3 ร่วมมืออย่างไม่ตั้งใจ
พิมพ์นาราทำตัวไม่ถูกทั้งตกใจทั้งไม่เข้าใจ แต่ก็ปรับสีหน้าให้เหมือนกับอยู่ในละครได้อย่างรวดเร็ว คนตัวเล็กขยับชุดเดรสให้ร่นขึ้น จนเผยให้เห็นต้นขาเนียนสวย แล้วจึงใช้สองแขนคล้องคอฝ่ายชายให้อยู่ในลักษณะเหมือนกับที่คนรักเขาทำกัน
“ขนมเข้ามาได้ยังไง พี่ว่าพี่ล็อกประตูไว้แล้วนะ” กวีวัธน์ประคองแผ่นหลังของพิมพ์นาราให้ลุกขึ้นนั่งดี ๆ ท่าทางอ่อนโยนเหมือนกับที่คู่รักทั่วไปทำกัน
“พี่กวีกำลังทำอะไร” กัญวราถามซ้ำอีกครั้ง ผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของกวีวัธเธอจำได้ตั้งแต่ต้นว่าเป็นใคร
“อ้อ...จริงสิ ดูเหมือนขนมน่าจะจำไม่ได้ว่าเมื่อวันก่อนเกิดอะไรขึ้น นั่งอยู่ข้างกันแท้ ๆ แต่ทำไมลืมไปแล้วล่ะ” เขาไม่พูดเปล่าแต่ยังหอมแก้มนุ่มของหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างรักใคร่
พิมพ์นาราไม่ได้ปัดป้อง เพราะเธอเองก็กำลังสนุกไปกับการยั่วโมโหแม่ลูกสาวตัวจริง
“พี่กวี ตอนนั้นที่ขนมทำไปวันนั้น เป็นเพราะขนมคิดไม่รอบคอบ พี่กวีค่ะ ขนมคิดได้แล้วเรากลับมารักกันเหมือนเดิมเถอะนะคะ เมื่อก่อนหน้านี้ทุกอย่างมันก็ดีมากไม่ใช่เหรอ”
กวีวัธน์ใช้หัวเข่าสะกิดพิมพ์นาราถึงเวลาที่เธอต้องออกโรงเสียที หญิงสาวทำหน้ามุ่ยถอนหายใจเบา ๆ อย่างรำคาญใจ ก่อนจะเริ่มสวมบทบาทนักแสดงมากฝีมือ
“อา....จุ๊ ๆ ไม่เอาไม่พูดแบบนั้นสิ คุณขนม ตอนนี้คุณขนมไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นแล้วนะคะ” เนื่องด้วยอายุเท่ากันและคุณแม่ขอร้องเอาไว้พิมพ์นาราจึงยอมเรียกอีกฝ่ายที่อายุเท่ากันว่าคุณ ไม่ใช่คำหยาบอีกคำหนึ่ง
“คุณของขวัญหมายความว่ายังไง” กัญวราเองก็เรียกคุณของขวัญจนชินปาก
“ตอนนี้คุณกวีเป็นว่าที่สามีของของขวัญค่ะ คุณขนมควรจะ....รักษามารยาทสักนิดหนึ่งนะคะ อ้อ...แต่ของขวัญเข้าใจได้นะคะ เพราะคุณขนมเติบโตมาในสังคมแบบนั้น อาจจะชินกับการทำเรื่องอะไรแบบนี้ แต่ว่าคุณขนมคะ ไหน ๆ ก็ได้อัปเกรดสถานะตัวเองแล้ว ช่วยทำตัวให้สูงส่งเหมือนกับชาติกำเนิดของตัวเองสักหน่อยไม่ได้เหรอ”
กัญวรากำหมัดแน่นปิดเปลือกตาลงเล็กน้อยอย่างคิดอะไรก่อนจะเริ่มพูด
“พี่กวี” น้ำเสียงของกัญวราอาลัยอาวรณ์ แต่ยังไม่ทันจะพูดได้ครบประโย คก็ถูกชายหนุ่มตรงหน้าขัดจนพูดต่อไม่ได้
“ได้ยินแล้วใช่ไหมครับ กลับไปเถอะ พี่อยากใช้เวลากับของขวัญน่ะ” กวีวัธน์ใช้มือเชยปลายคางของพิมพ์นารา พลางใช้ปลายนิ้วโป้งไล่วนอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่เป็นสีแดงสดของนักแสดงสาว
“พี่กวี เรากลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เหรอคะ” กัญวราอ้อนวอนอีกครั้ง “ขนมรู้นะคะที่พี่กวีทำแบบนี้เพราะต้องการประชดขนม ต้องการทำให้ขนมเสียใจ ขนมรู้ว่าขนมทำผิด ให้โอกาสอีกครั้งไม่ได้เหรอคะ เรื่องแต่งงานขนมจะไปบอกคุณพ่อให้เปลี่ยนตัวเจ้าสาวเป็นขนม ขนมจะไม่ดื้อแล้วขนมจะเป็นเด็กดีของพี่กวี”
