ภรรยาที่บอสตั้งใจไม่รัก

47.0K · จบแล้ว
ปะหนัน
37
บท
1.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะเงื่อนไขของผู้เป็นพ่อที่ล่วงลับทำให้ชายหนุ่มนั้นต้องตัดสินใจแต่งงานกับมาริสาเพื่อผลประโยชน์ แต่เมื่ออยู่กันไป ความรู้สึกของเขากลับถลำลึก แม้ไม่รู้ว่าสุดท้ายเธอจะคิดแบบเขาหรือเปล่า แม้ว่าเธอจะพยายามขับไสไล่ส่งเขามากแค่ไหน แต่ไม่มีทางที่เขาจะยอมไป....แม้ว่าจะต้องเจ็บปวดก็ตาม /*/*/*/ “พรุ่งนี้ครบรอบหนึ่งปีเเล้ว ฉันว่าถึงเวลาแล้วค่ะที่เราควรจะหย่ากันสักที” อัครนัยนิ่งเฉยกว่าที่คิด นับตั้งแต่วันที่แต่งงานเขาก็ไม่เคยนึกถึงเรื่องหย่า ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตกับ หญิงสาวไปเรื่อยๆ เพราะเขารู้สึกดีกับเธอจากใจจริง จนบางทีอาจพัฒนาเป็นความรักไปแล้ว “ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ทิ้ง” หญิงสาวรู้สึกอึดอัดที่ชายหนุ่มพูด มันดูยากกว่าที่คิด อัครนัยยืนกรานว่าจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด สร้างความลำบากใจให้กับมาริสาเป็นอย่างมาก “ฉันเบื่อ ฉันไม่อยากเป็นภรรยาคุณแล้ว ฉันอยากมีชีวิตอิสระ ฉันไม่เข้าใจว่าคุณจะกักขังฉันไว้ทำไม”

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันประธานพลิกชีวิตดราม่าสัญญาทางรักโรแมนติกแต่งงานก่อนรักฟินๆมีลูก

ความสูญเสีย(1)

ตอนที่ 1

ความสูญเสีย

เกิดแก่เจ็บตายเป็นสิ่งที่ธรรมชาตินั้นจัดสรรมาให้กับมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ แม้จะรู้ว่าวันนี้ต้องเดินทางมาถึง แต่อัครนัยก็ยากที่จะทำใจให้สงบ

ร่างสูงยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้มองดูผู้ให้กำเนิดที่นอนนิ่งมานานหลายเดือน ลมหายใจของพ่อสม่ำเสมอคล้ายกับคนนอนหลับธรรมดา

“ผมลำบากใจที่จะต้องพูดแบบนี้ แต่ร่างกายของคุณอิศราไม่ตอบสนองต่อการรักษา พวกเราทางทีมแพทย์จึงลงความเห็นว่าควรจะพูดคุยกับทางญาติเรื่องถอดเครื่องช่วยหายใจ ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะบีบคั้นให้คุณตัดสินใจแบบนี้ แต่หากเรายื้อต่อไป นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายแล้ว คนไข้อาจจะทรมานเพราะต้องทนอยู่กับความเจ็บปวด”

หมอผู้ผ่านการรักษาคนไข้มานับร้อยนับพันเอ่ยขึ้น ตลอดชีวิตของเขาอุทิศให้กับวงการแพทย์ดูแลรักษาคนป่วยให้หายจากอาการที่เป็นอยู่ ถึงอย่างนั้นก็มีบางส่วนที่เขาไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ ร่างกายและความทนทานของคนเรานั้นต่างกัน บางคนใจสู้แต่บางคนก็ไม่ขอสู้ต่อ ในช่วงแรกของการเป็นหมอตัวเขาเองก็รู้สึกอ่อนไหวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

เมื่อเวลาผ่านไปได้พบเห็นการเกิดแก่เจ็บตายบ่อยครั้ง ตัวเขาก็เริ่มปลง และมองเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่ธรรมชาติจัดสรรมาแล้ว

“เรื่องนี้ผมตัดสินใจเองไม่ได้หรอกนะ คงต้องกลับไปปรึกษาแม่กับน้องอิงก่อน”

ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเเผ่วเบา ในใจของเขาวูบวูบโหวงเมื่อรู้ว่าอีกไม่นานพ่อก็จะต้องจากไป ชั่วนิรันดร์ หากคนที่นอนเป็นผักอยู่ตรงหน้าทอดทิ้งไม่เหลียวแลเขา อัครนัยคงไม่รู้สึกเศร้าถึงเพียงนี้ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นพ่อที่ดีมาโดยตลอด ความทรงจำดีๆจึงไหลวนเข้ามาในหัวของเขากลั่นออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลริน

ชายหนุ่มที่เคยเข้มแข็งมาตลอดไม่เคยต้องเสียน้ำตาให้กับสิ่งใด แต่ครั้งนี้เขาอดกลั้นไม่ไหวจริงๆ จะแสร้งทำเป็นเข้มแข็งไปทำไมหากในใจของเขามันอยากร้องไห้อยู่รอมร่อ

