บทที่ 5 ภรรยาไม่ตรงปก::อยู่ร่วมกันวันแรก (2)
"แม่งเอ๊ยกูเหมือนคนโรคจิต" เฟยเทียนรีบปิดไอแพดก่อนจะจับไปที่เป้านูนของตัวเอง เพราะผลพวงจากการดูคนที่อยู่ในกล้องนั้นทำเอาเฟยเทียนน้อยตื่นขึ้นมา หนุ่มในวัยยี่สิบแปดปีผู้ซึ่งไม่เคยขาดเรื่องอย่างว่าสบถกับตัวเองอย่างหัวเสียก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะเดินออกมาด้วยความตัวเบาหลังจากอยู่ในนั้นมาเกือบสามสิบนาที
นี่ถ้าบรรดาเพื่อนฝูงคนสนิทรู้มีหวังโดนล้อจนลูกบวช
ครืด ครืด
เฟยเทียนมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะพึมพำออกมา
"ไม่คิดว่าการบ่นถึงเพื่อนจะเป็นการโทรจิตถึงพวกมันไปได้"
THE SUN & SKY
"อ้าวชนโว้ย! ดีใจที่เพื่อนได้เป็นฝั่งเป็นฝาซะที" สกายเจ้าของคลับ THE SUN & SKY ยกแก้วเหล้าขึ้นชูก่อนจะชนกับเพื่อน ๆ ที่นั่งล้อมวงสนทนาตามประสาหนุ่มโสดพร้อมบรรดาสาว ๆ ที่นั่งซ้อนตักกันคนละคน
เหลือไว้เพียงเจ้าบ่าวหมาด ๆ ที่นั่งดื่มอยู่คนเดียวไม่สนใจสาวทรงสะบึ้มที่เพื่อนเรียกมาเผื่ออย่างเช่นทุกครั้งเพราะใครเลยจะคิดว่าคนคนนี้จะแต่งงานแล้วทั้งยังเพิ่งหลุดปากบอกให้เพื่อนรู้
สกาย ซัน ทั้งสองเป็นพี่น้องฝาแฝดกันและเป็นเจ้าของคลับ THE SUN & SKY ทั้งสองคนเป็นลูกรัฐมนตรีคงไม่ต้องพูดถึงฐานะทางบ้านถึงแม้ว่าพวกมันไม่ทำงานมันก็มีกินมีใช้ไปจนถึงชาติหน้า แต่เพราะว่าพวกมันขี้เกียจเดินตามรอยเท้าพ่อเพราะเห็นแล้วว่ามันวุ่นวายเพียงใด พวกมันถึงมาลงทุนทำธุรกิจคลับบาร์ตามที่พวกมันชอบและกำลังไปได้ดี
จอนนี่เพื่อนอีกคนที่เป็นลูกชายเจ้าของสายการบินสายการบิน JK แอร์ไลน์ถือเป็นบุคคลที่น่ายกย่องสมกับเป็นว่าที่เจ้าของสายการคนต่อไป แต่ตัวจริงนั้นห่างไกลความน่าเชื่อถือนั้นมากโขอยากให้นักข่าวมาเห็นภาพไอ้พวกนี้นัก
ปีเตอร์เพื่อนคนสุดท้ายในกลุ่มเป็นถึงลูกเจ้าพ่อกาสิโนอย่าหวังไปมีเรื่องกับมันเชียว พ่อมันเอาตายพ่อมันรักอย่างกับอะไรดูชายชุดดำที่ยื่นข้างนอกนั่นสิ ลูกน้องพ่อมันตามมาดูแลทั้งนั้นและมันยังเป็นว่าที่เจ้าของกาสิโนคนต่อไปที่พ่อมันกำลังส่งมอบให้ดูแล
"เออว่าแต่เมียมึงเถอะรู้หรือเปล่าว่ามึงออกมาแดกเหล้า คนมีเมียนี่ต้องรายงานไหมวะ" ปีเตอร์ถามเป็นคนแรกหลังจากที่แทบจะเล่นหนังสดกับสาวของมันให้ดู
"กูไม่รู้ว่าเพราะกูไม่มีเมีย" จอนนี่ผู้ที่เป็นคนพูดน้อยที่สุดแต่เรื่องสาวนั้นไวที่สุดเพราะตอนนี้กำลังล้วงกระโปรงสาวอยู่อย่างไม่เกรงใจใคร
"กูก็เหมือนกัน//กูก็เหมือนกัน" สองแฝดที่กำลังนัวสาวเงยหน้าออกมาจากหน้าอกคัพอีจากมีดหมอตอบออกมาพร้อมกัน
