2 ช่วยหน่อย
ห้องสวีทสุดหรูเป็นสถานที่ที่กวีวัธน์เลือกใช้เป็นห้องเจรจากับพิมพ์นารา ส่วนคนของเขาและเธอรออยู่ที่ลานจอดรถ มีบางส่วนเฉพาะที่เป็นคนของเขาเท่านั้น ที่ยืนดักอยู่หน้าห้องคอยระแวดระวังความปลอดภัย ชายหนุ่มเป็นคนเปิดประตูเข้าไปก่อน คนตัวเล็กจึงค่อยแทรกตัวเข้าไปยืนงงอยู่หน้าประตูห้องหลายนาที จนได้ยินเสียงของกวีวัธน์ร้องเรียกหา จึงได้สติและเดินตามเข้าไปสมทบ
“มานั่งก่อนสิ” กวีวัธน์เชื้อเชิญ
ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทตัวนอกออก พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวด้านใน เผยให้เห็นแผงอกแข็งแกร่ง พิมพ์นาราเห็นแล้ว เห็นทุกการกระทำ ทุกอย่างของเขา
คนตัวเล็กพ่นลมหายใจเล็กน้อยอย่างตั้งสติ แล้วจึงเดินไปนั่งยังโซฟาตัวเล็กข้าง ๆ กัน ทันทีที่นั่งลงกระโปรงรัดรูปตัวยาวสีดำก็ร่นขึ้นไปจนครึ่งขาอ่อน
“สามปี” กวีวัธน์พูดขึ้นพร้อมกับเอนแผ่นหลังพิงกับโซฟา
ท่าทางของเขายังคงสบาย ๆ เหมือนกับเมื่อกี้ ดูเหมือนคนที่ร้อนใจคงมีแต่เธอเพียงคนเดียว
“สามปีคืออะไร” พิมพ์นาราถามกลับอย่างแสร้งไม่เข้าใจว่าเขากำลังหมายถึงอะไร
“ไม่คิดว่าคุณของขวัญจะไม่ฉลาด งั้นผมจะพูดให้คุณเข้าใจง่าย ๆ เราจะแต่งงานกันแค่สามปี หลังจากนั้นผมจะหย่าให้” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่ยี่หระ
เมื่อวันก่อนเขาดันไปได้ยินเรื่องไม่เป็นเรื่องมา เจ้าสัวสัมฤทธิ์ กำลังจะหาวิธีการกำจัดกาฝากที่เป็นตัวปัญหาอย่างเธอ ออกไปให้พ้นทาง เพื่อที่จะเคลียร์ทางเดินที่ปูด้วยพรมแดง ให้ลูกสาวตัวจริงได้กลับคืนสู่สถานะเดิม นี่จึงนับว่าเป็นโอกาสทองของเขา ที่จะได้แก้แค้นให้ผู้หญิงคนนั้นเจ็บปวดทรมานให้ได้มากที่สุด โดยมีพิมพ์นาราเป็นส่วนหนึ่งของเกมครั้งนี้
พิมพ์นาราแสร้งทำสีหน้าฉงนอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่กวีวัธน์พูด
“คุณกำลังจะพูดเรื่องอะไรกันแน่”
“อย่ามาทำไขสือนักเลยคุณของขวัญ แต่งงานกับผมสามปี หลังจากนั้นเราจะหย่ากัน ทันทีที่หย่ากันผมจะส่งคุณไปอยู่ต่างประเทศ ยุโรป อเมริกา หรือที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ที่คุณต้องการ ไปอยู่ในที่ที่อิทธิพลของเจ้าสัวสัมฤทธิ์ไปไม่ถึง” ระหว่างที่พูดกวีวัธน์ก็รินไวน์แดงราคาแพงใส่แก้วแล้วส่งให้เธอ “อา...แล้วถ้าคุณเพ็ญพักตร์ต้องการจะไปอยู่ด้วย ผมก็สามารถพาคุณสองคนแม่ลูกไปอยู่ด้วยกันได้”
