพ้นกรรมแต่ก็ไม่แน่ เขาอาจถูกตามตัวไปรับโทษก่อนกำหนดที่เจ้าจะหมดกรรมก็ได้”