ตอนที่ : 04 ขอร้อง
ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง
"เอาบุหรี่ซองนึงครับ"
"ค่ะ รอสักครู่นะคะ"
ภัทรยืนนิ่งเพราะจำน้ำเสียงนี้ได้ เป็นน้ำเสียงที่ภัทรไม่เคยลืมเลย และไม่เคยลบออกไปจากหัวสมองได้เลย
ภัทรรีบเดินตามชายคนนั้นออกไปเมื่อเขาเดินออกจากร้านสะดวกซื้อไป
"เดี๋ยวก่อนครับคุณ!"
"...." ชายหนุ่มค่อยๆ หันหลังกลับมา แต่เขาไม่ได้มีทีท่าตกใจอะไรเมื่อได้เห็นหน้าของภัทร "มีอะไร"
ภูวินถามขึ้นพร้อมกับแกะบุหรี่ที่เพิ่งจะซื้อมาขึ้นสูบอย่างใจเย็น
"จำผมได้หรือเปล่าครับ"
"แล้วมีอะไรล่ะ?"
"แน่ใจหรอครับว่าจะให้ผมพูดตรงนี้"
"เรื่องมาก!" ภูวินพูดสวนขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด ก่อนที่จะหันหลังกลับไปที่รถของตัวเอง แต่แล้วภัทรก็รีบวิ่งตามไปคว้าแขนของเขาเอาไว้
"ผมท้องครับ..." ภัทรพูดเสียงแผ่ว ทำให้ภูวินถึงกับหยุดชะงักไปเลย
"พูดใหม่อีกทีซิ?"
"ผมท้องครับ"
"กับใคร?"
"???"
"ฉันถามว่ากับใคร แล้วนายท้องจะมาบอกกับฉันทำไม เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย"
"ผมมีอะไรกับคุณแค่คนเดียว และคืนนั้น..."
"จะให้ฉันแน่ใจได้ยังไง นายอาจจะไปเอากับใครแล้วท้องมาก็ได้ ก็เลยมาโมเมให้ฉันรับผิดชอบ"
"ถ้าคุณไม่มั่นใจผมยอมให้คุณตรวจ DNA ได้เลย"
"แล้ว? นายต้องการอะไรจากฉัน?"
"...." ภัทรก้มหน้านิ่ง เพราะตอนนี้ก็ยังไม่สามารถหางานทำได้ "ช่วยรับผิดชอบ...ลูกหน่อยได้หรือเปล่าครับ"
"เหอะ! นายนี่มันหน้าด้านดีจริงๆ เลยนะ"
"...."
"อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น!"
"คุณครับ แต่เด็กคนนี้เป็นลูกของคุณจริงๆ นะครับ ผมแค่อยากจะขอร้องให้คุณช่วยรับผิดชอบ รับผิดชอบแค่เด็กครับ"
"รับผิดชอบแค่เด็ก? แต่พอเอาเข้าจริงๆ ฉันก็ต้องรับผิดชอบทั้งชีวิตของนายด้วยน่ะเหรอ เหอะ!"
"ผมไม่มีงานทำครับ"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย?"
"...."
"อ๋อ...อยากได้เงินนี่เอง"
"...."
ภัทรยืนนิ่งเพราะไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองโดนดูถูกได้มากขนาดนี้เลย และก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยด้วย แต่ภัทรไม่สามารถเลือกอะไรได้แล้วจริงๆ ต้องยอมให้เขาดูถูกไป
"ตามมานี่!"
"อะ โอ๊ย! ผมเจ็บครับ"
ภัทรถูกดึงตัวเข้าไปตรงที่เป็นจุดอับซึ่งคนไม่ค่อยสัญจรผ่าน คนตัวเล็กถูกผลักให้หลังกระทบกับผนังปูนอย่างแรง ก่อนที่อีกฝ่ายจะยกแขนขึ้นเท้าเหนือศีรษะพร้อมกับเท้าเอวมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าที่หงุดหงิด
"อยากให้ฉันทำยังไงรับผิดชอบเด็กที่ไม่รู้ว่าลูกของฉันจริงๆหรือเปล่างั้นหรอ?"
