ตอนที่ 4 อย่ามาอวดดีที่นี่
มีนาเดินย้อนกลับมาที่ห้องของศิริรัตน์อีกครั้งเพื่อจะขออนุญาตให้ราชิดพาเธอออกไปเที่ยวตลาดในเมือง แต่พอหญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องของพี่สาวก็ต้องชะงักกึกเพราะองค์สุลต่านฮัลบาฮาประทับอยู่กับพี่สาวของเธอด้วย สาวไทยจึงย่อตัวลงทำความเคารพแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ อย่างสำรวม
“มีอะไรหรือมีน?” ศิริรัตน์คลี่ยิ้มให้น้องสาว
“มีนจะมาขออนุญาตพี่เอ๋ออกไปเที่ยวในตลาดค่ะ เอ่อ...จะให้คุณราชิดพาไปน่ะค่ะจะได้หรือเปล่าคะ?” มีนามองหน้าพี่สาว ก่อนจะหันไปมองทางองค์สุลต่านอย่างเกรงๆ
“พี่นะอนุญาต แต่ต้องทูลถามองค์สุลต่านก่อนนะ” ศิริรัตน์อมยิ้ม ก่อนจะหันมาทางพระสวามีที่ประทับนั่งอยู่ข้างๆ เธอ
“ว่าไงเพคะ จะทรงอนุญาตหรือเปล่าเพคะ”
“ข้าอนุญาต เชิญเจ้าตามสบายเลยนะ” องค์อัลบาฮาพยักพระพักตร์พร้อมกับแย้มพระสรวลส่งให้
“ขอบพระทัยเพคะ” มีนาอมยิ้มอย่างดีใจก่อนจะย่อตัวถอนสายบัวเพื่อทูลลาองค์กษัตริย์กับพระชายา แล้วเดินถอยออกมา และในจังหวะที่สาวไทยกำลังจะหมุนตัวเดินออกจากห้องนั้นเอง ร่างบางก็ชนเข้ากับร่างหนาใหญ่ของใครคนหนึ่งเข้าอย่างจัง ก่อนที่เธอจะเซไปชนเข้ากับขอบประตูอย่างแรง มือบางรีบยกขึ้นกุมที่สะโพกด้านซ้ายซึ่งเจ็บจากแรงกระแทกเอาไว้ แล้วจึงหันไปมองทางต้นเหตุ และพอเห็นว่าเป็นใครมีนาก็ถึงกับหน้าบึ้ง กัดฟันกรอดขึ้นมาทันที
‘เจ้าชายจิตมีปัญหาองค์นี้อีกแล้ว’ มีนาคิดแค้นอยู่ในใจ
“ไม่มีมารยาท ที่บ้านเจ้าไม่สอนกิริยามารยาทให้บ้างหรือไง” เจ้าชายการีฟรับสั่งตำหนิเสียงเข้ม แววเนตรที่ทอดมองไปยังร่างบางดุดันอย่างน่ากลัว
มีนาอยากจะตะคอกใส่พระพักตร์คมของอีกฝ่ายเสียนัก แต่ก็ทำไม่ได้เพราะที่นี่มีทั้งพี่สาวของเธอ แล้วยังจะองค์สุลต่านอีก ถ้าเธอแสดงกิริยาไม่ดีออกไป พี่สาวของเธออาจจะถูกตำหนิไปด้วย ดังนั้นหญิงสาวจึงต้องข่มความโกรธของตัวเองเอาไว้ในใจ
“สอนเพคะ หม่อมฉันขอประทานอภัยด้วยเพคะที่เดินชนฝ่าบาทโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ” มีนาเน้นเสียงแข็งก่อนจะย่อตัวลงแล้วรีบเดินออกไปจากที่นั่น โดยมีรอยยิ้มเยาะอย่างสะใจของเจ้าชายการีฟตามหลังร่างบางนั้นไป
มีนากระแทกก้นลงนั่งบนเก้าอี้ภายในห้องพักของเธออย่างแรง แต่แล้วก็สะดุ้งพร้อมกับสูดปากด้วยความเจ็บเพราะมันดันไปกระแทกซ้ำรอยเดิมที่ชนกับประตูเมื่อครู่เข้าพอดี
