บทย่อ
เฟยเทียน ชายหนุ่มรูปงาม ทายาทคนโตของตระกูลเฟย ตระกูลใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงธุรกิจ กำลังเผชิญกับภาระหน้าที่สำคัญ นั่นคือการแต่งงานเพื่อสานต่อตระกูลตามธรรมเนียมและกำลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำในอนาคตแทนบิดา ด้วยความที่ตระกูลเฟยมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลจาง ตระกูลเก่าแก่และขุนนางเก่าแก่ การแต่งงานเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของสองตระกูลจึงถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง เฟยเทียนถูกจับคู่กับคุณหนูลูกสาวคนเล็กของตระกูลจาง หญิงสาวผู้เลอโฉม งดงามทั้งกายและใจ เพียบพร้อมด้วยกิริยามารยาท เรียกได้ว่าเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อม ทว่า เมื่อเฟยเทียนได้พบกับว่าภรรยาของเขาเป็นครั้งแรก เขากลับต้องพบกับเรื่องปวดหัว เพราะหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาช่างแตกต่างจากภาพลักษณ์ที่เขาคาดการณ์ไว้สิ้นเชิง เธอไม่ได้อ่อนหวานเรียบร้อยอย่างที่เขาคิด แต่กลับเปี่ยมไปด้วยความสดใส ร่าเริง และเต็มไปด้วยพลัง แถมยังดื้อรั้นเป็นที่หนึ่ง เฟยเทียนรู้สึกไม่พอใจกับภรรยาของเขาในตอนแรก เขาคิดว่าเธอไม่เหมาะสมที่จะเป็นภรรยาผู้นำตระกูลเฟยเพราะสิ่งที่ปรากฎอยู่ตอนนี้เห็นอยู่ตอนนี้ เห็นทีจะไม่ตรงปกเสียแล้ว แต่แล้ว เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น กลับทำให้เฟยเทียนเริ่มมองเธอในแง่มุมใหม่ เขาเริ่มเห็นความดีงามและความสามารถของเธอ เขาเริ่มรู้สึกหวั่นไหวกับเธอ เริ่มรู้สึกว่าเธออาจจะเป็นคนที่ใช่สำหรับเขา ตัวอย่างบางตอน "คุณเทียนวันนี้กลับบ้านไหมคะ" คำถามจากปลายสายทำเอาเฟยเทียนสะอึกเพราะตอนนี้เขาไม่ได้กลับไปที่เพนท์เฮาส์สองวันแล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง "วันนี้ยังกลับไม่ได้ครับเฮียยังเคลียร์ธุระไม่เสร็จ" "ธุระที่ว่าคงสำคัญกว่าถิงถิงมากใช่ไหมคะ" "เรื่องคุณฟางซินใช่ไหมคะ" น้ำเสียงสั่นระริกที่ถามออกมาทำเอาเฟยเทียนรู้สึกสั่นไหว ภายในใจวูบโหวงอย่างบอกไม่ถูกแต่เขากลับตอบเธอด้วยความคำพูดที่ต่างออกไป "เสี่ยวถิงอย่าเพิ่งงี่เง่า" "ถ้าถิงถิงบอกให้เฮียกลับบ้านมาตอนนี้ละคะ" "เสี่ยวถิงเธอก็รู้ว่าเฮียยังกลับตอนนี้ไม่ได้" "คุณเทียนเลือกที่จะอยู่กับคุณซินใช่ไหมคะ" เฟยเทียนพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลังจากที่ฟังคำพูดของเธอที่เหมือนกับต้องการเอาแต่ใจตัวเองซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยชอบเลยและไม่คิดว่ามันจะได้ยินมาจากปากของภรรยาเขาเลยพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เข้มสุด "เสี่ยวถิงมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องเลือก!" "ค่ะเข้าใจแล้ว" ติ๊ด! "เสี่ยวถิง...เสี่ยวถิง"
บทที่ 1 บทเริ่ม
เกาะฮ่องกง
ตระกูลจาง
งานมงคลสมรสระหว่างสองตระกูลใหญ่ซึ่งมีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่มาร่วมงาน
เฟิงเฟยเทียนอนาคตผู้นำตระกูลเฟิงปัจจุบันอายุยี่สิบเก้าปี
จางลี่ถิงลูกสาวคนเล็กของตระกูลจางปัจจุบันอายุยี่สิบเอ็ดปีเพิ่งเรียนจบการศึกษา
ห้องหอ
"อาเทียนยังไงอั๊วก็ฝากลูกสาวด้วย"
"ครับ"
"ลูกสาวอั๊วดื้อแต่อาเทียนห้ามตี"
"ครับ"
"ลูกสาวอั๊วขี้น้อยใจอาเทียนต้องง้อ"
"ครับ"
"ลูกสาวอั๊ว.."
