บทที่ 3
สองปีต่อมา ณ สถานีรับส่งผู้โดยสาร จังหวัดนครราชสีมา
“ยัยขวัญ ทางนี้”
เสียงห้าวทุ้มเรียกดังลั่น ทำให้เจ้าของร่างเล็กบางที่กำลังหันรีหันขวางอยู่ มองมาทางต้นเสียง สายตากลมหวานปะทะเข้ากับชายร่างสูง บุคลิกดูดี เขาแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก็อต กางเกงยีนสีเข้ม มีหมวกแบบคาวบอยสวมไว้ เปิดอวดใบหน้าหล่อเหลา เครื่องหน้าของเขาชวนมอง คิ้วเข้มได้รูป นัยน์ตาคมฉายแววอบอุ่น จมูกโด่งตอนนี้มีปลาสเตอร์แปะทับไว้ จึงเห็นเด่นแม้จะมองไกลๆ แบบนี้
“พี่เขม!”
เขมินทร์ อ้าแขนกว้างเมื่อร่างบางโถมเข้าหาอย่างแสนคิดถึง ก่อนจะโอบรอบร่างน้อยนั่นไว้ แล้วจุมพิตเรือนผมยาวสลวยของน้องสาวเบาๆ พลางย่นจมูกและบ่นพึมพำเมื่อกอดร่างบางนั้นไว้เต็มตัวว่า
“ผอมจังเลยน้องพี่ ทำงานหนักเกินตัวอีกล่ะสิ บอกให้ลาออกมาอยู่ด้วยกัน”
คนพูดแอบหรี่ตาเมื่อพูดประโยคนี้ออกไป เขามองไล่ไปยังใบหน้าเรียวรูปไข่ นัยน์ตาสวยซึ้ง จมูกโด่งเล็ก ริมฝีปากอิ่มเรื่อของผู้เป็นน้องสาว ล้อมกรอบด้วยผมดำมัน ยาวถึงสะโพก ของขวัญเป็นหญิงสาวหน้าตาหวานน่ารัก คล้ายตุ๊กตาที่น่ารักน่ากอด ปีนี้เธออายุ 25 ปีเต็มแล้ว หากแต่ยังตัวเล็กเพียงแค่บ่าเขา เขมินทร์สูงถึง 178 เซนติเมตร และรูปร่างสูงใหญ่ มรดกนี้เขาได้มาจากกรรมพันธุ์ของครอบครัว ต่างจากน้องน้อยที่สูงเพียง 155 เซนติเมตร และรูปร่างเล็กเหมือนกับเจ้าตัวเป็นเด็กสาวแรกรุ่น แทนที่จะเป็นหญิงสาวเต็มตัว อาจจะเพราะมารดาของเขามีของขวัญเมื่ออายุมากแล้ว น้องสาวของเขาคลอดก่อนกำหนด จึงตัวเล็กบอบบางนัก ตอนนี้ เขาจัดการบางอย่างเพื่อให้คนในอ้อมกอดได้มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน หากแต่เจ้าตัวยังไม่ทราบเรื่อง ซึ่งถ้าแม่น้องสาวของเขารู้แล้วล่ะก็ คงจะต้องงอนพี่ชายอย่างแน่นอน
“ก็ลาพักร้อนมาแล้วนี่คะ พี่เขม”
ของขวัญย่นจมูกใส่พี่ชาย ที่ทำหน้างอๆ ใส่เธอ หญิงสาวทำงานเป็นนางพยาบาลอยู่ต่างจังหวัด เพราะทำงานในโรงพยาบาลของรัฐบาล จึงต้องย้ายตามคำสั่ง ของขวัญรักอาชีพของเธอมาก แม้พี่ชายจะเพียรตื้อให้เธอลาออก แต่เธอก็ไม่เคยยอมทำตามใจเขาเสียที
สองพี่น้องเดินจูงมือกันและคุยกันอย่างแสนคิดถึง เพราะของขวัญไม่ได้กลับมายังบ้านของเธอมานานมาก ตั้งแต่บรรจุเข้ารับราชการมาหนึ่งปีเต็ม เขมินทร์เฝ้าขอให้เธอลามาเยี่ยมเขาบ้าง เพราะคิดถึงน้องสาวที่เปรียบเสมือนกับครอบครัวเพียงคนเดียวของเขา ชายหนุ่มอายุห่างจากของขวัญที่เป็นน้องสาวถึงสิบปีเต็ม ระยะห่างของวัยยิ่งทำให้ เขมินทร์รู้สึกราวกับน้องสาวของเขาบางทีเป็นมากกว่าพี่น้อง เพราะชายหนุ่มเฝ้าดูแลน้องรักมาตั้งแต่แรกลืมตา เธอเป็นเหมือนของขวัญที่พระเจ้าประทานให้กับบ้าน แสงบรรณ หลังจากที่รอคอยบุตรสาวมาเนิ่นนานถึงสิบปี เขมินทร์รักและหวงน้องสาวของเขามาก ยิ่งเมื่อบิดามารดาเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน ด้วยอุบัติเหตุ ก็ยิ่งทำให้เขมินทร์ เป็นห่วงและยึดถือว่าน้องสาวเป็นเหมือนดวงใจของเขาอีกดวงหนึ่งเลยทีเดียว เพราะพวกเขาเหลือกันเพียงสองคนพี่น้องเท่านั้นเอง
