ความสูญเสีย(4)
“ไปอยู่แล้ว ฉันอยากทำอะไรเพื่อท่านเป็น ครั้งสุดท้าย”
นับตั้งแต่วันที่เธอนั้นได้ทุนการศึกษาไปเรียนที่ประเทศจีน ก็ไม่เคยได้กลับมากราบอิศราอีกเลย ตอนที่ผู้มีพระคุณล้มป่วยนอนโรงพยาบาล น่าเสียดายที่เธอติดการสอบครั้งใหญ่จึงปลีกตัวมาไม่ได้
“ท่านเป็นคนดีมาก ช่วยเหลือครอบครัวของเรามาโดยตลอด”
ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้า ตอนที่ทราบข่าวจากเพื่อนสนิทอย่างอัครนัยตัวเขาเองก็ตกใจกับการจากไปกระทันหันของคุณอิศรา
“แล้วพี่จะไปช่วยงานด้วยหรือเปล่า”
เมธาวินส่ายหน้า งานวันแรกๆเขาคงไม่สะดวกไปเพราะต้องสลับกับภรรยาเพื่อเลี้ยงลูกคนเล็กที่เพิ่งคลอด
“คงไปไม่ได้หรอก ต้องช่วยลูกปัดดูแลเด็กๆ”
ป่านนี้ปัทมาคงจะชะเง้อรอคอยเขาอยู่หน้าบ้านแล้ว ช่วงนี้ภรรยาสาวคนสวยเพิ่งคลอดลูกและมีภาวะหลังคลอดที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้เขาต้องคอยประคบประหงมตลอดเวลา
“งั้นไม่เป็นไรเดี๋ยวหนูไปเอง ขอแวะซื้อพวงหรีดก่อนได้ไหม”
พี่ชายพยักหน้า หมุนพวงมาลัยจอดรถริมทางหน้าร้านขายดอกไม้ขนาดใหญ่ หลังได้พวงหรีดลายที่ต้องการมาริสาและเมธาวินก็มุ่งหน้ากลับบ้านทันที…
ช่วงเย็นมาริสาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำและกางเกงสแล็คสีเดียวกัน เธอรวบผมเกล้าขึ้นกลางศีรษะ หยิบกุญแจรถและเดินไปหาผู้เป็นพ่อ
“เดี๋ยวหนูไปก่อนนะคะพ่อ”
ชายวัยกลางคนยังทำใจไม่ได้ต่อการจากไปของผู้มีพระคุณ เขาเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องและนี่เป็นวันแรกที่ยอมออกมา ปราโมทย์รู้จักกับอิศรามานาน อีกฝ่ายคอยช่วยเหลือเกื้อกูลครอบครัวของเขามาโดยตลอด ในช่วงเวลาที่เขาลำบากแสนสาหัสก็ได้อิศรายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งยังส่งเสียมาริสาและเมธาวินเรียนจนจบสูงทั้งคู่
บุญคุณยังใช้ไม่ทันหมดอีกฝ่ายก็โบยบินจากไป ด้วยเหตุนี้ปราโมทย์จึงรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก ทั้งยังรู้สึกผิดที่คอยสร้างความเดือดร้อนให้อิศราอยู่เสมอ
“ไปเถอะลูก ไว้พ่อพร้อม พ่อจะไปนะ”
ชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงสั่นเครือ สำหรับเขาแล้วอิศราไม่ใช่แค่ผู้มีพระคุณ แต่ยังเปรียบเสมือนพี่ชาย
มาริสายืนมองพ่ออยู่พักใหญ่ เธอรับรู้ได้ถึงความโศกเศร้าของบิดา แผ่นหลังที่ค้อมเล็กน้อยสั่นสะท้านเบาๆแต่ไร้เสียงสะอื้นให้ได้ยิน…
รถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่แล่นเข้ามาภายในวัดขนาดใหญ่ มาริสาก้าวลงจากรถพร้อมกับพวงหรีด เธอเดินตรงไปหาอัครนัยที่ยืนรับแขกอยู่ด้านหน้า ยกมือไหว้เขาอย่างนอบน้อม ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากทั้งสอง
หญิงสาวปลีกตัวเข้าไปด้านในเพื่อจะช่วยเสิร์ฟน้ำและอาหาร ในขณะที่ชายหนุ่มนั้นแอบชำเลืองมองเธอเป็นระยะ
อัครนัยรู้จักกับครอบครัวของมาริสาดี เนื่องจากพ่อของหญิงสาวเป็นรุ่นน้องพ่อของเขาที่ มหาลัยวิทยาลัย ทั้งสองสนิทสนมและคอยช่วยเหลือกันมานาน ทั้งพ่อของเขายังสนับสนุนทุนการศึกษาให้หญิงสาวไปเรียนถึงต่างประเทศ
