บทที่ 12 หนี
“แกเป็นใครวะ ทำไมตาแกมีแสงแดงๆ ออกมาอย่างนั้นล่ะแล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันตายแล้ว”
“ก็นี่ไง วิญญาณของคุณกำลังพูดอยู่กับผมนี่ไง ไม่พูดอย่างเดียวนะครับผม ด่าด้วยครับผม ไอ้บ้า”
“เฮ้ย.”
เวทิตร้องเสียงดัง มัจโจจำคำที่เวทิตด่าเขานำกลับมาด่าตอบเวทิตแล้วพยักหน้าท้าทาย เวทิตไม่อยากเชื่อว่าตัวเองเสียชีวิตแล้วและไม่อยากเชื่อว่าบุคคลที่เขากำลังยืนคุยด้วยอยู่นี้ก็เป็นดวงวิญญาณเช่นเดียวกับเขา
“เฮ้ยๆ อะไรกันวะ พวกมึงทำอะไรกันวะ ตำรวจมาโว้ย ตำรวจมา ไอ้พวกเลวเอ๊ย”
ประยงค์หรือโหน่งขับรถมอเตอร์ไซค์ผ่านมาเห็นพอดี เขาตะโกนมาก่อนที่รถจะแล่นถึงกลุ่มคนกำลังทำร้ายเวทิต ไกรวิทย์หรือเก้งกับสนธยาชื่อเล่นว่าหยกขับตามมาจอดต่อกัน
“เฮ้ย.พวกมันมาโว้ย เผ่นก่อน”
หนึ่งในกลุ่มคนร้ายวิ่งนำไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ พวกนั้นขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ประยงค์ ไกรวิทย์และสนธยาลงจากรถวิ่งมาที่ร่างชายหนุ่มนอนจมกองเลือดอยู่ ไกรวิทย์มองเห็นใบหน้าเปื้อนเลือดชัดถึงกับร้องเสียงดัง
“เฮ้ย.พี่เวนี่หว่า พี่เว พี่เว”
“ใช่เหรอวะ” ประยงค์ก้าวเข้ามาทรุดนั่งข้างเพื่อนแล้วก็ต้องเบิกตากว้างตกใจไม่แพ้ไกรวิทย์ เขาช้อนศีรษะชุ่มด้วยเลือดของเวทิตขึ้นวางบนตัก
“พี่เว พี่เว ลืมตาสิวะ พี่เว ใครทำอะไรพี่วะ”
“พี่โหน่ง พาพี่เวส่งโรงพยาบาลก่อนดีกว่า ฉันเรียกรถเอง”
สนธยาได้สติก่อนแม้จะตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เขาวิ่งไปเรียกรถแท็กซี่ รถแล่นเข้ามาจอด คนขับเปิดประตูวิ่งลงมาเปิดประตูเบาะหลัง ประยงค์กับไกรวิทย์ช่วยอุ้มร่างของเวทิตเข้าไปในรถ
“กูจะไปกับพี่เว พวกมึงตามไปทีหลัง เอารถกูไปเก็บด้วย”
ประยงค์ก้าวขึ้นรถปิดประตู รถแล่นออกเร็วเช่นที่แล่นเข้ามา สนธยาโทรศัพท์เรียกเพื่อนที่วินมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอยชุมชนรวยเลิศมาขับรถประยงค์กลับไปวิน เขากับไกรวิทย์ขับรถตัวเองตามรถแท็กซี่ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดซึ่งอยู่ห่างจากชุมชนไม่กี่กิโลเมตร
เวทิตเห็นร่างของตัวเองจึงรู้ว่าตนเสียชีวิตแล้ว เขาถึงกับทรุดนั่งกับพื้นร้องไห้อย่างที่ไม่เคยร้องมาก่อน เขายังมีภาระอีกมากมายที่ต้องทำ เป็นห่วงพ่อกับแม่เป็นห่วงน้องสาว เขากำลังจะไปบอกน้องสาวให้เลิกยุ่งกับณรงค์เดช เสี่ยเจ้าของชุมชนรวยเลิศที่พวกเขาอาศัยอยู่แต่ถูกกลุ่มคนไม่ประสงค์ดีทำร้ายจนเสียชีวิตแล้วเขาจะทำหน้าที่ลูกที่ดี หน้าที่พี่ชายที่ดีได้อย่างไร
“ฮือๆ ๆ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ฉันยังไม่อยากตาย ใครจะช่วยพ่อกับแม่ฉัน ใครจะช่วยน้องสาวฉัน”
เขาพร่ำพูดแล้วส่งเสียงร้องไห้ดังกว่าเดิม กำปั้นทุบดินตรงหน้า พร่ำพูดต่อ
“ฮือๆ ๆ ๆ ฉันกำลังจะไปบอกยัยวิให้เลิกยุ่งกับคุณเดช เมียหลวงเขามาขู่จะฆ่าพ่อแม่ฉัน รวมทั้งฉันด้วยถ้ายัยวิไม่เลิกกับคุณเดช ฉันยังไปไม่ถึงบ้านยัยวิ พวกมันก็ตามมาฆ่าฉันแล้ว ฉันจะทำยังไง จะช่วยพ่อแม่ยังไง จะบอกยัยวิได้ยังไง โฮๆๆ”