"ผมบอกแล้วไงครับว่าผมยอมให้ตรวจดีเอ็นเอ"
"อะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ กะอีแค่ผลตรวจแค่นั้นทำไมจะปลอมแปลงไม่ได้"
"เรื่องนี้ผมจะให้คุณเป็นคนทำเองครับ คุณจะได้มั่นใจว่าผมไม่หลอกคุณ"
"ฉันจะให้เงินนาย แล้วก็ไปเอาเด็กออกซะ!"
"ห๊ะ?! คุณว่าไงนะ"
"จะเก็บเอาไว้ทำไม ในเมื่อเก็บเอาไว้ก็เป็นปัญหามากขนาดนี้"
"ผมทำไม่ลงหรอกครับ อีกอย่างคุณหมอก็เตือนแล้วว่าอันตรายมาก"
"แล้วนายจะเก็บเด็กไว้เพื่อมาเรียกร้องกับฉันเนี่ยนะ?"
"...."
"นายนี่มันแผนสูงใช้ได้เหมือนกันนะ"
"ผมเปล่า..."
"ในเมื่อตัวของนายก็ยังไม่มีปัญญาจะเลี้ยงเด็กคนนึงเลย แล้วจะเก็บเอาไว้ทำไม สู้เอาตัวเองให้รอดก่อนไม่ดีกว่าหรอ หรือว่าจะเก็บเอาไว้เรียกร้อง?"
"ที่คุณพูดมามันก็มีเหตุผล ใช่ครับ ผมไม่มีปัญญาที่จะเลี้ยงเด็กคนนึงได้หรอก แต่ผมก็ไม่สามารถทำร้ายลูกของตัวเองได้หรอกครับ"
"เหอะ!"
"คุณหมอเคยบอกกับผมว่า ถ้าผมจะทำจริงๆ มันก็เสี่ยงอันตรายต่อชีวิตของผมด้วย ผมไม่อยาก.."
"พูดจบแล้วใช่ไหม ฉันไม่มีเวลามาไร้สาระอยู่กับนายหรอกนะ"
"ผมแค่อยากจะขอความกรุณาจากคุณ..."
"...." ภูวินหยุดชะงักเมื่อน้ำเสียงของภัทรดูกำลังสั่นเครือเหมือนกับคนที่กำลังจะร้องไห้ แต่เขาก็เดินต่อไปในทันที โดยที่ไม่ได้สนใจคนข้างหลังเลยสักนิด
"ฮึก..." ภัทรยืนสะอื้นอยู่เงียบๆ มองดูภูวินขับรถของเขาออกไป ก่อนหน้านั้นภัทรไม่ได้คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับเขาอีก และก็ไม่คิดด้วยว่าตัวเองจะหน้าด้านเดินเข้าไปบอกกับเขาและขอให้เขารับผิดชอบแบบนี้ เขาจะไม่เชื่อก็ไม่แปลกเพราะไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่จะมายืนยัน และคนอย่างเขาก็คงไม่อยากจะให้ใครมาเป็นตัวถ่วงในชีวิตหรอก
ภัทรจำใจต้องกลับไปห้องพักของตัวเอง พร้อมกับความรู้สึกเช่นเคย มันจมดิ่งอยู่กับเรื่องแบบนี้ จนภัทรไม่รู้แล้วว่าตัวเองจะก้าวออกจากความรู้สึกแบบนี้ได้ยังไง มันเหนื่อย บวกกับการถูกกดดันจากหลายๆ ทาง และการที่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้มันทำให้ภัทรยิ่งรู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวบนโลกนี้เลย
ตู๊ด~ ตู๊ด~ ตู๊ด~
( .... )
"ฮัลโหลพี่ภา"
( อย่าโทรมาอีกเลยนะภัทร พ่อสั่งห้ามติดต่อกับภัทรอีกสั่งห้ามทุกคน พี่ไม่อยากโดนไล่ออกจากบ้านเหมือนกัน ขอโทษด้วยนะดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ )
"พะ พี่ ภา.."
