บทที่ 5
“พี่มีอีกเรื่องจะบอกขวัญ แต่พี่ขอสัญญาจากน้องสาวก่อน ว่าจะไม่โกรธพี่”
น้ำเสียงของเขมินทร์ทำให้ของขวัญเงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย ตอนนี้เธอและเขาเดินมาเกือบถึงบริเวณท้ายรีสอร์ตแล้ว ยิ่งเดินเข้ามาก็ยิ่งรกนัก ด้วยหญ้าสูง มองเห็นคอกม้าอยู่ไกลพอสมควร เขมินทร์อยากคุยกับเธอให้เรียบร้อยก่อนที่จะเจอกับภูตะวัน
“เรื่องอะไรคะ?”
“ขวัญรักที่นี่จริงๆ ใช่ไหมจ้ะ”
เขมินทร์พูดเสียงอ่อนโยน ผู้เป็นน้องสาวพยักหน้ารับ แม้ว่าจะสงสัยว่าทำไมเขาต้องถามด้วยเรื่องที่เธอชอบหรือไม่ชอบภูม่านดาว เธอรักที่นี่ และรวมถึง...คิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้านวลก็เริ่มแดงซ่าน ก่อนจะก้มซบกับแขนพี่ชายเหมือนเคย แม้จะเสียใจที่ภูตะวันต้องพบกับความเศร้าโศกในเรื่องความรัก แต่หัวใจอีกด้าน มันกลับพองโตอย่างบอกไม่ถูก จนเธอต้องนึกโกรธตัวเอง ว่าทำไมต้องรู้สึกเหมือนมีความหวังเลือนราง หลังจากทราบว่าทิพย์นารีเลิกรากับภูตะวันแล้ว
“ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น พี่อยากให้ขวัญมาช่วยพี่ ปรับปรุงพัฒนาภูม่านดาวด้วยกัน เราสองคนพี่น้องช่วยกัน รวมถึงพี่ภูด้วย มันคงจะกลับมาสวยได้ในเร็ววันแน่ๆ จ้ะ”
“เอ๊ะ” ของขวัญย่นคิ้ว เธออยากจะช่วยพี่ชาย หากแต่งานของเธอเล่า จะทิ้งได้อย่างไร นั่นก็ความฝันของเธอเหมือนกัน หญิงสาวกัดริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะพึมพำอ้อมแอ้มว่า
“ขวัญขอคิดก่อนได้ไหมคะพี่เขม เอ่อ...งานของขวัญ”
“พี่ลาออกให้แล้ว...”
เขมินทร์เอ่ยเสียงเบา เหมือนรู้สึกผิด ขณะที่ของขวัญทำตาโตพลางอ้าปากค้าง แล้วอุทานอย่างตกใจว่า
“พี่เขม!”
“พี่ขอโทษนะขวัญ แต่อย่าโกรธพี่เลย พี่เป็นห่วงขวัญไปอยู่ไกลหูไกลตาแบบนั้น ทำงานหนักแบบนั้น พี่อยากให้เราสองคนพี่น้องอยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกัน นะจ้ะ”
“...”