เมื่อเขาพูดเรื่องนั้นพิมพ์นาราซึมลงเล็กน้อย คุณแม่ไม่ยอมไปหรอก ทุกอย่างของท่านอยู่ที่นี่แล้ว และเธอรู้ดีว่านี่คือช่วงเวลาบั้นปลายสุดท้ายของท่านแล้ว
“คุณรู้เรื่องนั้นได้ยังไง” พิมพ์นารามองน้ำสีแดงในแก้วที่ชายหนุ่มส่งให้ ดวงตาคู่สวยสีนิลหม่นแสง เอื้อมมือออกไปรับไวน์แก้วที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ของวันนี้ขึ้นมาดื่ม ดื่มหมดเขาก็รินให้เธออีกแก้ว
พอพูดถึงเรื่องนั้นแววตาของหญิงสาวตรงหน้าก็เศร้าลงไม่เหลือความร้ายกาจอวดดีเหมือนเมื่อครู่เลยสักนิด
“ไม่สำคัญว่าผมจะรู้เรื่องนั้นได้ยังไง เอาเป็นว่าคุณยอมรับข้อเสนอของผมหรือเปล่าแค่นั้นก็พอ”
“ฉันจะบอกให้คุณรู้เอาไว้นะคุณกวี ฉันไม่ได้มีค่าหรือสำคัญถึงขนาดจะใช่ต่อรองอะไรในเรื่องธุรกิจกับเจ้าสัวสัมฤทธิ์ได้หรอกนะ ฉันมันเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ คุณรู้ทุกอย่าง รู้ปูมหลังของฉันหมดแล้ว มันน่าตกใจอยู่เหมือนกันนะ ว่าทำไมผู้ชายอย่างคุณ ถึงเลือกมาดูตัวกับฉันแทนที่จะเป็นยัยนั่นที่เป็นลูกสาวตัวจริงของคุณพ่อ”
“เรื่องนั้นคุณไม่ต้องรู้หรอกคุณของขวัญ รู้แค่ว่าการแต่งงานกับคุณก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของผม ผมก็แค่...อยากแก้แค้นใครบางคน”
สิ่งที่กวีวัธน์พูดออกมานั้นพิมพ์นาราไม่เข้าใจเลยสักนิด
“แล้วทำไมต้องเป็นฉัน”
“เดี๋ยวอีกสักพักคุณก็จะรู้เองนั่นแหละว่าทำไมต้องเป็นคุณ”
พูดยังไม่ทันจบประโยคดีประตูห้องสวีทที่กวีวัธน์และพิมพ์นาราพักอยู่ด้วยกันในตอนนี้ ก็ถูกเคาะเสียงดังลั่น ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากดึงชายเสื้อออกจากกางเกงสแล็คที่ตัวเองสวมใส่ พิมพ์นารามองเขาอย่างตื่น ๆ แต่กระนั้นก็ไม่ได้โวยวายหรือพูดอะไรออกมา
“ช่วยหน่อยสิ” ร่างสูงส่งมือให้เธอ
คนตัวเล็กลังเลเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยอมยื่นออกมือออกไป ร่างเล็กนุ่มนิ่ม ถูกดึงเข้าสู่อ้อมแขนของกวีวัธน์ อย่างฉวยโอกาส ในตอนที่เธอไม่ทันระมัดระวังตัว
“ทำอะไรน่ะ” พิมพ์นารากำลังจะโวยวาย แต่กลับถูกกวีวัธน์ห้ามเอาไว้ก่อน
“อยากรู้ไหมว่าผู้หญิงที่เคาะประตูอยู่หน้าห้องคือใคร” เขาถามคำถามทั้งที่มือแกร่งยังคงโอบแผ่นหลังแบบบางของเธอเอาไว้
พิมพ์นาราดื่มไวน์ไปหนึ่งขวดกับอีกหนึ่งแก้ว ไม่ได้คิดจะลุกหนี พวงแก้มเป็นสีแดงระเรื่อส่ายหัวไปมา เริ่มรู้สึกได้ถึงความต้องการบางอย่าง แล้วคนที่อยู่ด้านนอกเป็นใคร มันจะเกี่ยวอะไรกับเธอกันล่ะ?