"อาปา" เสียงใสของสาวน้อยทำเอาคนเป็นพ่อชะงักหลงลืมไปว่าตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงพิธีส่งตัวเข้าหอซึ่งเป็นพิธีท้ายสุดหลังจากการแต่งงาน
"เสี่ยวถิงอาปาขอโทษ" น้ำเสียงคนเป็นพ่อคล้ายจะร้องไห้ทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันดีและตอนนี้กำลังอยู่ในฤกษ์ส่งตัวแต่เพราะการแต่งงานครั้งนี้คนเป็นบิดาไม่ได้อยากให้เกิดขึ้นเท่าไรนัก หากแต่เพียงว่าไม่สามารถปฏิเสธได้ตนและครอบครัวจึงต้องจำยอมยกลูกสาวคนเล็กให้กับตระกูลเฟิงตามข้อตกลงที่มีให้กันมาตั้งแต่เมื่อครั้งอดีต
"อาปาอย่าพูดแบบนั้นถิงถิงไม่เป็นไร" น้ำเสียงเด็กสาวคล้ายปลอบประโลมทั้ง ๆ ที่ตนเองก็อยากร้องไห้ไม่แพ้กัน
"เอาน่าอาเจี๋ยลูกสาวลื้อก็เหมือนลูกสาวอั๊ว อั๊วไม่มีทางให้ใครทำร้ายลูกสะใภ้หรอกน่า" ผู้นำตระกูลเฟิงเอ่ยขึ้นด้วยความจริงจังให้ความมั่นใจแก่สหายสนิท
"ขอบคุณนะเฮียซวน แต่ลูกสาวอั๊วไม่เคยต้องห่างกับอั๊วขนาดนี้อั๊วอดเป็นห่วงไม่ได้" หลี่เจี๋ยเลี้ยงลูกสาวมาแบบไข่ในหิน ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมประคบประหงมดูแลเองร่วมกับภรรยาเลี้ยงดูธิดามาเป็นอย่างดี แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาถูกพรากออกจากอกไปในตอนนี้ ทั้งที่เพิ่งจะอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปีเท่านั้น หลี่เจี๋ยอยากจะด่าผู้นำตระกูลของตัวเองนักที่ไปสัญญิงสัญญาอะไรก็ไม่รู้ ดูสิทำให้ลูกสาวที่ตัวเองรักต้องมาแต่งงานแล้วยังต้องตามสามีกลับไปใช้ชีวิตอีกประเทศหนึ่งจะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไงกัน
"เอาน่าเฮียเจี๋ยเดี๋ยวยังไงซูลี่จะช่วยดูแลอาเสี่ยวถิงเองอย่างที่เฮียซวนบอก จะไม่มีใครมาทำร้ายลูกสะใภ้ของตระกูลเฟิงของเราได้" ภรรยาผู้นำตระกูลเสริมคำพูดเพิ่มความมั่นใจใบหน้าสวยงามตามวัยยังยิ้มแย้มต้อนรับยินดี
"ต้องขอบคุณเฮียซวนกับคุณนายซู ยังไงตระกูลจางของฝากลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพวกเราไว้ด้วย" หลินเอ่ยฝากฝังลูกสาวกับตระกูลใหญ่อย่างจริงใจเธอเองก็เสียใจและรู้สึกใจหายที่ลูกสาวคนเดียวต้องห่างอกไปไกลถึงเพียงนี้ เธอหันไปมองลูกเขยพลางเพ่งพิศพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เป็นผู้ชายที่หล่อเหลาเอาการดูเป็นผู้ใหญ่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไป แต่ลูกสาวเธอนี่สิ...หลินคิดแล้วก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดกับลูกเขยอย่างตรงไปตรงมา
"อาเทียนยังไงหม่าม๊าก็ขอฝากลูกสาวของม๊าด้วย หากน้องทำไม่น่ารักและอาเทียนไม่อยากเอ็นดูน้องแล้วแค่อาเทียนบอกมาคำเดียว ม๊าจะมารีบไปรับน้องกลับอย่างเร็วที่สุด" หลินพูดด้วยน้ำเสียงหวานนุ่มแต่ทุกคำพูดนั้นเต็มไปด้วยความจริงจังที่คนฟังนั้นรู้ดี