“เจ็บใจจริงๆ ป่านนี้เขาคงนั่งหัวเราะเยาะเราสนุกปากไปเลยล่ะสิ ฝากไว้ก่อนแล้วกัน” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเมื่อนึกไปถึงคนที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัว ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอีกครั้งเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“จริงสิ เราจะออกไปเที่ยวตลาดกับคุณราชิดนี่นา ลืมไปเลย” หญิงสาวบ่นกับตัวเอง ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปตามหาองครักษ์หนุ่ม และโชคยังดีที่เขายังอยู่ที่สวนหน้าพระตำหนักหลวง แต่ชายหนุ่มกำลังยืนคุยอยู่กับนางกำนัลสาวสวยคนหนึ่งอยู่ มีนาจึงคาดเดาเอาว่าคงจะเป็นคนรักของราชิดเพราะท่าทางของฝ่ายหญิงนั้นดูขวยเขินผิดปรกติ
มีนาเดินอมยิ้มเข้าไปหาคนทั้งคู่ ก่อนจะหันไปคลี่ยิ้มกว้างให้กับนางกำนัลนัยน์ตาคม ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบ ก่อนจะเดินจากไป
“เอ่อ...ฉันมาขัดคอคุณหรือเปล่าคะ” มีนาถามยิ้มๆ ก่อนจะหันไปมองตามหลังร่างบางของสาวอาหรับไป
“เปล่าหรอกครับ” ราชิดยิ้มอย่างเขินๆ
“แฟนหรือคะ น่ารักจังเลยค่ะ”
“ครับ เธอเป็นคู่หมั้นของผมเอง อีก 3 เดือนเราก็จะแต่งงานกันแล้วครับ”
“ยินดีด้วยนะคะ” มีนาคลี่ยิ้มกว้างให้ ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้ารับ แล้วสาวไทยก็เอ่ยต่อ “เอ่อ...ฉันขออนุญาตองค์สุลต่านกับพระชายาเรื่องที่เราจะออกไปเที่ยวตลาดเรียบร้อยแล้วค่ะ ทั้งสองพระองค์ก็อนุญาตเรียบร้อยแล้วด้วยค่ะ”
“เหรอครับ...งั้นเราไปกันเลยไหมครับ?” ราชิดเลิกคิ้วสูง มีนารีบพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว จากนั้นองครักษ์หนุ่มก็พาสาวไทยเดินไปยังคอกม้า
“เรามาที่นี่ทำไมคะ? ทำไมไม่ไปที่โรงรถล่ะคะ?” มีนาขมวดคิ้วอย่างสงสัย ราชิดจึงหันมายิ้มให้ก่อนจะตอบ
“เราจะขี่ม้าไปกันครับ ถ้าจะเที่ยวให้สนุกและได้บรรยากาศของมาราคัตแท้ๆ ต้องขี่ม้าไปครับ คุณมีนาขี่ม้าเป็นหรือเปล่าครับ”
“ไม่เป็นค่ะ” มีนาตอบพร้อมกับส่ายหน้า
“งั้นเราคงต้องไปตัวเดียวกัน คุณจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ” องครักษ์หนุ่มเอ่ยถามอย่างให้เกียรติเพราะพอจะรู้เรื่องขนบธรรมเนียมของประเทศไทยมาบ้าง
“ไม่มีปัญหาค่ะ เราบริสุทธิ์ใจซะอย่าง” มีนายิ้มให้ชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองม้าตัวใหญ่สีนิลที่ย่ำเท้าพร้อมกับลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างเสียวๆ
“ขอโทษนะครับ” ราชิดขยับเข้ามาอุ้มหญิงสาวขึ้นไปนั่งบนหลังม้า ก่อนจะก้าวตามขึ้นไป จากนั้นองครักษ์หนุ่มก็กระตุกม้าให้ออกวิ่งมุ่งหน้าสู่หมู่บ้าน