“เรื่องนี้มันเกี่ยวกับการแต่งงานของเราด้วยเหรอ” เธอถามกลับ มือเรียวเล็กเผลอยกขึ้นมาวางทาบทับอยู่บนแผงอกแข็งแกร่งของชายหนุ่มอย่างลืมตัว
“ข้างนอกคือผู้หญิงที่ทั้งผมและคุณต่างก็เกลียดด้วยกันทั้งคู่” ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองลึกเข้าไปในแววตาของอีกฝ่าย ทรวงอกอวบอิ่มของพิมพ์นาราบดเบียดอยู่บนตัวเขา พูดก็พูดผู้หญิงคนนี้ มีเสน่ห์ใช่เล่นไม่อย่างนั้นจะได้ฉายาผู้หญิงในฝันของชายหนุ่มหลาย ๆ คนมาหลายปีซ้อนได้ยังไงล่ะ
“แม่ลูกสาวตัวจริงน่ะเหรอ” คนที่เธอเกลียดในตอนนี้นอกจากตัวเองก็มีแค่กัญวรา
“ถูกต้อง” เขาบอกพรางปัดปอยผมที่ปรกหน้าเธอออกอย่างอ่อนโยน
พิมพ์นาราทำตาปริบ ๆ ที่พูดออกไปก็แค่เดาสุ่มไม่คิดว่าคนที่เธอและเขาเกลียดจะเป็นคนเดียวกัน
ปั้ง!!! ๆๆๆ
“เปิดประตูนะคะ พี่กวี ขนมรู้ว่าพี่อยู่ในนั้น”
“จริงด้วย เป็นแม่นั่นจริง ๆ” ตอนที่คนหน้าห้อง พูดแทนชื่อของตัวเอง ก็เป็นการยืนยันว่า ผู้หญิงที่เขาและเธอเกลียด คือกัญวราจริง ๆ “แล้วฉันต้องทำยังไง” เธอถามก่อนที่จะพยายามใช้สองแขนดันตัวเองให้ลุกขึ้นออกจากอกเขาเสียที
“ผมเคยดูละครคุณน่ะ ผมรู้ด้วยว่าคุณจบวิทยาลัยการแสดงเป่ยเตี้ยน อยากเห็นเหมือนกันว่านักเรียนต่างชาติหัวกะทิที่เข้าเป่ยเตี้ยนได้เนี่ย ฝีมือการแสดงจะเก่งกาจขนาดไหน” เขารั้งเธอเอาไว้ไม่ยอมให้ลุกหนีไปไหน
เขารู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเธอหมดเลยสินะ
“ได้ แต่...ค่าตัวแพงนะ” พิมพ์นาราเริ่มมองความต้องการของเขาออกคร่าว ๆ แล้ว “ว่าแต่คุณดูละครของฉันที่เป็นเรตไหนล่ะ” คนตัวเล็กกระซิบ หากไม่ใช่การทำงานและไม่เมาเธอก็คงไม่ใจกล้าถึงขั้นยอมทำอะไรแบบนี้
กวีวัธน์ยังไม่ทันจะได้ตอบประตูห้องก็ถูกเปิดออก ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้นร่างเล็กของพิมพ์นาราก็ถูกพลิกกลับไปอยู่ใต้อาณัติของเขา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่กัญวราเดินเข้ามาถึงจุดที่คนสองคนกำลังอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันพอดิบพอ
“พี่กวี” กัญวราเรียกชื่ออดีตคนรักของตัวเอง
กวีวัธน์ไม่ได้ตอบในทันที แต่ก้มลงไปจุมพิตพิมพ์นาราก่อน ถึงจะกลับมาพูดคุยกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญแต่ตั้งใจให้มา