ของขวัญเม้มริมฝีปากแน่น พลางเงียบไม่โต้ตอบเขา มือที่เกาะแขนพี่ชายอยู่คลายออกทันที ก่อนจะหันหน้าหนี เขมินทร์ถอนใจเฮือก นึกแล้วว่าน้องสาวต้องโกรธเขามาก เขามองใบหน้าหวานละมุนที่กำลังบูดบึ้งของน้องสาว ก่อนจะแอบคิดหนักใจ ว่าเขาจะง้ออย่างไรดีนะ มือใหญ่จับมือนิ่มของน้องรักให้เดินตามกันไป ตอนแรกของขวัญสะบัดออก แต่พี่ชายก็เอาไปเกาะกุมไว้อีกรอบ เธอจึงยอมปล่อยมือไว้ในมือใหญ่ที่คุ้นเคย แล้วเมินไม่มองหน้าเขาเลยสักนิด ไม่พูดกับเขาสักคำ ทำให้เขมินทร์กลุ้มใจมาก หากแต่ดีอยู่นิดตรงที่เธอยอมเดินตามเขามาแต่โดยดี ไม่ได้เดินหนีไปไหน สงสัยจะโกรธเขามาก นัยน์ตาคมของเขาหรี่ลง คงจะต้องหาเรื่องให้ของขวัญหายโกรธเขาชั่วคราว และอารมณ์ดีขึ้นบ้าง
เขาพาของขวัญเดินมาหยุดตรงคอกม้าขนาดใหญ่ เป็นโรงเรือนที่สร้างไว้เป็นอย่างดี แต่ตอนนี้บางส่วนปิดทึบ มันเคยมีม้าอยู่หลายตัว ตอนนี้มีเหลือให้เห็นเพียงแค่สามตัวเท่านั้น มันส่งเสียงหายใจฟืดฟาด เหมือนจะทักทายแขกแปลกหน้า ทุกตัวดูสุขภาพดีและได้รับการดูแล เป็นสิ่งเดียวแล้วกระมังที่ดูมีชีวิตชีวาที่สุดในภูม่านดาว เขมินทร์กวาดตามอง ไปรอบๆ เพื่อมองหาใครบางคน ที่ผู้เป็นน้องสาวเจอแล้วอาจจะอารมณ์ดีขึ้นได้บ้าง
ของขวัญมองไปทั่วบริเวณก่อนจะถอนใจ ที่นี่เคยมีความทรงจำดีๆ สำหรับเธอ เธอมองไปยังสนามหัดขี่ม้าที่ รกเรื้อไปด้วยวัชพืชนานา รั้วที่กั้นไว้หักพัง เออหนอ...อะไรเกิดขึ้นกับที่นี่กันนะ แม้แต่สถานที่ก็ดูช่างรกร้างและเศร้าเสียเหลือเกิน...
เสียงเดินก้าวสวบๆ ของใครบางคนทำลายความเงียบสงัดขึ้น พร้อมกับร่างสูงที่เดินค่อนข้างเซเล็กน้อยออกมาจากทางด้านหลังคอกม้า ทำให้สองพี่น้องหันไปมองพร้อมกัน เขมินทร์อุทานอย่างดีใจที่เห็นเขา ส่วนอีกคนมองเขาอย่างตกตะลึงในความเปลี่ยนแปลง ที่เธอไม่คาดว่าจะได้เห็น!
“พี่ภู ไปไหนมาเหรอครับ? ผมนึกว่าพี่กลับบ้านไปเสียแล้ว ใจหายหมด”
“ไม่ได้กลับ แค่ไปดูเจ้าสายฝนที่หลังคอก”
เสียงห้าวๆ ตอบแบบห้วนๆ เหมือนไม่เต็มใจอยากจะพูดจากับใครนัก เขาหนีบขวดเล็กสีเงินเล็กๆ ไว้ที่แขน และยกมันขึ้นเปิดฝาพลางจิบมันลงไป ก่อนจะเอามันใส่ไว้ในกระเป๋าหลังของกางเกงยีนตามเดิม
“เอ่อ...”