“ขอโทษนะขนม” พูดจบริมฝีปากหยักก็จุมพิตริมฝีปากนุ่มละมุนของพิมพ์นาราอย่างดูดดื่ม กลิ่นไวน์หอมอ่อน ๆ เจือจางอยู่โพรงปากของคนตัวเล็ก
พิมพ์นาราตกใจนิดหน่อย แต่ก็พยายามทำตัวลื่นไหล แสดงบทบาทของคนรักให้แนบเนียนที่สุด อาจจะเป็นเพราะเมาหรือเปล่านะ ทำให้เธอรู้สึกว่าจูบของกวีวัธน์ดีกว่าพวกนักแสดงชายที่เธอเคยเล่นด้วยทั้งหมด
“อืม” ร่างเล็กร้องครางออกมาแผ่วเบา ยิ่งจูบกันนานมากขึ้นเท่าไหร่ สติสัมปชัญญะของพิมพ์นาราก็ยิ่งเลอะเลือนมากขึ้นเท่านั้น “เดี๋ยวค่ะคุณกวี” เธอผละออกใช้นิ้วเช็ดคราบลิปสติกสีแดงที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างลืมตัว
“ครับ?” กวีวัธน์ถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง ตั้งใจฟังว่าหญิงสาวตรงหน้ากำลังจะพูดอะไร
“คุณขนมยังอยู่ที่นี่นะคะ ถ้ายังไง...ให้พวกลูกน้องของคุณ มาพาคุณขนมออกไปก่อนดีไหมคะ ของขวัญอยากอยู่กับคุณกวีแค่สองคน” พิมพ์นาราพูดจาออดอ้อน “แล้วก็...ถึงตอนนั้นคุณขนมกับคุณกวีจะคุ้นเคยกัน เคย...ทำเรื่องอะไรแบบนั้นกัน แต่ว่า...ตอนนี้คุณกวีเป็นของของขวัญแล้ว ของขวัญหวงค่ะ” คนตัวเล็กทำหน้ามุ่ยแล้วดึงสาบเสื้อสองข้างของกวีวัธน์มาปิดเอาไว้
“งั้นสินะครับ” กวีวัธน์ผละออกมาจากพิมพ์นารา ลุกขึ้นไปเปิดประตูห้อง สักพักหนึ่งคนของเขาที่รออยู่ก่อนแล้ว ก็เข้ามาเชิญให้กัญวราออกไป ชายหนุ่มหยุดยืนสบตาอยู่กับเธอที่หน้าห้องครู่หนึ่ง
“พี่กวี พี่คิดดีแล้วจริง ๆ ใช่ไหมคะ” กัญวราเงยหน้าสบตากับชายหนุ่มดวงตาคู่สวยคลอปริ่มไปด้วยหยาดน้ำใส ๆ ทั้งขอบตาและจมูกเป็นสีแดงระเรื่ออย่างน่าสงสาร กวีวัธน์เกือบจะใจอ่อนแล้ว เป็นอีกครั้งที่เธอใช้น้ำตามาหลอกล่อให้เขาสงสารและเห็นใจเธอ
“คิดดีแล้วครับ น้ำตาของขนมใช้กับพี่ไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้วนะ โดยเฉพาะเด็กเลี้ยงแกะอย่างขนม”
กัญวราอึ้งคราวนี้เธอร้องไห้เสียใจจริง ๆ
“แต่ขนมยังรักพี่กวีเหมือนเดิมนะคะ พี่กวีเรามานั่งคุยกันหาทางออกร่วมกันเถอะนะคะ”
“คุณกวี” พิมพ์นาราเรียกชื่อเขา
“ครับ ไม่มีอะไรจะคุยแล้วล่ะ พี่ขอไปใช้เวลาร่วมกันกับของขวัญก่อนนะ หวังว่าเราจะได้พบหน้ากันน้อยลง” เขายิ้มรับแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง ประตูห้องสวีทปิดลง ทิ้งกัญวราและลูกน้องเอาไว้ด้านนอก
ตอนนี้ภายในห้องสวีทเงียบสงบ พิมพ์นารายังคงนั่งอยู่ที่โซฟาตัวเดิม มือข้างหนึ่งถือแก้วไวน์กระดกจนหมดแก้ว เสื้อผ้าบนตัวเจ้าหล่อนยังอยู่ครบถ้วน กวีวัธน์ส่ายศีรษะเล็กน้อยเดินมานั่งข้าง ๆ กัน
“ต่อไหมคะ”
“...” เขายังไม่ทันตอบคำถาม ร่างเล็กนุ่มนิ่มก็ขยับขึ้นมานั่งอยู่บนตัก แถมยังกลั่นแกล้งเขาด้วยการบดเบียดสะโพกเบา ๆ
“ถ้าคุณผลักออก ฉันจะกลับ แต่ฉันรู้คุณไม่ทำหรอกเพราะ...” ยัยขี้เมาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าแสนยั่วยวน
พิมพ์นารารู้สึกได้ตั้งแต่เขาจูบเธอเมื่อครู่แล้ว ของแข็งบางอย่างที่ซุกซ่อนตัวอยู่ภายในกางเกงสแล็คมันกำลังอึดอัด อยากจะโผล่หน้าออกมาหายใจจะแย่อยู่แล้ว
“คุณพูดเองนะ”