ตู๊ดๆๆๆ
ยังไม่ทันที่ภัทรจะได้พูดอะไรออกไปปลายสายก็รีบตัดทิ้งไปซะก่อน ยิ่งได้ยินแบบนี้มันยิ่งทำให้ภัทรยิ่งรู้สึกเจ็บ พี่สาวที่คิดว่าจะเป็นคนเดียวที่พอจะช่วยพูดอะไรให้รู้สึกดีขึ้นมาได้บ้างในตอนนี้ กลับกลายเป็นว่าไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
"เหนื่อยจัง...ทำไมโลกนี้ถึงใจร้ายนักนะ แค่ท้องมันผิดมากขนาดนั้นเลยหรอ ฮึก...คนเรามันเลือกเกิดได้ด้วยหรอ"
ภัทรนอนร้องไห้นึกน้อยใจโชคชะตาชีวิตของตัวเองที่เกิดมาด้อยกว่าพี่ๆ ในครอบครัว เพราะอาจจะเป็นลูกหลงมา ทั้งที่พ่อตั้งใจจะมีลูกชายแค่คนเดียวแค่นั้น
พอเกิดมาร่างกายก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนกับพี่ๆ ทำให้ตอนเด็กๆ ต้องป่วยเข้าโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง และเงินการรักษาแต่ละครั้งก็ไม่ใช่น้อยๆ เลย แต่ทว่าภัทรกลับเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวภูมิใจ และก็เป็นลูกคนแรกและลูกคนเดียวที่ออกจากครอบครัวมาเพื่อหางานทำแล้วส่งกลับไปให้ครอบครัวอีกที
ถ้างานมันมีให้ทำและมันหาง่ายกว่านี้จะไม่มานอนเครียดอยู่แบบนี้เลย ภัทรไม่ใช่คนขี้เกียจ ภัทรเป็นคนขยันทำงานหนักเบาเอาสู้ขอแค่มีงานทำ
*******************
คนตัวเล็กก้ามเดินขึ้นไปบนสะพานสูง ซึ่งด้านล่างเป็นแม่น้ำกว้างใหญ่ ในหัวคิดของภัทรในตอนนี้คือ ถ้ากระโดดลงไปมันก็จบสิ้นแล้วใช่ไหม มันคงจะหายเหนื่อยจริงๆ การจากไปของตัวเองคงไม่มีใครเสียใจ และคงไม่มีใครสนใจหรอก
มือเล็กค่อยๆ ลูบที่หน้าท้องของตัวเองซึ่งกำลังมีอีกหนึ่งชีวิตเติบโตอยู่ด้านในนั้น
"ไปอยู่ด้วยกันสองคนไหมลูก มันคงจะดีกว่านี้แหละมั้ง ไม่มีใครต้องการเราสองคนเลยนี่ ฮึก...เราไปอยู่กันเงียบๆ สองคนเราก็ได้เนอะ ไม่ต้องยุ่งกับใคร ไม่ต้องไปขอร้องอ้อนวอนใคร ไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครตามเราเจอ ฮึก..."
