บทที่ 4
“เอ่อ...”
เขมินทร์ขบกรามกรอด เขายิ่งคิดก็ยิ่งแค้นทิพย์นารี หญิงสองใจนั้นยิ่งนัก สิ่งที่เขาทำไม่ใช่กับแค่ภูตะวัน หากแต่เป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาอย่างน้องแก้มใสด้วย ทิพย์นารียังทอดทิ้งได้ลงคอ
“คุณทิพย์ทิ้งพี่ภูไป ทำให้พี่ชายเรา ไม่เหมือนคนเดิม”
“อะไรนะคะ!” ของขวัญถึงกับอุทานเสียงหลง เธอเขย่าแขนพี่ชายที่กำลังขับรถอย่างลืมตัว
“เป็นไปไม่ได้ คุณทิพย์จะทิ้งคนแสนดีอย่างพี่ภูได้ยังไงกันคะ แล้วน้องแก้มใสล่ะคะ โอย...ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้”
เธอรู้สึกเศร้าเสียใจแทนภูตะวัน จนน้ำตาคลอ เขมินทร์ถอนใจเฮือก ความในใจของเขาพรั่งพรูออกมาทันทีเมื่อได้เอ่ยปากระบาย
“เป็นไปได้สิ คุณทิพย์หนีไปกับคนรักเก่า เขาทิ้งพี่ภูกับน้องแก้มใสอย่างไม่สนใจเลยนะขวัญ พี่ภูรักเขามาก จึงเสียใจมาก ถึงขั้นกินนอนไม่ได้ ปิดรีสอร์ตภูม่านดาว ทิ้งฟาร์มม้าภูตะวัน หมกตัวอยู่ที่บ้าน แทบจะไม่ติดต่อพูดคุยกับใครเลย กินเหล้าอย่างหนักเกือบทุกวัน จนเข้าโรงพยาบาล ตอนแรกๆ แม้กระทั่งพี่เอง พี่ภูก็ยังไล่ ไม่ยอมคุยด้วย มาตอนหลังนี่หรอก ที่พี่ภูยอมออกมาจากบ้าน และทำอะไรบ้างนอกจากดื่มเหล้า เมาหัวราน้ำ คงจะเห็นแก่น้องแก้มใสบ้าง ถึงเริ่มงดเหล้า พี่สงสารพี่ภูจริงๆ ”
เขมินทร์ถอนใจ ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอด ยังลานจอดรถของรีสอร์ต ที่ตอนนี้รกร้าง ทุกอย่างที่นี่ดูเศร้าสร้อยและไร้ชีวิตจิตใจ คงจะเหมือนกับภูตะวัน ผู้ที่เป็นเจ้าของภูม่านดาว ที่โดนกระชากดวงใจไป จนกลายเป็นคนละคน ของขวัญฟังเรื่องราวจากปากพี่ชายแล้ว น้ำตาเธอร่วงรินออกมา ด้วยความสงสารชายหนุ่มสุดหัวใจ เขมินทร์ส่งผ้าเช็ดหน้าให้กับน้องสาว พร้อมกับตบบ่าบอบบางเบาๆ
เขมินทร์ปลอบน้องสาวจนหญิงสาวหยุดร้องไห้ เข้าใจดีว่า ของขวัญผูกพันกับภูตะวันมากแค่ไหน เพราะชายหนุ่มเคยช่วยชีวิตเธอไว้จากการหัดขี่ม้า และเกือบโดนม้าพยศที่สะบัดของขวัญลงมาเหยียบเอา ภูตะวันเข้าไปคว้าตัวเธอไว้ และโดนเจ้าม้านั่นทำร้าย เขาแขนหัก และได้แผลเป็นที่คางเป็นรอยบาดจากคมของตะปูที่อยู่บริเวณรั้วของสนามหัดขี่ม้า ซึ่งถ้าเขาช่วยของขวัญไว้ไม่ทันแล้วล่ะก็ ตอนนี้คงไม่มีของขวัญน้องสาวของเขาคนนี้แล้วแน่ๆ เพราะกีบเท้าของม้าตัวโต เกือบจะเหยียบเข้าที่ศีรษะของน้องสาวคนเดียวของเขาเสียแล้ว
ตั้งแต่นั้นมา ภูตะวัน ก็เป็นเหมือนแสงตะวันให้ความอบอุ่นสำหรับของขวัญ ความกล้าหาญของเขาสาดส่องเข้าไปในใจของสาวน้อยของขวัญ ที่นัยน์ตาคมงามซึ้ง มองเขาด้วยความรักและภักดีเกินฐานะพี่ชาย หัวใจของเธอมอบไว้ให้กับเขา นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
ความนัยนี้ ไม่มีใครได้รับรู้ แม้กระทั่งเขมินทร์ ที่เข้าใจว่า ของขวัญรักและเคารพภูตะวันเหมือนๆ กับที่เขารัก ไม่ได้ระแวงสักนิดว่าหัวใจของน้องสาว ตอนนี้มันมอบไว้ให้กับใคร และถ้าเขาทราบ เขาคงจะไม่พาของขวัญน้องสาวสุดที่รัก มาพบกับภูตะวันคนใหม่นี้เป็นแน่!