"ครับหม่าม๊าหลินอย่าเป็นกังวลผมจะดูแลภรรยาผมเป็นอย่างดี" อนาคตผู้นำตระกูลเฟิงให้คำมั่นสัญญาทำให้ผู้ใหญ่ที่ฟังอยู่ยกยิ้มยกเว้นผู้เป็นบิดาเจ้าสาวกับผู้เป็นพี่ชายที่ยังคงหน้าตึงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนเจ้าสาวผู้ที่ยังมีผ้าคลุมศีรษะคลุมเจ้าสาวอยู่นั้นไม่มีใครรู้เลยเจ้าตัวนั้นนั่งกลอกตาเบะปากพร้อมกับพูดจาขมุบขมิบตามคำที่ว่าที่สามีพูดให้คำสัญญากับครอบครัวตัวเองตลอดเวลาด้วยเพราะเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ
"ถ้าอย่างนั้นอาปาขออวยพร" ซีซวนเอ่ยปากหลังจากที่ใช้เวลาพูดคุยนานแล้วเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวที่นั่งอยู่เคียงข้างกันขยับท่าทางนั่งตัวตรงพร้อมคำยกมือคำนับรับคำอวยพรเนื่องจากทั้งสองครอบครัวยึดถือปฏิบัติตามพิธีโบราณ การส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอจึงเป็นสิ่งที่ดูศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะถูกจับคลุมถุงชนมากี่รุ่นต่อกี่รุ่นก็ไม่มีการหย่าร้างหรือเลิกรากันไปมีแต่อยู่กันอย่างเป็นสุขช่วยเสริมสร้างครอบครัวเชิดหน้าชูตาของตระกูลเป็นอย่างดี
"ให้ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชรให้รักใคร่ครองคู่กันยืนนาน" ผู้นำตระกูลเฟิงคนเอ่ยขึ้นเป็นคนแรกคล้ายเป็นวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้คู่บ่าวสาวนั้นตอบรับอย่างจริงจังกระทั้งลี่ถิงก็ฟังอย่างตั้งใจ
"ขอบคุณครับอาปา//ขอบคุณค่ะอาปา"
"ม๊าซูลี่ขออวยพรขอให้ชีวิตคู่ของทั้งสองคนนั้นสุดพิเศษมีความสุขในทุก ๆ วัน คอยเกื้อหนุนค้ำจุนกันไปตลอดหนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กันรักกันยืนยาวตลอดไป" ตาม
"ขอบคุณครับหม่าม๊า//ขอบคุณค่ะหม่าม๊าซูลี่"
"อาปาขอให้ทั้งสองคนรักกัน" เป็นคำอวยพรที่สั้นที่สุดที่มาจากปากของหลี่เจี๋ยเพราะตัวเองนั้นรู้ดีว่าบ่าวสาวที่ถูกจับคลุมถุงชนนั้นมิได้มีความสมัครรักใคร่
"ขอบคุณครับอาปา//ค่ะอาปา" ถิงถิงคิดขำให้คำอวยพรของบิดา แต่ใครจะไปรักกับผู้ชายเจ้าชู้ผู้นี้ลงกันเล่าบิดาเธอนี่ช่างอารมณ์ขันนักเชียว
"เอาล่ะหม่าม๊าขอให้ทั้งคู่อยู่เคียงข้างกันไปตลอดเป็นดั่งมังกรกับหงส์ที่สง่างามไปปรากฏกายที่ไหนก็มีแต่คนรักและเคารพ" หลินเป็นผู้อวยพรเป็นคนสุดท้าย
"ขอบคุณม๊าหลิน//ขอบคุณค่ะหม่าม๊า"
"เอาล่ะ ๆ จบพิธีส่งตัวแล้วพวกเราออกกันเถอะปล่อยให้บ่าวสาวเค้าใช้เวลาส่วนตัว" ซีซวนผู้นำตระกูลเร่งเร้าคนที่อยู่ภายในห้องหอก่อนที่จะออกมาเป็นคนแรก
"หม่าม๊ากับอาปาไปก่อนนะถิงถิง" ผู้เป็นมารดาเอ่ยด้วยน้ำบุตรสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนจะลากผู้เป็นสามีที่ยืนอิดออดไม่ไปไหน ถ้าไม่ลากออกไปมีหวังยืนเฝ้าลูกสาวอยู่แบบนี้ถึงเช้า
"อาปาออกไปก่อนอาเสี่ยวถิง" หลี่เจี๋ยพูดด้วยความเศร้าสร้อยเหมือนกับว่าตนเองนั้นจะไม่เจอลูกสาวอีกอย่างนั้น
"เฮียไปก่อนนะ" หยางพี่ชายคนโตก็มีน้ำเสียงไม่ต่างจากบิดา
"อาปาหม่าม๊าเฮียหยางพรุ่งนี้เจอกันนะคะ" น้ำเสียงสาวน้อยที่พูดออกมานั้นก็เศร้าสร้อยไม่แพ้กันยามที่ทุกคนกำลังจะออกไปทิ้งเธอไว้เพียงลำพังกับคนแปลกหน้าที่เป็นสามีหมาดๆ
ปึง!
