บทที่ 4 ภรรยาไม่ตรงปก::อยู่ร่วมกันวันแรก (1)
ฝ่ามือหนาที่เกาะกุมมือของเธออยู่จับมือเธอขึ้นมากุมบนโต๊ะเผยให้คนที่นั่งอยู่เห็นเป็นประจักรกับตาว่าคู่สามีภรรยาคู่นี้ช่างน่ารักกันเสียเหลือเกินหวานไม่อายใคร แถมสายตาที่มองไปยังลูกสะใภ้นั้นก็ดูช่างหวานหยดย้อยแปลกตา เพราะสายตาแบบนี้ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แต่ใครจะรู้ว่าที่จริงแล้วนั้นสองสามีภรรยาป้ายแดงแอบหยิกกันจนได้เลือดไปแล้ว
ลี่ถิงที่ได้ฟังทั้งคำพูดและเห็นทั้งการกระทำของสามีถึงกับแอบข่มเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในใจ ผู้ชายคนนี้ช่างร้ายกาจเอาคืนเธอได้อย่างรวดเร็ว คอยดูถึงทีเธอบ้างจะเอาให้จุกจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว
...
เพนท์เฮ้าส์
"จะไปไหน"
"ฉันจะไปนอนห้องนู้น"
"เธอนอนห้องนี้แหละถูกแล้วเสี่ยวถิง"
"คุณชายเฟยโปรดเรียกว่าลี่ถิงเพราะเสี่ยวถิงฉันเอาไว้ให้คนที่สนิทเรียกเท่านั้นค่ะ!" ลี่ถิงพูดเสียงดังชัดเจนจงใจย้ำทุกประโยคพร้อมกับจ้องใบหน้าสามีป้ายแดงด้วยสีหน้าอย่างจริงจังก่อนจะหันไปหยิบจับของของเธอที่ถูกวางเอาไว้ในห้องนอนใหญ่
"แต่เธอเป็นภรรยา"เฟยเทียนย้ำด้วยน้ำเสียงเข้มกว่าเดิมแต่เหมือนกับว่าคนตรงหน้ายังดื้อดึง
"แต่ฉันบอกแล้วว่าเราจะอยู่ด้วยกันเพียงหนึ่งปีเท่านั้น ครบหนึ่งปีเมื่อไรเราจะหย่ากันทันทีและฉันไม่นอนห้องเดียวกับคุณ"
"เสี่ยวถิงอย่าดื้อเธอเป็นภรรยาของฉัน" เฟยเทียนยังเรียกชื่อที่เธอห้ามทำให้ได้สายตาขุ่นเคืองที่ดูแล้วอยากจะฟาดก้นสั่งสอนเธอสักที
"ส่วนเรื่องสัญญาหนึ่งปีฉันรับปากเธอตอนไหนกัน ไม่ใช่ว่าเธอพูดไปเองคนเดียวหรอกรึ" เขาเพียงฟังสิ่งที่เธอพูดเจื้อยแจ้วออกไม่ได้ขัดเท่านั้นเอง
"เอาเป็นว่าตอนนี้เธอเป็นภรรยาของฉันช่วยทำตัวเป็นภรรยาที่เชื่อฟังสา.."