……………………………………………………………………………………………………………………..
“พี่ภูขายที่นี่ให้กับเรา”
เขมินทร์บอกเล่าให้กับน้องสาวฟัง ทำให้ของขวัญที่เดินอยู่ข้างพี่ชายถึงกับย่นหัวคิ้ว เขากำลังพาเธอเดินลัดเลาะไปยังฟาร์มม้าภูตะวัน
“อะไรนะคะ พี่เขม พี่เขมหมายถึงเราสองคนเหรอคะ”
“จ้ะ”
เขมินทร์พยักหน้า เขามองไปรอบๆ รีสอร์ตที่เคยสวยงามก่อนจะถอนใจ กับสภาพของมันปัจจุบัน ที่ดูแทบไม่ได้ คงจะต้องปรับปรุงเกือบปีกระมัง ถึงจะเปิดให้บริการได้เหมือนเดิม เคราะห์ดีที่ภูตะวันเจ้าของเดิม ยังมีแก่ใจช่วยเขาบ้าง เขาเองนึกดีใจที่ชายหนุ่มยอมช่วย ถ้าไม่อย่างนั้น ก็คงเหนื่อยเหมือนกัน และอีกอย่างหนึ่ง ภูตะวันจะได้ออกมาจากบ้านของตัวเองเสียบ้าง เผื่อจะได้ลบทิ้งผู้หญิงร้ายๆ คนนั้นออกไปจากใจได้เสียที
“พี่เขมจะซื้อรีสอร์ตภูม่านดาว”
ของขวัญอุทานอย่างแปลกใจ เขมินทร์ไม่เคยกระโตกกระตากเรื่องนี้ให้เธอได้รู้เลยสักนิด เธอรู้เรื่องที่พี่ชายชอบที่นี่มาก แต่คิดไม่ถึงว่าเขมินทร์จะอยากได้มันไว้
“พี่รักที่นี่มาก เหมือนๆ กับที่พ่อและแม่ของพวกเรารัก”
ชายหนุ่มมีสีหน้าเศร้าสร้อยเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงบิดามารดา ของขวัญนั้นเกิดมาทีหลังเขาเกือบสิบปี บางเรื่องน้องน้อยก็ไม่ทราบ ว่าเขมินทร์ประทับใจภูม่านดาวมากขนาดไหน
“ท่านพบรักกันที่นี่ และแต่งงานกันที่นี่น่ะจ้ะ ขวัญ ทุกปีวันครบรอบ พวกท่านต้องมาพักและทานอาหารที่ภูม่านดาว เพื่อระลึกถึงความรัก ที่ทำให้พวกท่านตัดสินใจร่วมชีวิตกัน จนมีพวกเราสองคนเป็นพยานรัก พี่เองก็ชอบที่นี่มาก หลายๆ สิ่งของพี่เริ่มต้นที่นี่ ความฝันของพี่คืออยากมีรีสอร์ตที่ทำให้คนประทับใจ เหมือนกับภูม่านดาวของครอบครัวพี่ภู พี่ได้เจอพี่ชายที่แสนดีอย่างพี่ภู และกลายมาเป็นเหมือนเพื่อนรัก เพื่อนตายกัน พ่อแม่ของเราถึงเลือกสร้างบ้านอยู่ใกล้ๆ กับภูม่านดาวไงล่ะจ้ะขวัญ เพราะสิ่งประทับใจที่ทำให้พวกท่านได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวที่มีความสุข อยู่ที่นี่ พี่เองก็วิ่งเล่นกับพี่ภู จนที่นี่แทบจะกลายเป็นบ้านอีกหลังหนึ่ง ขวัญเองก็เหมือนกัน ตอนเด็ก ๆ พวกเราชอบมาเที่ยวเล่นที่นี่กัน พี่น่ะเป็นคนเลี้ยงขวัญเองตอนขวัญยังเล็กๆ อยากจะเล่นกับน้องก็อยาก อยากจะมาหาพี่ภูก็อยาก แอบอุ้มขวัญหนีมาเที่ยวประจำ หึๆ นึกถึงทีไรก็เป็นความทรงจำที่ดี”
เขมินทร์ถอนใจ เมื่อมองไปยังภูม่านดาวที่แทบจะไม่เหลือสภาพเดิมแบบที่เขาจำได้ เหมือนกับพี่ชายของเขาที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขายังคิดว่าถ้าของขวัญเจอเข้ากับภูตะวันตอนนี้ จะจำชายหนุ่มได้ไหมหนอ...
