ตอนที่ : 03 ความคิดชั่ววูบ
ภัทรกลับเข้ามาอยู่ในเมืองอีกครั้ง พร้อมกับหาที่อยู่เป็นห้องเช่าเล็กๆ เพราะเงินที่มีก็เริ่มร่อยหรอลงไปแล้ว ตอนนี้คือต้องหางานทำอย่างเดียว
ทว่าไปสมัครงานที่ไหนเขาก็ไม่รับเลย บางที่ก็เต็มบางที่ก็ไม่รับคนที่กำลังท้องเพราะไม่สามารถทำงานได้เต็มร้อย ถึงแม้ภัทรจะยืนยันแล้วว่าตัวเองสามารถทำงานหนักๆ ได้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยงยอมรับคนท้องเข้าทำงาน
ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
"เฮียครับ ผมมาสมัครงาน ที่นี่ยังรับสมัครงานใช่ไหมครับ"
"ไม่ได้รับแล้วเต็มหมดแล้ว"
"...." ภัทรยืนชั่งใจอยู่พักใหญ่ ในใจก็ยังคิดว่าจะตื๊อเจ้าของร้านคนนี้ดีไหม แต่เห็นว่าในร้านยังวุ่นๆ อยู่ภัทรก็เลยยอมเดินออกไปแต่โดยดี
จนกระทั่งเจ้าตัวได้ไปนั่งพักอยู่ที่ป้ายรถเมล์เพราะไม่รู้ว่าจะไปตรงไหนต่อหรือว่าไปที่ไหนดี พยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่ก็ไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงานเลย
มันเหมือนเป็นคราวซวยคราวเคราะห์ที่โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวเลย ทั้งๆ ที่คิดว่ากลับบ้านไปแบบนั้นคงจะมีทางออกที่ดีกว่านี้ แต่พอกลับไปแล้วมันยิ่งกลับเลวร้ายมากกว่าเดิม จนทำให้ภัทรไม่สามารถหันหลังกลับไปบ้านของตัวเองได้อีกเลย
"เอ้าๆ ค่อยๆ นั่งนะ เดินไหวหรือเปล่าเนี่ย อีกสักพักรถเมล์ก็คงจะมา ทนหน่อยก็แล้วกัน"
"อือ...เจ็บจัง"
"...." ภัทรหันไปมองชายหญิงคู่นึงที่เดินมานั่งรอรถเมล์อยู่ใกล้ๆ กัน ผู้ชายประคองผู้หญิงไปนั่งที่เก้าอี้ ที่ดูเหมือนว่าเธอจะไปทำอะไรมาสักอย่าง ร่างกายดูซีดเซียวเหมือนไม่มีแรงแบบนั้น มือก็กุมท้องเอาไว้
"ครั้งหน้าก็ป้องกันด้วยล่ะฉันไม่ไปเอาออกอีกแล้วนะเจ็บเป็นบ้า!"
"เฮ้อ ก็บอกให้เธอกินยาคุมแล้วไง"
"ก็กินแล้วไง ใครจะไปคิดล่ะว่าจะท้องอีก"
"...." ภัทรไม่ได้เสียมารยาทแอบฟังแต่เพราะนั่งอยู่ใกล้ๆ กัน ภัทรจึงได้ยินทุกคำพูดสนทนาของชายหญิงคู่นั้น จนได้ความว่าทั้งสองน่าจะพากันไปทำแท้งมา
"ไอ้คลีนิคเถื่อนนั่นก็อยู่ลึกเป็นบ้า!"
"รถก็ไม่มีเข้าไปกว่าจะเดินไปถึง เหนื่อยเป็นบ้าเลย"
"เธอจะมานั่งบ่นเอาอะไรเนี่ย หรือเธอจะปล่อยให้ท้องโตขึ้นมาประจานตัวเองล่ะ" ผู้ชายพูดขึ้นมา
"จิ๊!"