เขมินทร์ปล่อยมือจากของขวัญ ที่ยังมองคนตรงหน้าแบบอึ้งๆ เธอมองเขาเหมือนไม่อยากจะเชื่อสายตา ว่านี่คือคนๆ เดียวกับภูตะวัน ชายหนุ่มที่เธอเฝ้ามีใจให้มาตลอดเกือบสิบปีเต็ม
ใบหน้าคมสันรกครึ้มไปด้วยหนวดเครา ที่เจ้าตัวไม่ได้สนใจจะโกน ผมหยักศกปล่อยยาวและรวบไว้ง่ายๆ ผิวของเขายังคงเป็นสีแทนและดูเหมือนว่าจะยิ่งเข้มกว่าเดิม นัยน์ตาคมที่เคยเปล่งประกายสดใส ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นนิ่งสงบ จนแทบเดาอารมณ์ไม่ได้ ริมฝีปากหยักที่เคยยิ้มแย้มก็เปลี่ยนไป เป็นเม้มนิ่ง เขาดูผอมลงมาก ในชุดเสื้อยืดสีดำ และกางเกงยีนสีเข้มแบบนี้
นัยน์ตาคมกริบปรายตามองดูเธอนิดหนึ่ง แล้วเมินไปมองหน้าเขมินทร์ ที่เดินไปหาเขา ไม่มีคำทักทายสักคำจากริมฝีปากได้รูปนั่น
“พี่ภูเมื่อกี้นี้ ดื่มอีกแล้วเหรอครับ”
เขมินทร์ถาม พยายามให้น้ำเสียงนุ่มนวล ภูตะวันคนนี้ระเบิดอารมณ์ได้ตลอดเวลาถ้าไม่พอใจ การที่ชายหนุ่มยอมออกมาจากบ้าน เพื่อมาช่วยเขาเรื่องภูม่านดาว ก็นับว่าเขมินทร์ประสบความสำเร็จแล้วอย่างยิ่งยวด ในการที่จะทำให้ภูตะวันยอมพูดคุยกับคนอื่นบ้าง นอกจากคนในครอบครัว ซึ่งตอนนี้มีเพียงเตชิลา เด็กหญิงภูชิรญา และป้าสายทองเท่านั้น
“อืม”
ชายหนุ่มตอบเพียงสั้นๆ แล้วเลิกคิ้ว พลางมองหน้าเขมินทร์ เหมือนจะเป็นคำถามว่า ถ้าเขาจะทำแล้ว เขมินทร์จะห้ามอะไรหรือเปล่า
“เจ้าสายฝนเป็นยังไงบ้าง เห็นว่าขาของมันกำลังเข้าเฝือก”
หนุ่มรุ่นน้องเหมือนจะรู้ว่า เขาเคี่ยวเข็ญอะไรไป อาจจะถูกภูตะวันโกรธเอาได้ หรือไม่ก็อาจจะได้เห็นภูตะวันดื่มเหล้าขวดใหญ่กว่าเดิม เพราะทำประชด เฮ้อ...เขาแอบคิดในใจอย่างกลุ้มๆ คนที่ราวกับเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเขาตอนนี้เปรียบแล้วเหมือนกับม้าพยศ ที่ยังหาคนปราบไม่ได้
“ไม่เป็นไรมาก ถ้าตายก็เอาไปฝัง เท่านั้นเอง”
ภูตะวันตอบเสียงราบเรียบ หากแต่ฟังแล้วชวนสะดุ้งนัก ทั้งที่เขาเป็นคนที่รักม้ามากๆ ถ้าม้าของฟาร์มภูตะวันเป็นอะไรไป ชายหนุ่มแทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ และเป็นห่วงอาการของพวกมันจนมานอนเฝ้าถึงในคอก ดูแลเองแบบไม่ยอมให้คนงานทำ แต่ตอนนี้ ใบหน้าเย็นชา กลับเรียบเฉยเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ของขวัญมองสองหนุ่มสนทนากัน อย่างเงียบๆ ราวกับว่าเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้น เธอยังคงมองภูตะวันคนใหม่อย่างงุนงง ในความเปลี่ยนแปลงราวกับหน้ามือเป็นหลังมือของเขา ท่าทีเย็นชา ใบหน้าสงบเฉย เหมือนไม่แยแสโลก เขามองเธอแค่ครั้งเดียว และผ่านเลย ราวกับว่าของขวัญเป็นเหมือนอากาศธาตุ ภูตะวันคนนี้ไม่เหมือนพระอาทิตย์ที่แสนจะอบอุ่นอีกแล้ว เขากลายเป็นเหมือนพระจันทร์ในคืนเดือนมืดแห่งรัตติกาลของฤดูหนาวอันเงียบเย็น