มีนารู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งของที่วางขายอยู่ทั้งสองฝั่งตลอดแนวทางเดินเป็นอย่างมาก เพราะข้าวของที่นี่มีแต่ของแปลกๆ ที่เธอไม่เคยเห็นทั้งนั้นเลย หญิงสาวเดินเข้าไปดูทุกร้านอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งมาเจอร้านขายเครื่องประดับร้านหนึ่ง ซึ่งมีเครื่องประดับต่างๆ อยู่มากมาย สาวไทยถูกใจเข้ากับสร้อยคอเส้นเล็กเส้นหนึ่ง สายสร้อยเป็นโลหะสีเงินวาว มีจี้รูปหัวใจฝังพลอยสีขาวเม็ดโตอยู่ตรงกลาง เธอคิดอยากจะซื้อมันแต่พอนึกได้ว่าไม่มีเงินของที่นี่จึงได้วางมันลงและยืนมองอย่างแสนเสียดาย
“คุณมีนาชอบหรือเปล่าครับ?” ราชิดถามยิ้มๆ ทั้งๆ ที่มองแววตาของอีกฝ่ายออกว่าอยากได้มากแค่ไหน
“ชอบมันก็ชอบอยู่หรอกค่ะ แต่มีนไม่มีเงินของประเทศคุณนี่ค่ะ” มีนาตอบเสียงอ่อย
“งั้นเดี๋ยวผมจ่ายให้ ถือว่าเป็นของที่ระลึกจากมาราคัตแล้วกันครับ”
“ขอบคุณค่ะ” มีนาคลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับยกมือไหว้เขาอย่างดีใจ ราชิดอมยิ้มให้กับท่าทางตื่นเต้นดีใจราวกับเด็กน้อยของหญิงสาว ก่อนจะหันไปหยิบสร้อยคอขึ้นมาแล้วส่งเงินให้กับพ่อค้า และหันกลับมาทางสาวไทยอีกครั้ง
“เดี๋ยวผมใส่ให้นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” มีนายิ้มอย่างเขินๆ แล้วหันหลังให้อีกฝ่ายสวมสร้อยคอให้ จากนั้นทั้งคู่ก็เดินดูของกันต่อ ก่อนที่ราชิดจะพาสาวไทยไปรับประทานอาหารพื้นเมืองในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งสาวไทยก็ดูจะถูกใจกับสตูเนื้อแกะกับเนื้อแพะย่างราสซอสพริกเป็นพิเศษ พอทานเสร็จทั้งคู่ก็กลับเข้าวัง
แต่เพียงแค่ทั้งสองผ่านประตูเข้ามาก็ถูกจับตามองจากคนที่นั่งเล่นอยู่ในสวนด้านหน้าวังทันที ช่อผกาหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่พอใจพร้อมกับลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปดักหน้าราชิดกับมีนาอย่างรวดเร็ว โดยมีอรวันเดินตามหลังมาติดๆ
“ออกไปเที่ยวกับผู้ชายสองต่อสอง กลับมาหน้าระรื่นเชียวนะ คงสนุกมากสิท่า” ช่อผกาพูดเหน็บพร้อมกับจ้องหน้าหลานสาวอย่างไม่พอใจ
“แหม...ยิ้มหน้าบานแบบนี้คงไม่ต้องถามหรอกมั้งคะคุณพี่” อรวันเบ้ปากใส่อย่างหมิ่นๆ
“ค่ะ สนุกมากเลยค่ะ” มีนาตอบหน้าตาเฉย และนั่นก็ยิ่งทำให้ผู้เป็นป้าใหญ่โมโหมากขึ้น
“ไร้ยางอาย! ลงมาเดี๋ยวนี้” ช่อผกาตวาดพร้อมกับกระชากแขนหลานสาวสุดเกลียดเต็มแรง จนราชิดต้องรีบประคองร่างบางให้ลงจากหลังม้า ก่อนที่หญิงสาวจะตกลงไปเพราะแรงดึง และยังไม่ทันที่มีนาจะได้ตั้งตัว ฝ่ามือของคุณช่อผกาก็ฟาดลงมาบนแก้มนวลเต็มแรง
เผียะ!