อัครนัยไม่เคยอิจฉา ไม่เคยรังเกียจมาริสา เขาชื่นชมในความมุมานะและความขยันขันแข็งของเธอ หญิงสาวเป็นคนกระตือรือร้น แม้ว่าพ่อของเขาจะสนับสนุนเงินทุนและค่าของชีพ แต่มาริสากลับเลือกที่จะรับอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
“เสียใจด้วยนะหลาน”
ชายหนุ่มชะงักก่อนจะหันกลับมา เขายกมือไหว้ชายชราตรงหน้าเอ่ยขอบคุณที่อีกฝ่ายสละเวลาสำคัญมาร่วมงานศพในวันนี้
“ขอบคุณนะครับที่มา”
แม้จะเป็นคู่แข่งกันทางธุรกิจ แต่ในวาระสุดท้ายเขาก็ไม่อยากทำตัวแร้งน้ำใจ ชายชราเดินเข้าไปด้านในหลังจากที่ไหว้เสร็จสรรพ เขาก็อาสาเป็นเจ้าภาพในคืนถัดไป ทั้งยังพิมพ์หนังสือมาแจกเป็นที่ระลึกสำหรับแขกที่มาร่วมงาน
น้ำใจของคู่เเข่งทางธุรกิจทำให้ชายหนุ่มรู้สึกซาบซึ้ง เขาเอ่ยขอบคุณชายชราอีกครั้งก่อนจะเดินไปส่งที่รถ
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยนะครับ ถ้าพ่อรู้คงจะดีใจมากที่คุณมาร่วมงานในวันนี้”
ชายชราพยักหน้ายกยิ้มน้อยๆ เขายอมรับว่าเมื่อสมัยหนุ่มๆเคยฟาดฟันกับอิศรามามาก ทั้งเรื่องงานและเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อเติบโต ต่างฝ่ายต่างอายุมากขึ้น เรื่องเหล่านั้นก็กลายเป็นเพียงเรื่องเล่าที่ตลกขบขัน
ก่อนหน้าที่อิศราจะล้มป่วยเขายังชวนมาสังสรรค์อยู่บ่อยครั้ง ไม่คิดว่ามิตรภาพที่ดีนั้นจะสั้นเสียเหลือเกิน ไม่ทันได้สร้างความทรงจำดีๆเขาก็ด่วนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
“เสียใจด้วยนะหลาน พ่อเขาไปสบายแล้ว เรายังอยู่ก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป”
ชายหนุ่มพยักหน้า ประคองแขกผู้ใหญ่ขึ้นรถและปิดประตูให้อย่างสุภาพ รถหรูเคลื่อนจากไปอัครนัยจึงเดินกลับเข้ามาในงาน
“ดื่มน้ำก่อนนะคะคุณนัย”
มาริสาเห็นว่าลูกชายผู้มีพระคุณนั้นยืนรับแขกมานานหลายชั่วโมง ไม่แตะน้ำไม่แตะอาหารเลยแม้แต่นิดเดียวจึงได้เดินนำมาให้
“ขอบคุณนะที่มา”
หญิงสาวยกยิ้มบางพยักหน้าเบาๆ อิศราเป็น ผู้มีพระคุณเธอจะไม่มาได้ยังไง ที่ชีวิตของเธอมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะความเมตตาของท่าน
“ฉันได้ยินว่าคุณนวลนางไม่ค่อยสบาย ยังไงฉันขออนุญาตมาช่วยงานทุกวันเลยนะคะ ฉันอยากทำอะไรตอบแทนคุณท่านสักครั้ง”
ชายหนุ่มเพียงพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวมาช่วยงานก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะตอนนี้ทั้งแม่และน้องสาวก็ไม่สามารถเดินทางมาได้ ส่วนญาติๆของเขาก็ไม่สะดวก เพราะทุกคนต่างก็วุ่นวายกับภารกิจส่วนตัว อีกทั้งส่วนใหญ่ก็อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ทำให้ไม่สะดวกที่จะเดินทางมาร่วมงานในวันนี้
อัครนัยมองตามร่างบางที่เดินกลับเข้าไปในงาน เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เขานั้นมีรอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนใบหน้าที่เรียบเฉย