ตอนที่ 4 จูบแรก
หลังจากเดินสำรวจไปรอบๆห้องแล้ว เธอก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เตียงกว้างขนาดหกฟุตพร้อมผ้าคลุมเตียงสีเขียวอ่อนซึ่งเป็นสีที่หญิงสาวชอบมาก พนังห้องสีครีมเข้ากับผ้าม่านสีเขียว
“ไม่คิดว่าชาวคูลฮาร์นจะมีรสนิยมที่ใช่ได้เหมือนกัน” หญิงสาวยิ้มกับตัวเองและเริ่มเก็บข้าวของใส่ตู้เสื้อผ้าในห้อง ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป
และเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเธอก็คิดว่าจะนอนหลับสักพักแล้วค่อยลงไปหาเพื่อนๆ แต่พอหญิงสาวจะล้มตัวลงนอนเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“ก๊อก ก๊อก!”
ชญานันท์หันมามองแล้วเดินมาเปิดให้เพราะคิดว่าอาจจะเป็นเพื่อนของเธอหรือไม่ก็สาวใช้ แต่พอหญิงสาวเปิดประตูออก ก็แทบอยากจะปิดมันลงทันที แต่เพราะร่างสูงของกาเลนยืนขวางเอาไว้เธอจึงทำไม่ได้
“มีธุระอะไรกับฉันไม่ทราบ”
“ผมต้องการมาดูว่าห้องเรียบร้อยดีไหม” ชายหนุ่มบอกแล้วถือโอกาสเดินเข้ามาด้านใน ทำให้ชญานันท์หันมามองแผ่นหลังของเขาอย่างไม่พอใจ
“ห้องเรียบร้อยดี” เธอยังยืนกอดอกอยู่ที่หน้าประตู กาเลนเดินไปรอบๆห้องก่อนจะมาหยุดยืนตรงหน้าของหญิงสาวแล้วดันประตูปิดลง
“ปิดทำไม?” สายตาของหญิงสาวแสดงถึงความไม่พอใจ
“ผมมีเรื่องที่ต้องคุยกับคุณ ตามลำพัง” เขาบอกพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนอีกฝ่ายต้องถอยหลังหนี
“กลัวผมมากหรือไง”
“ไม่ได้กลัว แต่มันไม่สมควร ธรรมเนียมของคุณก็ห้ามชายหญิงอยู่กันตามลำพังไม่ใช่เหรอ” เธอย้อนเขาเหมือนเป็นการเตือนๆ แต่อีกฝ่ายก็ทำท่าหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ที่นี่บ้านของผม ผมจะทำอะไรกับใครที่ไหนก็ได้ ทุกคนเป็นคนรับใช้ของผมทั้งนั้น ไม่มีใครปากโป้งหรอก หรือว่าคุณจะทดลอง” กาเลนทำท่าขยับเข้าหา ชญานันท์รีบถอยห่าง
“คุณต้องการจะแก้แค้นฉันเรื่องในผับใช่ไหมล่ะ”
“เปล่าเลย ผมแค่ต้องการจะสั่งสอนผู้หญิงอย่างคุณ ให้รู้จักทำตัวดีๆต่อผู้ชายก็เท่านั้น” เขายิ้มกริ่ม
“ไม่ต้องมาสอนฉัน คนอย่างฉันรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นแบบไหน ไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงฉันได้ แล้วฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงคูลฮาร์นที่จะต้องเชื่อฟังผู้ชายทุกอย่าง” เธอแค่นเสียงใส่หน้าเขา
“นั้นมันเป็นธรรมเนียมของทางเรา แต่ผู้หญิงทุกคนที่นี่ก็ไดรับการดูแลและปกป้องอย่างดีจากผู้ชายและเมื่อคุณอยู่ที่นี่คุณก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของผม” ใบหน้าที่ยิ้มเมื่อครู่เริ่มแปรเปลี่ยน
“ไม่มีทาง ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคูลฮาร์น แล้วฉันก็มาทำงานไม่ได้มาเป็นลูกน้องของใคร เพราะฉะนั้นก็ไม่เกี่ยวกัน แล้วเรื่องในผับคืนนั้น คุณเองที่เป็นคนผิด ผู้หญิงไทยไม่ยอมให้ใครมาดูถูกได้ง่ายๆหรอกนะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม” ชญานันท์เชิดหน้าขึ้นสู้ แม้ว่าความสูงของเขาและเธอจะต่างกัน