พูดไปก็ร้องไห้ไปจนตัวสั่น เพราะคิดหาทางออกกับเรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าตัวเองจะต้องไปเอาลูกออกแล้วใช้ชีวิตต่อมันคงทำให้ภัทรต้องรู้สึกผิดกับเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต ฆ่าหนึ่งชีวิตเพื่อให้ตัวเองได้เดินต่อไป และหนึ่งชีวิตที่ต้องฆ่าก็เป็นลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง แบบนี้สู้ตายไปพร้อมกันไม่ดีกว่าเหรอ เพราะถ้าปล่อยให้ลูกตัวเองต้องตายไปคนเดียวก็คงจะไม่มีใครคอยดูแล
ทั้งชีวิตของภัทรเหลือแค่ลูกในท้องเพียงคนเดียวแล้วจริงๆ ถ้าจะอยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกัน แต่ถ้าจะต้องตายจริงๆ
'ก็ขอให้ตายไปพร้อมๆ กัน'
'จะไม่มีใครคนใดคนหนึ่งที่ทิ้งไปก่อน'
ขาเรียวคอยก้าวขึ้นไปบนขอบสะพาน มองดูผืนน้ำที่สงบนิ่งด้านล่าง ระยะความสูงจากบนสะพานลงไปด้านล่างก็สูงพอสมควรเลย ถ้าด้านล่างตรงนั้นไม่ใช่แม่น้ำ การที่ภัทรกระโดดลงไปก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดได้อยู่ดี
บรรยากาศในยามค่ำคืนนี้มันทั้งเงียบสงัด และดูวังเวงมากจริงๆ มันทำให้ภัทรยิ่งรู้สึกไปว่าบนโลกนี้มันไม่มีใครเลย ราวกับว่าเขาอยู่คนเดียว ทั้งที่บนโลกที่แสนกว้างไกลมีผู้คนมากมายแต่กลับไม่มีใครเลยที่เข้าใจเขา
ถ้าตัวเองจะต้องตายจริงๆ ขอให้ร่างจมดิ่งลงไปอยู่ก้นแม่น้ำไม่ต้องผุดขึ้นมาไม่ต้องให้ใครรับรู้ว่าร่างของเขาไปอยู่ตรงไหน ขอให้เขาหายสาบสูญไปไม่เจอแม้กระทั่งร่างและวิญญาณ ขอให้ตัวเอง'ตาย'ไปจากโลกใบนี้ หายไปจากโลกที่แสนจะโหดร้าย และขอให้อย่าได้พบเจอกับคนใจร้ายบนโลกนี้อีกเลย
"ฮึก...พ่อใจร้าย แม่ก็ใจร้าย ทุกคนใจร้ายภัทร ฮื่อ...ทำไมล่ะ ภัทรทำอะไรผิด ทำไมทุกคนถึงเอาแต่รังเกียจ ทำไมทุกคนถึงเอาแต่ผลักไส ทำไมภัทรไม่ได้รับความรักเหมือนกับลูกคนอื่นๆ ทำไมภัทรถึงไม่ได้ของขวัญวันเกิดเหมือนกับพวกพี่ๆ เขา แล้วทำไมทุกวันเกิดของภัทรจะต้องมานั่งคนเดียว ในเมื่อวันเกิดของพี่ๆ พ่อแม่กลับพากันไปกินเลี้ยง ฮึกฮื่ออ...ทำไมภัทรถึงเป็นแบบนี้อยู่คนเดียว ทำไม...ภัทรผิดตรงไหน...หรือว่าผิดที่ภัทรเกิดมา..."
"ไม่ใช่พ่อที่ใจร้าย แม่เองก็ใจร้ายกับภัทรเหมือนกัน ไม่มีใครต้องการภัทรตั้งแต่แรกแล้ว ทุกคนคงจะมีความสุขกันมากสินะครับ ฮึก...ภัทรเกลียดทุกคนที่สุดเลย เกลียดโลกใบนี้ เกลียดที่จะต้องเกิดมา เกลียดทุกอย่าง ฮึก...ที่มันใจร้ายกับภัทร ฮื่อ..."
ภัทรร้องไห้โฮสะอื้นเสียงดัง เพราะบนนี้ไม่มีใคร และที่สำคัญตรงที่ภัทรยืนอยู่ก็เป็นที่มืด ต่อให้มีคนผ่านไปผ่านมาก็สังเกตไม่เห็นอยู่ดี
'ถ้าชาติหน้ามีจริง ไม่ขอเกิดอีกแล้ว'
สิ้นสุดคำพูดในใจ ภัทรก็หลับตาปี๋ขาหนึ่งข้างก้าวไปด้านหน้า พร้อมที่จะทิ้งตัวลงไปด้านล่างแล้ว มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว บางทีความ-ตาย-ก็เป็นทางออกที่ดีเหมือนกัน
เพราะมันไม่ต้องเจ็บปวดทรมานอีกแล้ว...
"ลาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ลาก่อนความใจร้าย ลาก่อน..."
หมับ!
"อย่าทำแบบนี้เลยนะ..."