“พี่ภูครับ”
เขมินทร์ยังคงชวนภูตะวันคุย มองไปทางน้องสาวที่ยืนเงียบอยู่ ของขวัญคงจะไม่กล้าทักทายภูตะวัน หรือไม่ก็คงจะตกใจกับภาพลักษณ์ใหม่นี้ เป็นใครก็คงไม่กล้า ก็ภูตะวัน ดูราวกับว่าไม่เคยรู้จัก หรือสนใจใครเอาเสียเลย เวลาอยู่กับภูตะวันเขมินทร์ต้องชวนชายหนุ่มคุยไปเรื่อยๆ แม้ว่าเขาจะตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่ก็ยังดี เขาไม่อยากเห็นภูตะวันกลายเป็นเหมือนคนที่หมกอยู่กับตัวเองตลอดเวลา การโต้ตอบกับเขาบ้าง
“พี่จำยัยขวัญได้ไหมครับ”
ชายหนุ่มดึงมือน้องสาวที่ยังยืนนิ่งอยู่มาข้างๆ ก่อนจะยิ้มกว้างให้กับภูตะวัน ที่มองของขวัญนิดหนึ่ง พลางพยักหน้า ไม่มีคำตอบจากริมฝีปากได้รูปสักคำ ทำเอาหญิงสาวถึงกับน้อยใจจนน้ำตาเกือบคลอ หากแต่เธอก็กลั้นมันไว้ และยกมือไหว้ชายหนุ่ม พลางเอ่ยทักเสียงใสโดยพยายามไม่ให้สั่นเครือ
“สวัสดีค่ะ พี่ภู”
“ไปทำงานกันต่อเถอะ นายคงต้องสำรวจรอบๆ ก่อนจะทำค่าใช้จ่าย”
ภูตะวันไม่ตอบเธอ เขาเพียงพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย แล้วหันมาเอ่ยชวนเขมินทร์ ที่มองน้องสาวอย่างเห็นใจ เมื่อเห็นใบหน้าหวานล้ำที่แดงเรื่อและก้มลงต่ำ ของขวัญคงจะน้อยใจที่ได้รับการต้อนรับแบบนี้จากคนที่เคยสนิทสนมกันมากมายอย่างภูตะวัน
“เดี๋ยวผมจะขอไปส่งขวัญกลับบ้านก่อน ขวัญพึ่งมาถึง คงจะอยากพัก พอดีผมตั้งใจจะพาขวัญมาที่ภูม่านดาว เอ่อ...ขวัญไม่ได้เจอกับพี่ภูนานแล้วน่ะครับ น้องเลยอยากมาเยี่ยมพี่ชาย”
“อืม...ขอบใจ” ภูตะวันตอบแค่นั้น แล้วมองไปทางอื่น ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เดี๋ยวยังไงพี่จะรอแถวๆ นี้ ตามสบายก็แล้วกัน”
“ครับ ไปกันเถอะขวัญ”
เขมินทร์จูงมือน้องสาวออกมาเสียจากภูตะวัน เขามองใบหน้าเนียนหวานอย่างเห็นใจ เจ้าตัวคงจะน้อยใจภูตะวันมาก ที่ทำกับเธอราวกับคนไม่รู้จัก เมื่อเดินมาได้สักครู่ เขาก็เอ่ยขึ้นลอยๆ ว่า
“อย่าไปโกรธพี่ภูนะขวัญ ถ้าจะโทษสิ่งที่ทำให้พี่ภูของพวกเราเป็นแบบนี้ นั่นก็คือการทรยศหักหลังจากผู้หญิงเลวๆ อย่างทิพย์นารี คนที่เปลี่ยนให้พี่ชายของพวกเรากลายเป็นคนแบบนี้”