อัปรีย์เสียจริงเฟยเทียนคิดก่อนจะส่ายหัวออกมา แต่คงลืมไปแล้วว่าตนเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยล้วงควักจับดูดแบบนี้มาก่อน แต่เพราะเพิ่งแต่งงานคนที่ถูกบ่วงคล้องคอเลยได้แต่ยิ้มในใจนิ้วเรียวจับคลึงไปที่แหวนที่สวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายความเย็นเฉียบของมันเตือนสติว่าเขาเพิ่งแต่งงาน ส่วนสาวสวยที่นั่งเบียดเข้ามาจนจะเกยตักนั่นก็ยังเหมือนจะยังอยากให้เขาสนใจและยังพยายามอยู่ไม่น้อย ขยันชะโงกมาหยิบแก้วของเขาไปเติมซะจริงส่วนที่ล้นออกมานั้นก็ดูกว่าอยากจะเถือไถเต็มทีถึงได้เบียดนั่นเบียดนี่ไม่ยอมอยู่สุข นี่ถ้าไม่มีแหวนเป็นเครื่องเตือนสติเกรงว่าเขาจะกระโจนร่วมวงอัปรีย์นี่ไปซะอีกคน
แต่งงาน เมียเมออะไรวะ แม่งโคตรไม่ชิน...
เฟยเทียนรับแก้วเหล้าที่สาวสวยด้านข้างส่งให้เข้าปาก ยิ้มตอบรับเป็นมารยาท
"แล้วมึงยังไม่ตอบกู" ปีเตอร์ที่ผละจากสาวเหมือนยังอยากรู้เต็มที
"ป่านนี้นั่งรอกูหลับคาโต๊ะอาหารละมั้ง" เฟยเทียนไม่ลืมว่าให้เจ้าสาวป้ายแดงทำอาหารขึ้นโต๊ะตอนหนึ่งทุ่ม แต่เด็กดื้อคนนั้นเขาต้องสั่งสอนเสียหน่อย ปล่อยให้คอยไปนั่นแหละจะได้จำ ว่าไม่ควรดื้อกับคนอย่างเฟิงเฟยเทียน
"หมายความว่ามึงหลอกให้เมียมึงทำอาหารรอและมึงก็มานั่งแดกเหล้ากับพวกกูเนี่ยะนะ" จอนนี่ที่ได้ยินคำตอบถึงกับผละจากคู่สาว
"มึงแม่งโคตรเลว"
"เออว่ะแม่ง! น่าสงสารผู้หญิงคนนั้นเน๊อะ ป่านนี้นั่งรอร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วมั้ง"
"ได้ข่าวว่าสวยงดงามกิริยาเรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้เลยนี่"
"เออกูก็ได้ยินมาว่าตระกูลนั้นเลี้ยงดั่งกับเจ้าหญิงทั้งงานบ้านงานเรือนการพูดจาช่างดูเรียบร้อยสมกับลูกตระกูลผู้ดีเก่าแห่งเกาะฮ่องกง"
"แต่ป่านนี้คงจะนั่งร้องไห้จริง ๆ" ซันพูดคล้ายกับเห็นใจหญิงสาว
เฟยเทียนมองบรรดาเพื่อนสนิทที่นั่งมองมาที่เขาเป็นตาเดียวเหมือนกับเขาเป็นผัวชั่วที่ปล่อยให้เมียนั่งรอ แต่พวกมันคงลืมว่าเป็นคนชวนเขามาที่นี่เขา
"ทำอย่างกับว่ามึงไม่ได้เป็นคนโทรคะยั้นคะยอให้กูมา" เฟยเทียนจ้องไปที่หน้าของซันพูดย้ำมันว่ามันนั่นแหละเป็นคนโทรชวน
"อ่าวเหรอขอโทษทีว่ะกูลืม ฮ่าฮ่า" ซันหัวเราะออกเพราะเป็นเรื่องจริงที่ตนเองเป็นคนโทรคะยั้นคะยอก่อนจะยกแก้วขึ้นมาค้างกลางอากาศ
"เออช่างแม่งมาถึงนี่ละแดก ๆ ถือว่าเป็นการเลี้ยงส่งเพื่อนให้มีความสุขกับการมีครอบครัวเป็นคนแรกก็แล้วกัน เอ้าชนครับ"
กริ๊ก! กริ๊ก!