เสียงประตูปิดตามหลังตามด้วยเสียงฝีเท้าที่ห่างออกไปไกล ทำเอาสาวน้อยในชุดแต่งงานสีแดงลายหงส์ถอนหายใจออกมาอย่างแรงทั้งยังขยุกขยิกตัวขยับไปมาไม่อยู่สุขอีกทั้งยังได้ยินเสียงบ่นงึมงำออกมาฟังไม่ได้ศัพท์ โดยไม่รู้เลยว่ากิริยาทุกอย่างนั้นอยู่ในสายตาบุรุษมังกรอนาคตผู้นำตระกูลเฟิงมองด้วยความประหลาดใจคิ้วหนายกขึ้นสูงก่อนจะจุดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
เฟยเทียนยืนกอดอกมองสาวน้อยในชุดกี่เพ้าสีแดงปักลายหงส์สายตาคมกวาดตามองตามร่างงามสะโอดสะองอย่างอดไม่ได้ที่จะชื่นชมและเพ่งพิจารณาโฉมงามที่นั่งไม่อยู่สุขอยู่นาน ก่อนที่หญิงสาวที่ดูจะความอดทนต่ำเป็นคนเปิดผ้าคลุมเจ้าสาวออกมาด้วยใบหน้าบูดบึ้งชัดเจน
"คุณ!"
"ทำไมไม่รอให้ฉันเปิดผ้าคลุมออกเธอละเลยพิธีการหรืออย่างไร" เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดดุทั้งยังมองเธอด้วยสายตาที่ดุดันไม่ต่างกัน
"รอมาครึ่งชั่วโมงแล้วยังต้องรออีกเหรอคะ" เจ้าสาวหมาด ๆ หน้าตึงตวัดสายตามามองผู้เป็นสามีและเธอเพิ่งเคยเห็นสามีตัวเป็น ๆ ก็ตอนนี้
ใช่ลี่ถิงเพิ่งเคยเจอผู้ชายคนนี้แต่ว่าเธอเคยเห็นเขาจากแหล่งโซเชียลต่าง ๆ มากมายจนเอียน ลี่ถิงมองคนแก่กว่าด้วยใบหน้าเรียบตึง สองแขนยกขึ้นกอดอกเดินหมุนรอบตัวเจ้าบ่าวของเธอ เธอวนดูอยู่สามรอบจนคิดว่าตัวเองกำลังมึนก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าปรับสายตามองไปที่ใบหน้าคมคายเหมือนพระเอกหนังฮ่องกง ชื่ออะไรนะที่อายุเยอะ ๆ อืม..จำไม่ได้ช่างมันเถอะ แต่ว่า...หน้าแบบนี้นี่สินะที่ทำให้ผู้หญิงตามกันขบวน
"ฉันรู้ว่าฉันหล่อแต่เธอคงไม่รู้ว่าการมองแบบนี้มันไม่ใช่พื้นฐานของผู้ที่มีมารยาทดีไหนว่าตระกูลจางมีชื่อเสียงเรื่องความงดงามของลูกสาวที่ร่ำลือไปไกลแถมยังพูดชมเชยเรื่องมารยาทที่งดงามเลื่องลือ หลายตระกูลใหญ่เข้ามาแวะเวียนอยากสมัครเป็นว่าที่ลูกเขยไม่ขาด" ดวงตาคมของเฟยเทียนมองไปที่หญิงสาวที่ยังหน้าบึ้งตึง สายตากวาดขึ้นลงไปมาไม่ต่างจากที่หญิงสาวได้กระทำก่อนจะพูดต่อ
"แต่ที่ฉันเห็นนี่ห่างไกลค่ำร่ำลือนั้นไปไกลนัก นี่ไม่ใช่เด็กกะโปโลหรอกหรือ"
ลี่ถิงถลึงตามองเจ้าบ่าวหมาด ๆ พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่ากำลังหลอกด่าตระกูลของเธออยู่รึยังไง
เฟยเทียนมองคนเด็กกว่าด้วยสายตาเปลี่ยนไปไหนบอกว่าลูกสาวตระกูลจางกิริยามารยาทงดงามหาที่ติไม่ได้แล้วที่เห็นนี่อะไร