ร่างบางเซถอยหลังไปสองก้าว ดีที่ราชิดคว้าตัวหญิงสาวเอาไว้ได้จึงไม่ล้มลงไปกองกับพื้น มีนาหันขวับไปมองผู้เป็นป้าตาขวางก่อนจะตะคอกถามเสียงแข็ง
“คุณป้ามาตบหนูเรื่องอะไร? หนูทำอะไรผิด?”
“ที่แกนั่งเบียดเสียดสีอยู่กับผู้ชายเนี่ยมันไม่ผิดงั้นสิ” อรวันเท้าเอวจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างเกลียดชัง
“แกจะทำอะไรก็เห็นแกหน้าของฉันบ้าง ถ้าอยู่ที่เมืองไทยฉันจะไม่ยุ่งกับแกเลย แต่ที่นี่อย่ามาทำตัวร่านเด็ดขาดเพราะฉันไม่อยากให้เสื่อมเสียไปถึงลูกสาวของฉัน รวมทั้งตัวของฉันด้วย จำเอาไว้!” ช่อผกาชี้หน้ามีนาอย่างโกรธเกรี้ยว แต่ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรออกมาอีกเสียงแหลมๆ ของวรรณวลีก็ดังแทรกขึ้นมา
“โธ่...คุณป้าขา คุณแม่ขา ว่าไปสอนไปก็เท่านั้นแหละค่ะ คนไม่มีใครอบรมสั่งสอนนี่คะ มันก็ง่ายแบบนี้แหละค่ะ!” ร่างบางเดินนวดนาดคู่มากับเจ้าชายการีฟซึ่งทอดพระเนตรไปที่มีนาเขม็ง ทั้งสีพระพักตร์และแววพระเนตรบ่งบอกถึงการเยาะเย้ยอย่างเห็นได้ชัด
ช่อผกากับอรวันสงบปากสงบคำลงทันทีเมื่อเห็นเจ้าชายหนุ่ม แต่ก็ยังไม่หายโมโหแม่หลานสาวตัวดีจึงยืนค้อนอย่างประหล่ำประเหลือกให้ ก่อนที่ช่อผกาจะหันมาทางเจ้าชายการีฟแล้วทูลเชิญเสด็จให้ไปประทับที่ศาลาไม้
“เชิญเสด็จไปประทับที่ศาลาดีกว่านะเพคะ อย่าประทับตรงนี้เลยเพคะ”
“เดี๋ยวก่อนก็ได้” ราชนิกุลหนุ่มรับเสียงเสียบเรียบ แล้วหันมาทางองครักษ์ราชิดและรับสั่งด้วยพระสุรเสียงที่แข็งกร้าว “พวกเจ้าไปไหนกันมา?”