เวทิตพูดในสิ่งที่ตนกำลังจะไปทำแต่ไม่สามารถทำได้ ความเสียใจที่ตนเสียชีวิตโดยไม่ได้สั่งลาหรือไม่ได้บอกน้องสาว ใครจะบอกกรรณิกาว่าภัยกำลังมาถึงตัวหล่อนและพ่อแม่ที่ชุมชนรวยเลิศ
“ยัยราณีมาขู่พ่อกับแม่ถึงร้าน เขาจะฆ่าพ่อแม่ถ้ายัยวิไม่เลิกกับคุณเดช เขาไม่ขู่อย่างเดียวเขาลงมือทำแล้ว เขาสั่งคนฆ่าฉันคนแรกต่อไปต้องเป็นพ่อกับแม่ ฉันจะช่วยพ่อกับแม่ยังไงดี นาย นายช่วยฉันได้มั้ย ช่วยฉันด้วย”
เขาเงยหน้าที่ฉาบไปด้วยน้ำตาขึ้นมองชายหนุ่มซึ่งเขาเข้าใจว่าเป็นคนเช่นเดียวกับเขาในตอนแรกพร้อมคำขอร้องอย่างน่าสงสาร มัจโจประติดประต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับกรรณิกาและเวทิตจึงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ราณีเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง หล่อนสั่งฆ่ากรรณิกาและเวทิต เขาถอนหายใจยาวสงสารเวทิตมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัวและบอกความจริงกับเวทิตไม่ได้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะราณีและตอนนี้กรรณิกาน้องสาวที่เวทิตเอ่ยถึงนั้นเสียชีวิตแล้วเช่นกัน
สุวาลย์ตามมัจโจมาถึงชุมชนรวยเลิศ ความโมโหทำให้ไม่สนใจใครแม้เห็นเวทิตกำลังร้องไห้และพูดคุยกับมัจโจ เขาตรงเข้าไปหามัจโจและตั้งใจจับตัวมัจโจกลับนรกภูมิพร้อมกัน ไม่ยอมให้มัจโจหนีได้อีก
“ท่านมัจโจ กลับนรกพร้อมข้าประเดี๋ยวนี้”
เสียงก้องกังวานของสุวาลย์ทำให้เวทิตหยุดร่ำไห้หันมามอง เครื่องแต่งกายของสุวาลย์ไม่ต้องถามใครเวทิตก็รู้ว่าเป็นยมทูต เขาเคยเห็นจากละครทีวีและภาพตามวัดต่างๆ ที่มีรูปนรกสวรรค์เตือนจิตใจมนุษย์ให้มุ่งทำแต่ความดีละความชั่วทั้งหลาย
เพียงเห็นยมทูตเท่านั้นเวทิตเข้าใจว่าจะมานำดวงวิญญาณของตนไปลงนรกจึงฉุดแขนมัจโจออกวิ่ง
“หนีเร็ว ยมทูตจะมาเอาพวกเราไปแล้ว เร็วๆ สิ”
“หา..เอ่อ..เออ..หนี..หนีเร็วๆ เลย”
มัจโจเห็นสุวาลย์รู้ว่าจะมาจับเขากลับไปนรกภูมิแต่เวทิตเข้าใจผิด เขาจึงต้องออกวิ่งตามแรงฉุดของเวทิตและอดขำกับการวิ่งไล่จับของสุวาลย์ไม่ได้
“เฮ้ย.อย่าหนีนะ เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงถูกตัวท่านมัจโจได้”
สุวาลย์ร้องถามขณะวิ่งตามเวทิตและขณะเดียวกันก็รู้ว่าเวทิตเสียชีวิตแล้ว เขาจึงต้องจับทั้งเวทิตและมัจโจกลับไปพร้อมๆ กัน
“ท่านก็อย่าจับผมไปสิ ผมยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ผมเลย อย่าตามมาสิ”
เวทิตตอบคำของสุวาลย์ เท้าไม่หยุดวิ่ง มือยังจับอยู่ที่ข้อมือมัจโจและดึงให้วิ่งตามอยู่ตลอดเวลา สุวาลย์ยังวิ่งตามไม่หยุดเช่นกัน เวทิตรู้เส้นทางในชุมชนดีจึงวกเข้าซอยโน้นออกซอยนี้ แอบตรงนั้นแอบตรงโน้นไม่ให้สุวาลย์ตามจับได้
“เจ้ามนุษย์เจ้าเล่ห์ ออกมาให้ข้าจับประเดี๋ยวนี้ อย่าให้ข้าโมโหไม่เช่นนั้นเจ้าจะเดือดร้อน”
“ผมบอกท่านยมทูตไปแล้วไงว่ายังไม่อยากไป ขอผมกลับเข้าร่างทำงานสำคัญให้เสร็จก่อนนะครับท่านแล้วผมจะยอมไปด้วยนะครับ”
คำตอบกลับมาจากหลังต้นไม้ใหญ่หน้าปากซอยทำให้สุวาลย์นิ่งไป เขาควรทำตามคำขอร้องนั้นหรือไม่แต่จะอย่างไรก็ตามตอนนี้เหนื่อยจนจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว ขอยุติเกมไล่จับก่อนเถิด...