พินัยกรรม(1)
ตอนที่ 2
พินัยกรรม
นับตั้งแต่วันที่อิศราจากไป เวลาก็ล่วงผ่านมาจนถึง 1 เดือน นวลนางอาการดีขึ้นมากแต่สภาพจิตใจกลับสวนทางเพราะยังคงย่ำแย่ เธอเฝ้าคิดถึงสามีผู้ล่วงลับและยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของผู้ชายที่อยู่เคียงข้างกันมาเกินครึ่งชีวิต
หญิงสูงวัยออกมานั่งที่ริมระเบียง ซึ่งเป็นสถานที่ประจำระหว่างเธอกับสามี สายตาที่เริ่มฝ้าฟางกวาดมองไปรอบๆรู้สึกถึงความว่างเปล่าในหัวใจ
กลิ่นความทรงจำยังคงอบอวล เพียงแต่เจ้าตัวนั้นไม่อยู่แล้ว คนเป็นภรรยายากที่จะทำใจยอมรับว่าเธอได้สูญเสียสามีไปชั่วนิรันดร์ แม้จะพยายามสงบจิตสงบใจด้วยการถือศีล ปฏิบัติธรรม ฟังพระเทศน์ แต่สิ่งเหล่านี้ช่างเปล่าประโยชน์เสียเหลือเกิน เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อเธอกลับมายังที่เดิมๆที่เคยอยู่ร่วมกัน ความทรงจำต่างๆก็ผุดขึ้นมา
“แม่ครับ ทำอะไรอยู่หรือครับ”
อัครนัยเป็นห่วงผู้เป็นแม่เพราะเห็นว่าท่านนั้นไม่ยอมลงไปกินอาหารด้านล่าง ทั้งที่เลยเวลามานานแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบขึ้นมาตาม ใบหน้าที่เศร้าหมองเหลียวกลับมามองลูกชาย ก่อนที่รอยยิ้มเนือยๆจะปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“แม่ก็นั่งดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย ลูกมาหาแม่มีธุระอะไรหรือเปล่า”
ชายหนุ่มส่ายหน้า ที่เขาขึ้นมาก็เพราะเป็นห่วง ไม่อยากให้แม่ตรอมใจอยู่แบบนี้
อัครนัยรู้ดีว่ามันยากที่จะทำใจยอมรับต่อ การสูญเสียที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่อยากเห็นแม่เศร้าไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“ผมแค่เป็นห่วง กลัวว่าแม่จะคิดฟุ้งซ่านถ้าต้องอยู่คนเดียว”
หญิงชราได้กินแบบนั้นก็ยกยิ้ม ความคิดฟุ้งซ่านเธอคงอดไม่ได้ และคงห้ามความเศร้าของตัวเองไม่ได้เช่นกัน แต่จะให้ทำอย่างไร แม้เธอจะยังทำใจไม่ได้แต่ก็พยายามยืนอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงแม้มันจะยากแต่มันเป็นสิ่งที่เธอต้องทำ
นวลนางมักปลอบใจตัวเองเสมอว่าการที่เธอตัดสินใจปล่อยสามีไป คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา และที่เธอทำก็เพื่อปลดปล่อยเขาจากความทรมาน แม้ต้องจากกันไกลแสนไกลก็ตาม
“แม่จะไปอยู่กับป้าที่สวิตเซอร์แลนด์สักพัก เผื่อว่าสภาพแวดล้อมใหม่ๆจะทำให้แม่พอทำใจได้บ้าง”
อัครนัยพยักหน้า ไม่คิดคัดค้าน อะไรก็ตามที่เป็นความสุขของแม่เขายินดีสนับสนุนเสมอ ชายหนุ่มโอบกอดมารดาด้วยความรักและเคารพ ตอนนี้ชีวิตของเขาและน้องสาวเหลือเพียงแค่แม่ จึงพยายามดูแลท่านให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกคนนึงจะทำได้
“แม่อยู่ที่ไหนแล้วสบายใจ แม่ก็ไปเถอะครับ ทางนี้เดี๋ยวผมกับอิงจะเป็นคนดูแลทุกอย่างเอง”
มีกิจการมากมายรวมทั้งทรัพย์สินหลายอย่างที่ต้องจัดการบริหาร ฉะนั้นเขาจึงตามไปอยู่กับผู้เป็นแม่ที่สวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้
“ลูกอยู่ที่นี่ แม่ฝากดูแลบ้านฝากดูแลบริษัทด้วย อย่าลืมไปเยี่ยมอาปราโมทย์ด้วยล่ะ เขามางานศพแค่วันเดียวคงจะยังทำใจไม่ได้เหมือนกัน”
เมื่อนวลนางเห็นสภาพของอีกฝ่ายที่ไม่ต่างจากตัวเธอเท่าไหร่ นวลนางก็รู้สึกไม่สบายใจ ปราโมทย์สนิทสนมกับอิศรามาก ทั้งยังรู้จักกันมานานกว่าที่เธอรู้จักกับสามีเสียอีก ฉะนั้นการสูญเสียครั้งนี้ก็นับว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของปราโมทย์เช่นกัน
“ครับแม่ เดี๋ยวผมจะไปดูเเลบ้านนั้นให้เอง”
ชายหนุ่มรับปากเพื่อให้แม่สบายใจ เมื่อไม่มีพ่อเขาก็เปรียบเสมือนผู้นำของครอบครัว ฉะนั้นต้องดูแลทุกคนไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
“จริงสิ แม่ลืมไปเลย อีกไม่กี่วันคุณทนายจะกลับมาจากต่างประเทศ คงจะกลับมาจัดการเรื่องพินัยกรรมให้”
ทั้งที่รู้ว่าจะได้ทรัพย์สินมากมายมหาศาลแต่นวลนางกลับไม่รู้สึกยินดี เพราะของเหล่านี้แลกกับการที่เธอต้องสูญเสียสามีไปตลอดกาล…
ทนายวัยกลางคนเดินทางมาถึงคฤหาสน์พร้อมกับเอกสาร เขาเป็นหนึ่งในคนที่อิศราให้ความไว้วางใจมากที่สุดและมักมอบหมายให้จัดการเรื่องต่างๆ
ชายร่างเล็กขยับกรอบแว่นตาเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงที่โซฟา เขาหรี่ตามองเอกสารก่อนจะเริ่มอ่านพินัยกรรมของอิศรา