“ไปตลาดมาพะย่ะค่ะ” ราชิดโค้งต่ำให้เจ้าชายหนุ่มก่อนจะทูลตอบ
“ม้าตัวเดียวกันเนี่ยนะ!” เจ้าชายหนุ่มขมวดพระขนงทอดพระเนตรองครักษ์หนุ่มอย่างไม่พอพระทัย ก่อนจะเบนสายพระเนตรมาทางมีนาพร้อมกับรับสั่งเสียงแข็ง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าชายหญิงอยู่ใกล้ชิดกันมันไม่สมควร!” พระองค์ทรงเห็นตั้งแต่ตอนที่ราชิดกับมีนาขี่ม้าผ่านประตูวังเข้ามาพอดี แล้วความพิโรธของพระองค์ก็พุ่งพรวดขึ้นมาทันทีทันใด
“ทราบเพคะ แต่หม่อมฉันกับคุณราชิด เราบริสุทธิ์ใจต่อกัน เราคบกันแบบพี่น้อง” มีนาเชิดหน้าตอบพร้อมกับกัดฟันข่มความโกรธของตนเองเอาไว้
“ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่งามนะ มีนา” วรรณวลีพูดสำทับขึ้นก่อนจะกระตุกมุมปากอย่างเยาะๆ วันนี้เธอรู้สึกสะใจมากที่เห็นญาติสาวโดนตบ แต่เธอเสียดายอยู่อย่างเดียวคือคนที่ตบมันน่าจะเป็นเธอมากกว่า
“ฉันห้ามความคิดของคนอื่นไม่ได้หรอก ฉันทำอะไรฉันรู้อยู่กับใจดี” มีนาหันมาทางวรรณวลี แต่ก็ปรายหางตาไปมองทางเจ้าชายการีฟอย่างค้อนๆ
“ให้มันน้อยๆ หน่อยนะยัยมีน! นี่ต่อหน้าพระพักตร์เจ้าชายนะจะพูดจาอะไรก็ให้มันระวังด้วย เดี๋ยวจะตายอยู่ที่นี่เสียเปล่าๆ” ช่อผกาถลึงตาใส่มีนาอย่างไม่พอใจ
“พ่อแม่เขาตายหมดเพคะ เลยไม่มีใครอบรมสั่งสอนเรื่องมารยาทของกุลสตรีไทยนะเพคะ” อรวันหันมาทูลต่อราชนิกุลหนุ่ม ก่อนจะหันมายิ้มเยาะใส่หลานสาว
ราชิดยืนมองหญิงสาวถูกรุมต่อว่าอยู่ด้วยความสงสารแถมยังยืนมือเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้เสียด้วย ถ้ารู้แบบนี้เขาคงไม่พาเธอออกไปแน่ๆ
“ยัยมีนคงกำลังเหงานะเพคะก็เลยหาเพื่อนแก้เหงา” วรรณวลีเดินมายืนเคียงข้างกับชีคหนุ่ม แล้วเหยียดมุมปากออกอย่างเย้ยๆ
มีนาเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงพร้อมกับกำมือแน่นเพื่อกลั้นความโกรธและโมโหของตนเองไว้ ถ้าเธอขืนอยู่ที่นี่ต่อความอดทนของเธอคงจะต้องหมดลงในไม่ช้านี้แน่ ดังนั้นหญิงสาวจึงย่อตัวลงทำความเคารพราชนิกุลหนุ่มแล้วทำท่าจะเดินผละออกมา แต่มีนาก็ต้องชะงักเมื่อพระสุรเสียงแกมเหน็บแนมของเจ้าชายการีฟดังขึ้น
“เจ้าจะรีบไปไหนล่ะ ยังคุยกันไม่จบเลยไม่ใช่หรือไง” รับสั่งจบมุมโอษฐ์หยักได้รูปก็กระตุกขึ้นพร้อมกับเสียงพระสรวลในลำคอ
“เชิญคุยกันตามสบายเถอะเพคะ หม่อมฉันร้อนขอตัวไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนนะเพคะ!” มีนากระแทกเสียงลงหนักๆ แล้วเดินหนีไปดื้อๆ