อันที่จริงแล้ว เขมินทร์ไม่อยากให้น้องสาวไปไกลจากครอบครัวเลย แต่ก็คัดค้านไม่ได้นักในตอนแรก เพราะบิดามารดาของเขาตามใจของขวัญ อยากให้ลูกสาวได้ทำอาชีพที่ใฝ่ฝัน แต่เมื่อท่านทั้งสองเสียชีวิตไปแล้ว เขมินทร์จึงเห็นเป็นโอกาส ที่จะได้บังคับให้น้องรักมาอยู่ใกล้ๆ และทำงานแบบสบายๆ เสียที
“พี่เขมไปทำอะไรมาคะ ถึงเป็นแผลแบบนั้น”
ของขวัญมองบริเวณจมูกโด่งของพี่ชาย แล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ขณะที่เขมินทร์กำลังขับรถพาเธอกลับไปยังบ้านของพวกเขา ชายหนุ่มกำลังมีโครงการใหญ่ ที่ยังไม่ได้บอกกับน้องสาวคนเดียว และตั้งใจจะให้มันเป็นของขวัญชิ้นใหญ่สำหรับครอบครัว อนาคตของที่สดใสของเขมินทร์และน้องสาว
“อ๋อ...ม้ามันพยศน่ะ”
ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ ทำเอาของขวัญหรี่ตา พลางมองพี่ชายของเธออย่างสงสัย ดูเหมือนว่าเขมินทร์มีลับลมคมในพิกล และอีกอย่างหนึ่ง บ้านของพวกเธอไม่เคยมีม้า แล้วพี่ชายเธอไปมีอุบัติเหตุกับม้าที่ไหนกันนะ
หรือว่า...ของขวัญแอบหน้าแดงเรื่อ เมื่อนึกถึงใครบางคน ที่อยู่ใกล้กับบ้านของพวกเธอ เจ้าของรีสอร์ตภูม่านดาวที่สวยงาม และฟาร์มม้าภูตะวัน ชายหนุ่มใบหน้าคมเข้ม ผิวสีแทน แม้ใบหน้านั้นจะดูดุดันยามเจ้าตัวไม่ยิ้ม หากแต่เมื่อเขายิ้มแล้ว โลกก็ดูสดใสขึ้นทันที เพื่อนสนิทของพี่ชาย พี่ภู...ที่แสนจะใจดีของเธอ หัวใจของเธอเผลอเต้นแรงชั่วครู่ ก่อนจะแผ่วช้าลง หลุบนัยน์ตางามซ่อนประกายตาบางอย่างลงไว้เสีย เธอไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนที่นั่นนานมากแล้ว ตั้งแต่ครั้งสุดท้าย...ที่เธอมาร่วมงานแต่งงานของภูตะวันและทิพย์นารี ผู้หญิงที่งดงามและเย้ายวน ดูแล้วสวยสมเหมาะกับภูตะวันยิ่งนัก
“ม้าของฟาร์มภูตะวันเหรอคะ พี่เขม”
“มันอาจจะเป็นม้าของฟาร์มของขวัญจ้ะ ถ้าพี่ภูยอมขายให้”
เขมินทร์ยักคิ้วให้กับน้องสาว ที่มองหน้าเขาอย่างงงๆ เขมินทร์หัวเราะเบาๆ พลางขับรถโฟว์วิวคันโปรดของเขาเลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง ที่ไม่ใช่ทางเข้าบ้านของพวกเขา หากแต่เป็นทางไปยังรีสอร์ตภูม่านดาว ที่ตอนนี้ดูรกร้างไปด้วยหญ้าขึ้นสูงจนขึ้นมาแซม ต้นไม้ประดับไม่ได้รับการตัดแต่ง บริเวณถนนเข้าไปยังรีสอร์ตไร้ซึ่งรถรา ต่างจากปรกติเมื่อหลายปีก่อนที่เธอเคยเห็น ที่มักจะมีรถเข้าออกไม่ขาด ยิ่งในฤดูหนาวคือฤดูท่องเที่ยวของที่นี่ เพราะอากาศเย็น และอยู่ในหุบเขาสวยเขียวชะอุ่ม ภูม่านดาวงดงามไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ และสนามขี่ม้ากว้างขวาง กิจกรรมกลางแจ้งที่สนุกสนาน รวมถึงโรงเรียนสอนขี่ม้าของฟาร์มม้าภูตะวัน ที่มีลูกศิษย์อยู่พอสมควร ไม่น่าจะดูรกร้างไร้ผู้คนแม้แต่คนเดียวแบบนี้ ของขวัญมองทุกอย่างด้วยความฉงน แปลกใจกับความเปลี่ยนแปลงของที่นี่นัก จนต้องหลุดปากถามพี่ชายออกมา
“เกิดอะไรขึ้นกับภูม่านดาวของพี่ภูคะ พี่เขม”
“เฮ้อ...”