“เมื่อพี่เห็นว่าภูม่านดาว กลายเป็นที่รกร้าง ไร้ชีวิต พี่ทนไม่ได้ และเพื่อเป็นการสานความฝันของตัวเอง บนที่ที่พี่ประทับใจอย่างภูม่านดาว พี่เลยของซื้อมันต่อจากพี่ภู ด้วยเงินของพ่อและแม่ที่ทิ้งไว้ให้กับพี่ ดีใจแทบตายที่พี่ภูเอ่ยปากขาย รวมถึงฟาร์มม้าด้วย พี่ตั้งใจจะพัฒนามันให้สวยเหมือนเดิม เหมือนกับที่เราเคยรักและประทับใจ”
“พี่เขมจะทำไหวเหรอคะ”
ของขวัญมองไปรอบๆ บ้าง รู้สึกหมองหม่นเมื่อเห็นภูม่านดาวเป็นแบบนี้ เธอจับมือพี่ชายมาบีบเบาๆ อย่างห่วงใย บิดามารดาของเธอมีกิจการคือบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ที่ตอนแรกเขมินทร์รับต่อเมื่อท่านเสีย อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะไม่ใช่งานที่เขารัก ส่วนเธอเองก็มาทำอาชีพที่ตนเองใฝ่ฝันไว้ เธอมองการทำรีสอร์ตภูม่านดาวให้สวยงามดังเดิมนั้น เป็นงานหนักสำหรับพี่ชาย และไหนจะเงินทุนอีกเล่า ที่นี่ไม่น่าจะราคาถูกนักหรอก เพราะพื้นที่อันกว้างขวาง ใหญ่โตของภูม่านดาว ต้องทำนุบำรุงกันใหม่หมด จากสภาพที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้
“พี่ต้องทำไหว เพราะพี่ทุ่มเททุกอย่างให้กับที่นี่” เขมินทร์บีบมือตอบน้องสาว พลางมองไปรอบๆ อย่างมุ่งมั่น
“พี่ขายกิจการของเราไปแล้ว และเอาเงินที่ได้มา มาทำให้ภูม่านดาวฟื้นคืนอีกครั้ง พี่ตั้งใจมากจริงๆ นะขวัญ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกขวัญ และตัดสินใจอย่างพละการ ทั้งที่เป็นของครอบครัว แต่พี่ก็มาตัดสินใจขายมันเพื่อสร้างความฝันของตัวเอง พี่ขอโทษที่เห็นแก่ตัว”
“ขวัญเองก็รักที่นี่ค่ะ”
ของขวัญยิ้มให้กับพี่ชายด้วยรอยยิ้มที่สดใส เขาเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอตอนนี้ และเธอก็เชื่อมั่นว่าคนอย่างเขมินทร์ต้องทำได้ดี เงินทองที่เขาลงทุนจะไม่มีวันสูญเปล่า หญิงสาวคล้องแขนกับพี่ชายแล้วเอาหน้าหวานๆ นั้นแนบกับต้นแขนของเขาอย่างประจบ ทำให้เขมินทร์แอบกลืนน้ำลาย น้องสาวแสนดีกับเขาแบบนี้ จะโกรธไหมนะ ถ้าเขาตัดสินใจทำไปอีกอย่าง ที่เธอยังไม่ทราบ เขมินทร์กระแอมเบาๆ เมื่อพูดแล้วก็ต้องบอกให้หมด