"ขอโทษนะครับ ผมอยากทราบว่าที่ที่คุณพูดถึงกันมันอยู่ตรงไหนหรอครับ" ภัทรถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ หลังจากที่นั่งฟังการสนทนามาได้สักพักนึงแล้ว
"เป็นผู้ชายนี่ จะถามไปทำไม หน้าตาแบบนี้ไปทำใครเขาท้องได้ด้วยหรอ?" ผู้ชายคนนั้นตอบ
"...."
"เดินเข้าไปในซอยที่มีป้ายสีเขียว แต่ซอยนั้นมันไม่มีไฟหรอกนะ ต้องเอาไฟฉายส่องไปเองมันเป็นซอยเปลี่ยว เดินเข้าไปจนสุดซอยนั่นแหละมันจะมีตึกเล็กๆ เปิดอยู่" ดูเหมือนว่าคนที่เป็นผู้หญิงจะดูออกจึงยอมบอกไป
"ขอบคุณนะครับ"
ไม่นานรถเมล์ก็มาจอดพอดี แต่ภัทรไม่ได้ขึ้นไปด้วย เพราะที่พักของตัวเองอยู่ไม่ไกลสักเท่าไร เดินไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว
ครืนนน~~
ซ่า~~~
จู่ๆ ฝนก็ตกลงมา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววของฟ้าร้องหรือว่าฟ้าแลบเลย จู่ๆ ฝนก็ตกลงมาแต่นั่นก็คงจะเป็นเพราะนี่คือเมืองกรุง
ฝนโหมกระหน่ำลงมาชนิดที่ว่าไม่เห็นถนนหนทางเลย และบรรยากาศในตอนนี้มันก็ดูจะเข้ากับความรู้สึกของภัทรตอนนี้เอามากๆ มันหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ พร้อมกับรู้สึกโดดเดี่ยวไม่มีใครอยู่ข้างกายเลยสักคน
ในขณะที่กำลังนั่งกอดตัวเองอยู่ด้วยความหนาวสั่น ก็มีความรู้สึกวูบนึงของภัทรที่จู่ๆ ก็คิดขึ้นมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลยแท้ๆ
ถ้าเอาเด็กออกภัทรก็จะกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ เหมือนกับตอนที่ยังไม่เคยท้อง และก็คงไม่ต้องมานั่งคิดมากอยู่แบบนี้ แต่แล้วคำพูดของคนเป็นแม่ก็ลอยวนเข้ามาในหัว เมื่อภัทรแทบจะตัดสินใจได้แล้วว่าตัวเองจะทำยังไง
( ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูกหรอก )
"อึก...ถ้าไม่รักภัทร ทำไมแม่ถึงไม่ช่วยภัทรเลย ทำไมแม่ถึงทิ้งให้ภัทรต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ฮึก..."
ด้วยบรรยากาศที่หนาวเหน็บบวกกับความรู้สึกจมดิ่งในเวลานี้ทำให้ภัทรร้องไห้ออกมาอีกครั้งเพราะทำอะไรไม่ถูก นายหัวก็มีแต่คำพูดของผู้เป็นแม่ที่ดังก้องมาอยู่ตลอดเมื่อภัทรมีความคิดที่จะเอาเด็กออก แต่แล้วก็มีคำถามผุดขึ้นมาในหัวอยู่ตลอดว่า ถ้าแม่รักตัวเองจริงๆ ทำไมถึงไม่ช่วยอะไรเลยในตอนนั้น และทำไมถึงยอมให้พ่อไล่ตัวเองออกมาจากบ้านได้ง่ายๆ ทั้งๆที่ตัวเองก็ลูกคนนึงเหมือนกัน แต่กลับได้รับการกระทำเหมือนกับตัวเองไม่ใช่ลูกไม่ใช่คนในครอบครัวเลย
"ฮึก...ทำไมโลกนี้ใจร้ายกับภัทรจัง"
"ฮึก ทำไมมีแต่คนใจร้าย ฮือ..."