กาเลนกระตุกยิ้มแล้วก้าวเข้าหาหญิงสาวอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน มารู้ตัวอีกทีก็ถูกเข้ารั้งเข้าไปหาแล้ว เธอรีบยกแขนขึ้นกั้นหน้าอกของตนเองไม่ให้สัมผัสกับหน้าอกแกร่งของอีกฝ่าย
“งั้นก็ต้องพิสูจน์กันว่าคุณจะเอาตัวรอดจากผมได้หรือเปล่า ผมจะสอนคุณให้รู้จักผู้ชายคูลฮาร์นอย่างแท้จริง”
“คุณจะทำอะไร บ้าไปแล้วหรือไง ถ้ายังไม่ปล่อยฉันจะร้องเดี๋ยวนี้”
“เชิญตามสบาย ที่นี่บ้านของผม ใครเขาจะเข้ามาขัดขวางผมงั้นเหรอ” พูดจบใบหน้าคมก็ก้มต่ำลงมาจนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆของกันและกันได้
“แล้วบทเรียนแรกของวันนี่ก็คือ” ชายหนุ่มหยุดพูดแล้วใช้มือข้างหนึ่งจับที่ปลายคางของหญิงสาวแล้วจับให้อยู่นิ่งๆก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะฉกลงมาบนเรียวปากงามอย่างว่องไว ร่างบางยืนแข็งทื่อราวกับก้อนหิน เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยที่จะโดนผู้ชายจูบเลย ไม่คิดว่ามันจะปั่นป่วนในสมองแบบนี้ กาเลนแสนเสียดายที่จะต้องถอนริมฝีปากออกมาออกมาจากดอกไม้งามตรงหน้า แล้วผลักหญิงสาวออกห่างก่อนจะมองอย่างเยาะๆ
“นี่คือการต้อนรับสู่คูลฮาร์น แล้วคุณจะต้องเจอมากกว่านี้ ฮึ” ชีคกาเลนบอกแล้วหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินออกไป ชญานันท์ยังยืนนิ่งตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แล้วค่อยๆทรุดนั่งลงอย่างหมดแรง มือเรียวยกขึ้นแตะที่ริมฝีปากก่อนจะเช็ดมันแรงๆจนแดงระเห่อ
“ฉันไม่ยอมแพ้นายแน่ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย คอยดูนะจะเอาคืนให้สาสมเลย” หญิงสาวรู้สึกทั้งเจ็บใจ แค้นใจและอายปะปนกันไปหมด เธอรีบลุกขึ้นเดินไปปิดประตูและล็อกกลอนอย่างแน่นหนาก่อนจะทิ้งตัวลงนอน แต่ก็นอนไม่หลับ ได้แต่นอนพลิกไปพลิกมาอยู่นาน จนในที่สุดก็เผลอหลับไป
ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูปลุกให้ร่างบางที่นอนหลับอยู่บนเตียงกว้างขยับตัวลุกขึ้นอย่างงัวเงีย ชญานันท์ยกมือขึ้นเสยผมที่ตกลงมาข้างหน้าไปไว้ข้างหลังก่อนจะก้าวลงจากเตียงแล้วตรงไปที่ประตู
โซฮันโค้งให้หญิงสาวพร้อมกับยิ้มให้ “ได้เวลาอาหารเย็นแล้วครับ”
“ตายจริง ฉันขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้ลำบาก แล้วเริ่มกี่โมงคะ” หญิงสาวยิ้มตอบพร้อมกับถามออกไป
“ 1 ทุ่มตรงครับ คุณยังมีเวลา เจ้านายให้ผมมาปลุกคุณก่อนเวลา”
“อ้อ...ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มให้เขาอีกครั้ง โซฮันโค้งต่ำลงอีกครั้งก่อนจะเดินกลับลงไปด้านล่าง
ชญานันท์หันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียง ก่อนจะพึมพำเบาๆ “เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ไม่น่าเชื่อว่าจะหลับได้นานขนาดนี้ สงสัยจะเพลียจริงๆนะเรา” เธอยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง
โซฮันเดินเข้ามาแล้วโค้งให้เจ้านายของตนเองก่อนจะเดินไปยืนคู่กับฮิสมาทางด้านขวามือของชายหนุ่ม
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ” เขารายงานให้เจ้านายหนุ่มทราบ
“อืม..ขอบใจ” เจ้านายหนุ่มพยักหน้า แต่สายตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือในเอกสาร
“เจ้านายจะเข้าบริษัทเมื่อไรครับ” ฮิสมาถามเสียงเรียบ
“ยังไม่ใช่ตอนนี้แน่ เรากำลังมีแขก”
“แล้วทำไมเจ้านายไม่รีบให้สัมภาษณ์เร็วๆล่ะครับ จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป จะได้ไม่เสียเวลางานของเจ้านายด้วย” โซฮันเลิกคิ้วขึ้นสูง
กาเลนวางเอกสารลงแล้วลุกขึ้นเดินมานั่งลงที่โซฟารับแขกแทน ก่อนจะหันมามองหน้าลูกน้องคนสนิทของตนเองแล้วยิ้มอย่างมีความหมาย
“ฮึ นายคิดแบบนั้นเหรอ”
“เจ้านายกำลังจะทำอะไรกันแน่ครับ” ฮิสมาถามเขาด้วยสีหน้าเครียด เพราะเขารู้นิสัยของเจ้านายดีว่าเป็นคนเช่นไร ถ้าไม่สนใจอะไรจะไม่ตอแยใดๆทั้งสิ้น
“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร เอาไว้ฉันจะทำแล้วจะบอกพวกนายแล้วกัน” เขาตอบยิ้มๆ แต่สองหนุ่มที่ยืนอยู่รู้ดีว่ารอยยิ้มแบบนั้นมันไม่ธรรมดาแน่ๆ
“เจ้านายคิดจะแก้แค้นผู้หญิงที่ชื่อชญานันท์ใช่ไหมครับ” ฮิสมาขมวดคิ้ว
“ฮึ ฮึ ทำไมนายคิดแบบนั้น” กาเลนย้อนถาม
“ก็คุณชญานันท์ เอ่อ..สาดบรั่นดีใส่หน้าเจ้านายในคืนนั้น” เขาตอบเสียงอ่อย
“ฉันยอมรับว่าโกรธผู้หญิงคนนี้มาก แต่ก็ไม่ได้คิดแก้แค้นอะไร แค่ต้องการสั่งสอนนิดหน่อย ให้ผู้หญิงคนนั้นได้รู้จักคนอย่างฉันเท่านั้น” ชายหนุ่มตอบแล้วลุกขึ้นอีกครั้ง เดินเอามือล้วงกระเป๋ากลับไปที่โต๊ะทำงานตามเดิม ร่างสูงนั่งลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องคนสนิท
“พวกนายไปพักผ่อนได้แล้ว ฉันจะทำงานต่ออีกนิด เดี๋ยวจะไปต้อนรับแขกของฉันอีก” เขายิ้มแล้วก้มหน้าลงทำงานต่อ
“ครับ” สองหนุ่มโค้งต่ำให้เจ้านายหนุ่มพร้อมกับรับคำก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ คืนนี้ภาระกิจของพวกเขาก็คงจะจบลงแค่ตรงนี้เท่านั้น
เมื่อออกมาจากห้องทำงานของเจ้านายหนุ่มแล้วโซฮันก็สังเกตเห็นว่าเพื่อนหนุ่มของเขานิ่งเงียบไปอย่างผิดสังเกต
“นายเป็นอะไร”
“กำลังใช้ความคิดอยู่” สีหน้าของฮิสมาครุ่นคิดอย่างหนัก
“นายกำลังคิดเรื่องของคุณชญานันท์ใช่ไหม?”
“ใช่ หรือนายไม่คิด” ฮิสมาย้อนถาม แต่เท้าก็ยังก้าวเดินไปข้างหน้าต่อ
“คิดสิ เจ้านายของเราไม่เคยมีปฏิกิริยาแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนเลย มันแปลกๆอยู่นะ” โซฮันหันมามองหน้าเพื่อน
“ใช่” ฮิสมาพยักหน้า
“ ไม่แน่นะ สิงห์ตัวสุดท้ายอาจจะได้สละโสดก็ได้ใครจะรู้” โซฮันหันมามองหน้าเพื่อนรัก แล้วทั้งสองก็ยิ้มให้กันอย่างรู้ความหมายที่พูด
พอลับหลังของสองหนุ่ม ร่างบางของใครบางคนก็เดินออกมาจากมุมห้อง บทสนทนาของทั้งคู่อยู่ในสมองของเธอหมดแล้ว ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน มือทั้งสองกำเกร็งแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา ริมฝีปากบางเผยอขึ้นเล็กน้อย
“คิดว่าฉันจะยอมให้เป็นแบบนั้นเหรอ ฉันมาก่อนใครก็มาแย่งความรักของฉันไปไม่ได้ เพราะคนที่คิดแย่งความรักของฉันมันจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน ฮึ ฮึ” เสียงหัวเราะในลำคอนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวเสียจริงๆ จากนั้นร่างบางก็เดินหายไปทางมุมห้องที่ร่างนั้นเดินออกมา