“เจ้า!...อวดดีมากเกินไปแล้วนะ!” เจ้าชายการีฟกัดกรามกรอดอย่างไม่พอพระทัย ก่อนจะหันมาหรี่ดวงเนตรดุดันมองช่อผกาอย่างเอาเรื่อง
“หลานสาวของเจ้ากล้ามากนักนะ! ระวังตัวเอาไว้ให้ดีเถอะ ระวังจะไม่มีชีวิตรอดกลับเมืองไทย!” รับสั่งจบก็เสด็จกลับขึ้นตำหนักด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด
“นังมีน!” ช่อผกาเน้นเสียงลอดไรฟันอย่างโมโห ก่อนจะเดินลิ่วๆ ไปทางห้องของมีนาโดยมีอรวันและวรรณวลีเดินตามไป แต่พอไปถึงห้องก็ไม่พบหญิงสาวจึงทำให้ช่อผกาโกรธมากยิ่งขึ้น แล้วเดินกระแทกเท้ากลับห้องของตนเองไป
มีนาไม่ได้กลับขึ้นห้องอย่างที่บอกกับเจ้าชายการีฟ แต่กลับแอบมาเดินฮัมเพลงเล่นเพื่อนผ่อนคลายอารมณ์อยู่หลังวัง แล้วในขณะที่หญิงสาวกำลังเพลินในอารมณ์อยู่นั่น ก็ต้องตกใจสะดุ้งเฮือกเพราะมีเสียงหนึ่งร้องทักมาจากทางด้านหลัง
“เพลงที่เจ้าร้องไพเราะมาก” ร่างสูงในชุดโต๊ปสีขาวเดินคลี่ยิ้มเข้ามาอย่างเป็นมิตร มีนาเลิกคิ้วสูงมองอีกฝ่ายอย่างระแวง แต่พอนึกหน้าของอีกฝ่ายออกว่าเป็นใครก็รีบย่อตัวทำความเคารพทันที
“ไม่ต้องมากพิธีหรอก ข้าชื่ออิสยาส เป็นโอรสองค์ที่ 3 ขององค์สุลต่าน” เจ้าชายหนุ่มแนะนำพระองค์เองก่อนจะยิ้มให้สาวไทยอีกครั้ง
“เอ่อ...ขอประทานอภัยเพคะ ถ้าหม่อมฉันมารบกวนฝ่าบาท” มีนารีบออกตัวเพราะคิดว่าตัวเองมาทำเสียงดังรบกวนราชนิกุลหนุ่ม
“ไม่หรอก ข้ากำลังหาเพื่อนคุยอยู่พอดี เจ้ามานั่งตรงนี้เถอะ” เจ้าชายอิสยาสผายพระหัตถ์ไปทางซุ้มเล็กๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่พระองค์เดินออกมาเมื่อกี้นี้ ตอนแรกมีนาทำหน้าลังเล แต่เมื่อเห็นรอยแย้มโอษฐ์ที่เป็นมิตรไมตรีจึงเดินตามไปและนั่งลงตรงข้ามกับราชนิกุลหนุ่ม
“เจ้าเป็นน้องสาวของพระชายาจริงๆ หรือ? ทำไมหน้าตาไม่เหมือนกันเลยล่ะ เจ้าสวยกว่ามาก” คำรับสั่งของเจ้าชายหนุ่มเล่นเอามีนาถึงกับยิ้มอย่างเขินๆ ก่อนจะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ
“หม่อมฉันกับพระชายาเป็นลูกพี่ลูกน้องกันเพคะ ไม่ใช่สายเลือดโดยตรงเพคะ”
เจ้าชายอิสยาสพยักพระพักตร์อย่างเข้าพระทัย แล้วชวนหญิงสาวสนทนาต่ออย่างเป็นกันเอง แต่แล้วครู่ต่อมาการสนทนาของทั้งคู่ก็ต้องยุติลง เมื่อเสียงของนางกำนัลคนหนึ่งดังแทรกขึ้น
“พระนัดดาอย่าวิ่งเพคะ! เดี๋ยวล้มเพคะ! ระวังเพคะ!” นางกำนัลร่างบางร้องตะโกนพร้อมกับวิ่งไล่ตามร่างเล็กของ
พระนัดดาตัวน้อยที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเจ้าชายอิสยาส แต่ร่างน้อยนั้นก็หยุดยืนมองไปทางมีนาด้วยแววตาไม่พอใจ ก่อนจะโผเข้าสู่อ้อมกอดของผู้เป็นอา