ห้าสหายยกแก้วชนกันพูดคุยดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่คุ้นเคย แสงสีเสียงที่ไม่เคยห่างหายไปกับการดำเนินชีวิตเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น แต่ตอนนี้ก็เพียงได้มาปลดปล่อยบ้างตามโอกาสเอื้ออำนวย ทั้งจอนนี่เฟยเทียนและปีเตอร์ต่างก็มีหน้าที่และภาระอันหนักอึ้งแต่ละคนก็ใช้ชีวิตเคร่งเครียดเรื่องธุรกิจไม่ต่างกัน ยกเว้นก็แฝดที่ชีวิตอิสระทำงานที่ตัวเองรัก ไม่ต้องทำตามรอยเท้าบรรพบุรุษที่ปูทางไว้ให้
"เออว่าแต่ทางนั้นเค้ามุงดูอะไรกันวะ" สกายลุกขึ้นยืนเดินไปมองยังจุดที่ผู้คนมุงดูส่งเสียงเฮดังลั่นไม่หยุดไม่สนใจว่าจะทำเอาคนที่นั่งเกยตักนั้นร่วงไปตรงไหนด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ไหนวะ" ซันที่กำลังไซ้ซอกคอสาวก็ลุกตามไปเช่นกัน
"ไอ้เชี่ย..นั่นสาวที่ไหนวะท่าทางฮอตสัด" สกายอุทานก่อนเป็นคนแรกตามด้วยน้องชาย
"เฮ้ยพวกมึงมาดู" ซันเรียกเพื่อนเสียงดังทำเอาปีเตอร์กับจอนนี่อดไม่ได้ที่จะลุกตามไปดูสาวฮอตคนที่เพื่อนบอก
"ไหนวะ...ไอ้เหี้ย! นั่นนางฟ้า" ปีเตอร์ที่เดินมาหยุดที่กระจกที่มองเห็นพื้นที่ไปทั่วร้านถึงกับตาลุกวาว
"แม่เสือสาวนั่นปลุกความเป็นราชสีห์ในตัวกูเลยว่ะ" จอนนี่พร่ำเพ้อ
"ไอ้เทียนมึงไม่มาดูหน่อยวะ"
"ไม่อ่ะขี้เกียจ" เฟยเทียนตอบนิ่ง ๆ ไม่ได้สนใจเสียงตะโกนเอ่ยแซวที่ดังลั่นจากด้านล่าง ก็คนมันเพิ่งแต่งงานจะไปดูสาวที่ไหนได้อีก
"เหี้ยแต่ว่าแม่เสือสาวนั่นหน้าคุ้น ๆ นะ"
"เออวะถึงแต่งหน้าจัดแต่ก็ว่ากูเคยเห็นที่ไหนนะ"
"ดาราหรือเปล่า"
"หรือนางแบบ"
"มึงดูไอ้นั่นเข้าไปใกล้เธอมากไปแล้ว กูว่างานนี้มีเสร็จ" เฟยเทียฟังเพื่อน ๆ ที่พูดกันไม่หยุดก็ได้แต่ส่ายหัว
ก่อนจะลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายเดินถือแก้วเหล้าขึ้นกระดกลงคอแต่สายตาดันหันไปยังที่มาของเสียงที่อื้ออึงก่อนจะพ่นของเหลวพรวดออกมาจากปากอย่างห้ามไม่อยู่
"เหี้ย!"
"สัด!"
"ถึงกับน้ำพุ่งเลยเหรอวะ เป็นไงกูบอกแล้วว่าแม่เสือตัวนี้แซ่บสงสัยคืนนี้จะออกมาล่าเหยื่อ" จอนนี่พูดออกมาตามที่ใจคิด
"เสี่ยวถิง!!!"