"ฉันว่าเรื่องนั้นไม่จำเป็น"
"เสี่ยวถิง!" เสียงเข้มของเฟยเทียนทำเอาลี่ถิงถึงกับตกใจตอนที่เธอเดินไปเดินมาจัดของอยู่นั้นเธอก็พูดไปด้วยแต่ไม่คิดว่าจะโดนตะคอกเสียงดัง เธอหันหน้ามามองผู้เป็นสามีที่กำลังยืนหน้าดำคร่ำเครียดอย่างคนกำลังหมดความอดทน ทำเอาปากที่กำลังจะขยับอ้าต้องหุบลงอย่างไวเพราะเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาดูโมโหอย่างจริงจัง
"อย่าให้คนเอาไปติฉินได้ว่าที่จริงแล้วลูกสาวตระกูลจางนั้นต่างจากคำร่ำลือมากนักเพราะเกรงว่าจะเสียชื่อเสียงมาถึงตระกูลฉันด้วย"
"ในฐานะสามีฉันขอเตือน" เฟยเทียนพูดด้วยน้ำเสียงติดนิ่งไม่ตะคอกไม่โวยวายแต่เป็นน้ำเสียงทำให้บรรดาลูกน้องพากันกลัวจนตัวสั่นมาแล้ว
เฟยเทียนหมดความอดทนลงแล้วตอนแรกไม่คิดว่าจะต้องมาต่อล้อต่อเถียงกับภรรยาดื้อ แต่เพราะเธอนั้นคงยังเถียงคำไม่ตกฟากหากไม่คิดห้ามปรามเสียบ้างคงจะได้ใจไปกันใหญ่การพูดออกไปก็ไม่ใช่แค่ว่าตักเตือนแต่อยากสั่งสอนเธอ เพราะรอบตัวเขานั้นมีแต่คนจับตาถ้าเกิดมีสิ่งใดไม่ถูกไม่ควร คงเป็นที่ครหาเอาได้
และสิ่งที่เขาต้องการคือภรรยาที่สามารถเชิดหน้าชูตาได้สิ่งที่ได้ยินได้ฟังมานั้นทำเอาเขาตกลงอย่างไม่อิดออดไม่ใช่ว่าเป็นเพียงการตกลงกันในครั้งอดีตของบรรพบุรุษเท่านั้น เพราะถ้าเป็นเรื่องแค่นั้นถ้าเกิดเขาไม่ต้องการเรื่องแค่นี้ก็ปฏิเสธได้โดยง่ายและยิ่งตนเองกำลังเป็นที่จับตามองเรื่องผู้นำตระกูลคนต่อไปยิ่งต้องหาภรรยาที่สามารถยืนเคียงคู่อย่างสง่างามได้
เพียงเพราะเขาอยากได้ภรรยาที่เพียบพร้อมเป็นที่เชิดหน้าชูตาและสิ่งที่บิดามารดาเขาได้พูดถึงตระกูลจางที่เคยมีสัมพันธไมตรีมาตั้งแต่บรรพบุรุษแถมยังเอ่ยถึงความเพียบพร้อมทั้งคุณสมบัติและการศึกษาที่เก่งกาจหาตัวจับยากถึงแม้ว่าจะเป็นหญิงแต่ประวัติคร่าว ๆ ที่พ่อกับแม่ได้มาเธอนั้นเป็นเด็กเรียนเก่งและหัวไวสามารถเรียนจบปริญญาเพียงแค่อายุยี่สิบปีเท่านั้นแต่หลังจากที่อยู่กันมาหนึ่งวันครึ่งเฟยเทียนถึงได้รู้ว่าภรรยาของเขานั้น ที่จริงแล้ว.....
เห็นทีจะได้ไม่ตรงปก
เห็นแต่เด็กขี้โวยวายเถียงเก่งและขี้มโนเป็นที่สุด
เฮ้อแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะถึงว่าเขาเลือกแล้ว ถ้าจะมีคนผิดก็ไม่ใช่ใคร
ก็คนที่ยืนหัวโด่อยู่นี่ไง...
"เอาล่ะเธออยากจะอยู่ห้องไหนก็เลือกเอาฉันไม่มีเวลาจะมาทะเลาะกับเด็กที่พูดไม่รู้เรื่อง ตอนนี้ฉันจะไปทำงานก่อนตอนเย็นทำอาหารรอหนึ่งทุ่มเราจะร่วมโต๊ะกัน" พูดจบก็หมุนตัวกลับออกไปไม่สนใจเด็กที่ยืนหน้าเหวอเหมือนกับกำลังตกใจอะไรบางอย่างจนได้ยินเสียงปิดประตูตามหลัง เด็กสาวถึงได้สะดุ้งวิญญาณกลับเข้าร่าง
"เมื่อกี้นี้มันอะไรกันวิญญาณบรรพบุรุษกำลังลงโทษเธออยู่ใช่ไหม" ลี่ถิงบ่นพึมพำก่อนจะกระแทกเท้าเดินเข้าไปเลือกห้องนอนตามที่ตนเองต้องการ ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวก่นด่าสามีป้ายแดงไปตลอดทางเธอเปิดดูห้องที่เรียงรายกันหลายห้องก่อนจะมาหยุดที่ห้องนอนขนาดกลางที่ตกแต่งอย่างสวยงามถึงมันจะยังเล็กกว่าห้องของสามีป้ายแดงแต่ก็ยังใหญ่อยู่ดีส่วนในห้องที่เธอเลือกนั้นมีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นดูโล่งสะอาดตา เตียงใหญ่เป็นสิ่งที่เธอเลือกที่จะวิ่งเข้าใส่อันดับแรก โดยลืมไปเลยว่าเธอยังสวมกี่เพ้ารัดรูปอยู่ เสียงแควกตามรอยแยกของชุดทำเอาเธอตกใจก่อนจะจับชายผ้าที่แหวกออกมาถึงชุดชั้นใน ดวงตาคู่สวยมองด้วยความเสียดายแต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยเย็บก็ได้เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เธอถนัดและถือเป็นสิ่งที่ทำประจำเลยก็ว่าได้ ใครจะรู้ว่าชุดกี่เพ้าที่สวยงามที่เธอสวมใส่อยู่นี้จะเป็นชุดที่เธอตัดเย็บเอง และเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของเธอ
ลี่ถิงที่นอนเกลือกกลิ้งบนที่นอนนุ่มอยู่นานก็ต้องลุกขึ้นด้วยความขี้เกียจเพราะข้าวของเครื่องใช้ของเธอยังอยู่ในห้องนั้น ลี่ถิงลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องนอนใหญ่ที่ถูกพาไปครั้งแรกไม่ลืมเปลี่ยนชุดเธอเลือกเป็นเสื้อครอปเอวลอยกางเกงขาสั้นเพื่อความทะมัดทะแมงจัดการรีบหยิบสิ่งของที่เป็นของเธอเคลื่อนย้ายไปในห้องที่เธอกำลังยึดเป็นของตัวเอง
แฮ่ก!