ภัทรเดินฝ่าสายฝนออกไปเพราะถ้ารอให้ฝนหยุดตกก็คงจะดึกไปมากกว่านี้ ตึกของห้องเช่าอาจจะปิดก่อนก็ได้ และภัทรก็คงจะไม่สามารถเข้าห้องพักของตัวเองได้
ครืน~~ซ่า~~
**************
วันนี้ก็เป็นอีกเช่นเคยที่ภัทรออกจากห้องพักแต่เช้าเพื่อไปหาสมัครงาน บางที่สมัครทิ้งเอาไว้แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับอะไรกลับมา แต่ภัทรก็ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้เลยสักนิด เพราะต้องหางานทำให้ได้ ไม่อย่างนั้นเงินเก็บที่มีอยู่ก็จะร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ และทำให้ไม่มีเงินใช้จ่าย
T:ขอโทษนะที่นี่ไม่รับคนเพิ่มแล้ว
G:ขอโทษนะครับ ที่นี่ปิดรับสมัครพนักงานแล้ว
F:ที่นี่ไม่รับคนท้องจ้ะงานมันหนัก
S:ที่นี่รับแค่ผู้หญิง และก็ไม่รับคนท้องด้วยขอโทษนะครับ
ไม่ว่าจะที่ไหนๆ ก็ไม่มีใครรับเลย ส่วนนึงก็คงจะเป็นเพราะภัทรกำลังท้องด้วย งานส่วนใหญ่กับวุฒิที่มีก็เป็นงานหนักๆ ทั้งนั้น ส่วนงานบริษัทที่เข้าไปสมัครไว้ก่อนหน้าก็ยังไม่มีการตอบกลับมาเลย
"เฮ้อ...เหนื่อยจัง ทำไมการหางานตอนที่กำลังท้องแบบนี้มันเหนื่อยจังเลยนะ" ภัทรนั่งบ่นกับตัวเอง หลังจากที่เดินหางานอยู่ครึ่งค่อนวันแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จเลย มันเหนื่อยมันท้อจนภัทรอยากจะทิ้งตัวลงนอนแล้วไม่ต้องทำอะไรอีกเลย
"ค่อยๆ นั่งนะครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
"คุณนั่งรอตรงนี้ก่อนนะเดี๋ยวผมไปซื้อน้ำให้ คุณจะเอาขนมอะไรเพิ่มหรือเปล่า"
"อะไรก็ได้ค่ะคุณซื้อมาเถอะ"
"ครับ"
ภัทรหันไปมองผู้หญิงท้องแก่ที่สามีประคองมานั่งอยู่ที่เก้าอี้ม้าหินอ่อนในสวนสาธารณะใกล้ๆ ได้เห็นท้องโตๆ แบบนั้นภัทรก็อดไม่ได้ที่จะต้องก้มมองท้องของตัวเอง เพราะในอนาคตภัทรก็คงจะต้องท้องโตแบบนั้นเหมือนกัน
"ขอโทษนะครับ คุณท้องได้กี่เดือนแล้วหรอ?"
"แปดเดือนแล้วค่ะ ใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว"
"ท้องโตจังเลยนะครับ"
"ค่ะ ช่วงนี้กินเก่งมากเลย คุณหมอก็บอกว่าเด็กในท้องแข็งแรงสมบูรณ์มากเลยค่ะ"
"หรอครับ..."
"อย่าบอกนะคะว่าคุณก็กำลัง..."
"ครับ อย่างที่คุณเข้าใจเลยครับ"
"ดีใจด้วยนะคะ แต่คุณค่อนข้างตัวเล็กนะคะกินให้เยอะๆ กว่านี้อีกหน่อย ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้นเด็กก็ยิ่งต้องการสารอาหารมากขึ้นนะคะ"
"ผมขอถามอะไรหน่อยสิครับ"
"ค่ะถามได้เลยค่ะ"
"การที่เรามีลูกมันเป็นเรื่องดีใช่ไหมครับ"
"ดีมากเลยค่ะ เพราะลูกคือเลือดเนื้อของเรา ฉันเคยมีลูกมาแล้วนะคะ นี่เป็นคนที่สองค่ะ เวลาทำงานกลับมาเหนื่อยๆ แล้วได้เจอหน้าลูก มันเหมือนเป็นยาชูกำลังได้ดีมากๆ เลยล่ะค่ะ แค่ได้เห็นหน้าลูกก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรเป็นยารักษาได้ดีกับการที่ได้มองหน้าลูกทุกๆ วันแล้วล่ะค่ะ"
"...."
"ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าทำไมคุณถึงมาถามกันแบบนี้ แต่ฉันอยากบอกให้คุณรู้ว่า ลูกคือสิ่งที่มีค่าคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคนเป็นแม่นะคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นลูกก็จะยังอยู่กับเราเสมอค่ะ"
"ไม่รู้สิครับ ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะมี จะเรียกว่าพลาดก็ได้.."
"เชื่อฉันเถอะนะคะ ลูกคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเราแล้ว ไม่ว่าเราจะไม่เหลืออะไร แต่อย่าลืมนะคะว่าเรายังมีลูก ฉันเองก็เคยคิดนะคะ จนฉันได้มีลูกฉันถึงได้รู้ว่าฉันต้องมีชีวิตต่อเพื่อใคร"
"ขอบคุณมากๆ นะครับ"
ภัทรเหมือนได้รับแรงกำลังใจทำให้ความคิดชั่ววูบที่เคยอยู่ในหัวหายไปจนหมดเลย จนภัทรไม่มีความคิดที่จะเอาเด็กออกอีกต่อไป
"ที่รักผมกลับมาแล้ว"
"กลับมาแล้วหรอคะ"
"นี่กำลังคุยอะไรกันอยู่หรอครับ"
"กำลังคุยกันตามประสาคนท้องค่ะ"
"ท้อง?"
"ค่ะ คุณคนนี้เขาก็กำลังท้องเหมือนกัน"
"ดีใจด้วยนะครับ"
"ครับ ขอบคุณนะครับ"
ภัทรยิ้มตอบรับ พร้อมกับมองดูคู่สามีภรรยาที่กำลังดูแลกัน ผู้หญิงคนนี้คือคนที่น่าอิจฉามากๆ เพราะมีสามีที่ดูแลดี เป็นคนอบอุ่น จนทำให้ภัทรเผลอยิ้มออกมากับการได้มองการแสดงความรักของครอบครัว
นี่สินะที่เขาเรียกว่าครอบครัวที่แท้จริง
ครอบครัวที่พ่อแม่รักลูกเท่าๆ กัน ครอบครัวที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวได้ไม่ว่าลูกจะไปเจออะไรมา ครอบครัวที่เป็นครอบครัวจริงๆ
ไม่ใช่ครอบครัวที่พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน
"น่าอิจฉาจัง..."
ภัทรพูดเบาๆ แทบจะเป็นลมที่พ่นออกมาจากปาก เพราะไม่เคยได้รับความรักแบบนี้จากคนเป็นพ่อจริงๆ เลย ไม่เคยได้รับอ้อมกอด ไม่เคยได้ยินคำว่ารัก ไม่เคยได้สัมผัสถึงความอบอุ่น ตั้งแต่จำความได้สิ่งที่ภัทรได้รับคือสายตาที่เย็นชาการกระทำที่บ่งบอกว่ารักลูกคนไหนมากกว่า
"ฉันไปก่อนนะคะคุณ ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก"
"ครับ เดินทางปลอดภัยกันนะครับ"
"ค่ะ"
"ดูแลตัวเองด้วยนะครับ"
ภัทรนั่งมองคู่สามีภรรยาที่ประคองกันเดินออกไป ในใจก็ยังนึกอิจฉาไม่หาย ต่อให้ไม่ได้รับความรักที่อบอุ่นแบบนี้จากครอบครัว ภัทรเองก็ยังอยากมีคนที่รักและมอบความรักให้อย่างอบอุ่นแบบนี้
แต่ก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้สัมผัสกับเรื่องแบบนี้หรือเปล่า หรือว่าเป็นคนที่เกิดมาอาภัพความรักตั้งแต่เกิดแล้ว