ชายหนุ่มปลีกตัวออกมา เขานั่งอยู่ในรถหรูฟุบหน้าลงกับพวงมาลัย ปล่อยน้ำตาให้ไหลไร้เสียงสะอื้น แม้จะมีช่วงเวลาหลายเดือนเพื่อทำใจแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อดที่จะโศกเศร้าไม่ได้ ความทรงจำระกว่างเขากับพ่อมีแต่สิ่งดีๆให้ระลึกถึง ทำให้ชายหนุ่มนั้นรู้สึกอ่อนแออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ตัวเขาที่เป็นลูกยังรู้สึกเศร้าขนาดนี้ แล้วแม่ของเขาที่เป็นภรรยาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพ่อมานานจะรู้สึกเสียใจมากขนาดไหน ชายหนุ่มไม่อยากจะคิดเลยว่าหากมารดาได้รับข่าวร้ายจะเป็นอย่างไร

อัครนัยขับรถกลับมาที่บ้าน เขาพยายาม กลบเกลื่อนความเศร้าด้วยการทำตัวปกติแต่ถึงอย่างนั้นคนเป็นแม่อย่างนวลนางก็สังเกตเห็น เธอรู้ว่า ลูกชายเดินทางไปเยี่ยมผู้เป็นพ่อที่โรงพยาบาล แต่ ทุกครั้งที่กลับมาไม่เคยมีแววตาหม่นแสงแบบนี้มาก่อน

“มาหาแม่หน่อยได้ไหม นัย”

ปีนี้อายุเกือบ 60 แล้วใกล้เข้าสู่วัยชราเต็มที นวลนางจึงเข้าใจดีเรื่องการจากลา สามีเธออายุมากทำงานหนักมาทั้งชีวิต หากถึงเวลาที่เขาจะได้พักผ่อน เธอก็ยินดีที่จะปล่อยสามีไป แม้ว่าจะเป็นการจากลาชั่วนิรันดร์แต่ถึงอย่างนั้นก็ดีกว่ายื้อให้สามีสุดที่รักต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมาน

“พ่อกำลังจะไปจากเราใช่ไหม”

เธอพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่นแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำได้แสนจะยากเย็นนัก คู่ชีวิตที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานกว่า 40 ปีกำลังจะจากไป จะให้เธอห้ามความโศกเศร้าของตัวเองก็คงทำไม่ได้

นวลนางปาดน้ำตาก่อนจะเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“แม่ควรไปเยี่ยมพ่อเป็นครั้งสุดท้ายใช่ไหม”

ชายหนุ่มยืนนิ่งหลุบตามองปลายเท้า แม่น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นเขาก็จำเป็นต้องถ่ายทอดคำพูดของหมอให้ผู้เป็นแม่ฟัง

นวลนางฟังด้วยท่าทางสงบนิ่ง หัวใจของเธอรู้สึกร้าวรานแต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามเข้าใจกฎของธรรมชาติ 40 ปีที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่มีวันไหนที่เธอไม่มีความสุขเมื่อได้อยู่เคียงข้างอิศรา แม้ว่าวันนี้ต้องจากกันแต่ความทรงจำดีๆนั้นจะยังคงอยู่ตลอดไป

“หมอต้องการถอดเครื่องช่วยหายใจเพราะร่างกายพ่อไม่ตอบสนองการรักษาแล้ว ผมยังไม่ได้เซ็นอยากให้แม่เป็นคนตัดสินใจมากกว่า”

ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง เขาแทบจะยืนไม่อยู่ด้วยซ้ำแต่ก็ต้องเข้มแข็งต่อหน้าผู้เป็นแม่ นวลนางแตะไหล่ลูกชาย เธอรับรู้ถึงความเสียใจของมารดาเป็นอย่างดี อิสราเป็นพ่อที่ดี เป็นสามีที่ดีเยี่ยม เขาไม่เคยสร้างความเดือดร้อนหรือสร้างความลำบากใจให้ครอบครัว ความดีของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกโศกเศร้าเสียใจต่อการสูญเสีย

“แม่รู้ว่ามันยากที่จะทำใจ แม่เองก็เสียใจและเจ็บปวดที่ต้องปล่อยพ่อไป แต่หากเรายื้อไว้คนที่จะทรมานก็คือพ่อ และแม่ไม่ต้องการแบบนั้น แม่ต้องการให้พ่อพักผ่อนหลุดพ้นจากความเจ็บปวด”

คำตอบของนวลนางคือต้องการปลดปล่อยสามี หลายเดือนที่ผ่านมาอิศรานอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เขาไม่เคยลืมตาตื่นขึ้นมาอีกเลยแต่ร่างกายก็ยังคงตอบรับการรักษามาเรื่อยๆจนกระทั่งวันนี้

“กลับไปที่โรงพยาบาลจัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นนะลูก พ่อเขาจะได้นอนหลับพักผ่อนเสียที”

อัครนัยพยักหน้าเข้าใจ หันหลังเดินออกไปด้วยท่าทางเซื่องซึม คล้อยหลังลูกชาย นวลนางก็ทรุดลงที่พื้นร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ความเข้มแข็งมลายสิ้น

ดวงตาพร่ามัวเต็มไปด้วยหยาดน้ำบดบังมองตรงไปยังรูปแต่งงานที่ยังคงติดอยู่บนผนัง หัวใจของเธอคล้ายมีอะไรบางอย่างบีบรัดจนเหมือนจะขาดใจ ความรู้สึกในตอนนี้ทั้งเศร้าและหดหู่อย่างบอกไม่ถูก

นวลนางรู้ว่าเธอต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะทำใจเรื่องนี้ได้ แต่เธอก็พยายามเข้มแข็งเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกทั้งสองอย่างอัครนัยและอิสริยา…