"เหนื่อยชะมัดเลยหิวด้วย" ลี่ถิงที่จัดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายเข้าตู้ถึงกับอ่อนแรงใบหน้าสวยเต็มไปด้วยเหงื่อขนาดเปิดแอร์ยี่สิบเอ็ดองศาแต่ก็ไม่ทำให้อุณหภูมิในร่างกายเย็นลง มันไม่ใช่เพราะอากาศร้อนแต่เป็นเพราะเธอจัดของจนเหนื่อยทั้งเดินไปเดินมาแบกนั่นแบกนี่ตั้งหลายรอบ ทำไมคุณหนูลี่ถิงอย่างเธอถึงต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ
เกลียดชะมัดตาแก่เอาแต่ใจคนนั้น
...
ฮัดชิ่ว! ฮัดชิ่ว!
ฮัดชิ่ว!
"น่าจะมีใครบ่นถึงนะครับทรงนี้" ลู่ตงลูกน้องกึ่งเลขาที่กำลังยืนรอรับเอกสารจากเจ้านายถึงกับเอ่ยแซว
"บ่นถึงไม่น่าแต่ถ้าด่าก็ไม่แน่" เฟยเทียนพึมพำสายตาก็ไม่ละไปจากเอกสารตรงหน้าส่วนลูกน้องคนสนิทก็เอียงหูเข้ามาใกล้เพราะสิ่งที่เจ้านายพูดนั้นตนเองได้ยินไม่ถนัดเพราะเกรงว่าจะเป็นคำสั่งงานเลยต้องถามอีกครั้ง
"ว่ายังไงนะครับ"
"อ่อเปล่า แล้ววันนี้มีงานอะไรด่วนอีกไหม" เฟยเทียนวางปากกาหลังจากลงนามเรียบร้อยทุกหน้าก่อนจะยื่นแฟ้มเอกสารให้เลขาคนสนิท
"เดี๋ยวมีประชุมอีกครั้งตอนสิบหกนาฬิกาครับนอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วครับ"
"อืม"
เฟยเทียนรับรู้ก่อนจะหยิบไอแพดมาเปิดดูกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ในเพนท์เฮาส์ พอเห็นเด็กรั้นที่กำลังเดินไปเดินมายกนั่นขนนี่ท่าทางอ่อนล้าก็อดยิ้มไม่ได้
"ให้มันได้อย่างนี้สินะ ดื้อเก่งเป็นที่หนึ่งเอาไปคืนครอบครัวเธอทันมั้ยเนี่ยะ"
หึ! ไม่ทันสินะแล้วทำไมต้องคืนกัน
เฟยเทียนไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองนั้นจับจ้องไปที่ภรรยาไม่ตรงปกอย่างไม่วางตามือหนาซูมไปที่ร่างเล็กในชุดเสื้อครอปตัวเล็กที่ปิดเพียงหน้าอก ปรากฏหน้าท้องขาวเนียนเรียวขาขาวที่โผล่ออกมาจากกางเกงขาสั้นจู๋นั้นทำเอาปากแห้งผากกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
"เอาว่ะอย่างน้อยก็มีสิ่งหนึ่งที่ตรงปก"
ความงดงามภายใต้เสื้อผ้านั้นเป็นของจริงอย่างแน่นอน