เขมินทร์ถอนใจ เมื่อนึกถึงเพื่อนสนิทรุ่นพี่ของเขา สองปีที่ผ่านมามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทั้งรีสอร์ตภูม่านดาว และอดีตเจ้าของภูม่านดาว อย่างภูตะวันด้วย เมื่อเห็นอาการของเขาแล้ว เธอก็ยิ่งสงสัยและแอบนึกเป็นห่วง บุรุษหนุ่มที่เป็นเพื่อนสนิทกับพี่ชายยิ่งนัก
“เอ่อ...พี่ภู”
เธอกลืนน้ำลาย หยุดพูดเสียกะทันหัน ใจคิดเป็นเรื่องร้ายแรง เพียงแค่นี้น้ำตาก็แทบจะหยาดรินออกมา หัวใจเธอเต้นแรงจนเจ็บ เมื่อคิดแบบนั้น ขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นแก่ภูตะวันเลย...
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่ภูหรือเปล่าคะ รีสอร์ตภูม่านดาวถึง...” ผู้เป็นพี่ชายพยักหน้า แล้วเอ่ยเสียงทุ้ม
“มีอะไรร้ายๆ เกิดกับพี่ภูของพวกเรา”
เขมินทร์มีใบหน้าเคร่งเครียด เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ความเปลี่ยนแปลงนั้น ทำให้เขานึกใจหาย อยากย้อนคืนวันเวลากลับไปเมื่อห้าปีก่อน ถ้าเป็นไปได้ เขาไม่อยากให้ผู้หญิงที่ชื่อทิพย์นารี เข้ามาในชีวิตของภูตะวันเลยจริงๆ ชายหนุ่มผู้เคยเป็นเหมือนตะวันอันแสนอบอุ่น สาดแสงสดใส กลับกลายเป็นเหมือนตะวันที่ถูกม่านหมอกแห่งความเสียใจและโศกเศร้าเข้าครอบงำ จนกลับกลายเป็นคนละคน…
“เรื่องอะไรกันคะพี่เขม”
ของขวัญรีบถามอย่างร้อนรน เออหนอ...เพียงได้ยินแค่นี้ ใบหน้าหวานใสก็ซีดเผือด หัวใจเธอราวกับกบีบ เขา...ภูตะวัน ผู้ที่สำหรับ ของขวัญแล้ว ชายหนุ่มเป็นมากกว่าพี่ชาย เพราะเขาเป็นเหมือนกับผู้ช่วยชีวิตของเธอให้พ้นจากเหตุการณ์อันตายที่เกือบคร่าชีวิตของเธอไว้ ของขวัญเทิดทูนเขา และชื่นชม ภูตะวันมาตลอด เธอแอบมีเขาอยู่ในหัวใจมาตลอดเวลา
ความนัยอันล้ำลึกที่หัวใจเธอแอบมีให้เขานั้น ของขวัญได้แต่เก็บกลั้นมันเอาไว้ตลอดเวลา เธอไม่อาจจะเปิดหัวใจที่เผลอไผลไปมอบให้กับเขา แก่ใครได้อีก แม้จะรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ของขวัญก็ยังเพียรแต่เฝ้ารักเขา แม้จะเจ็บปวดมาตลอดก็ตามที เธอไม่เคยไปเยือนรีสอร์ตภูม่านดาว และไม่ได้พบเจอหน้าเขามาเกือบสี่ปีแล้ว หากแต่เขาก็ยังประทับอยู่ในใจของเธอเสมอ...