EP : 3 หยดน้ำค้างสวรรค์
“เด็กคนนี้ไม่มีโอสถเพิ่มระดับลมปราณเลยหรือไงกัน” มู่จางเสี่ยวเอ่ยขึ้น แต่ลืมไปว่าโอสถเพิ่มระดับลมปราณนั้นหายากแถมยังแพงมากอีกต่างหาก จำได้ว่าในเรื่องพ่อพระรองคนดีดันมีอยู่ในการครอบครองเอาไว้ซะเยอะเลย
“คงต้องหาทางออกจากป่าก่อน” มู่จางเสี่ยวเอ่ยขึ้นพร้อมกับกัดหมั่นโถวไปด้วย
จำได้ว่าชายคนนั้นบอกว่าจะไปค่ายทหาร งั้นก็แสดงว่าที่นี่น่าจะห่างจะตระกูลมู่เป็นอย่างมากเพราะค่ายทหารนั้นอยู่เขตชายแดน แต่ไม่รู้ว่าอยู่ทิศไหน
“อืม น่าจะเหนือ” มู่จางเสี่ยวเงยหน้ามองฟ้าก่อนจะขมวดคิ้ว ก่อนจะมองพระอาทิตย์แล้วพูดขึ้น เธอกระโดดขึ้นต้นไม้ พลางมองหาทิศทางที่ตัวเองจะต้องเดินทางกลับตระกูล
พรึ่บ!
“หามันให้เจอ ตอนนี้ข้าว่ามันต้องอยู่แถวนี้แน่”
การปรากฏตัวของคนทั้งหกพร้อมกับเอ่ยขึ้นทำให้เธอนิ่งพลางลบตัวตนของตัวเองออกไปด้วยเพื่อไม่ให้ใครใครจับได้
ตอนนี้รู้สึกดีใจมากๆ ที่เธอได้อ่านนิยายพวกนี้มา ทำให้สามารถปรับตัวกับสถานการณ์แบบนี้ได้มากทีเดียว
หวังว่าพวกมันจะไม่มาตามหาเธอหรอกนะ เพราะแค่คิดก็รู้สึกถึงความวุ่นวายยังไงไม่รู้
“เราเข้าไปใกล้ค่ายทหารไม่ได้นะ ขืนเข้าไปใกล้เราไม่รอดแน่” ชายคนหนึ่งร้องบอกสหายตัวเอง
“บ้าเอ้ย งานนี้เราถูกนายท่านลงโทษเป็นแน่” ชายหนุ่มร้องบอกอย่างโมโห อย่าให้รู้นะว่าใครมันเป็นคนที่ขโมยตำราของนายท่านที่หมายตาเอาไว้
“บอกว่ามันเข้าไปในค่ายทหารก็แล้วกัน” ชายอีกคนเอ่ยบอกพลางพากันกลับไปหาเจ้านายตัวเองทันที
“เฮ้อ ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลยนะ” มู่จางเสี่ยวถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดกับตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นเธอคงต้องหลบซ่อนเพื่อไปเพิ่มระดับลมปราณแบบรวดเร็วแล้วล่ะ
“ก่อนอื่นคงต้องออกเดินทางไปหาของดีก่อน” มู่จางเสี่ยวกล่าวเมื่อคิดว่าตอนนี้เธอต้องทำอะไรก่อน
“อืม ตามเนื้อเรื่องแล้วของวิเศษมันบอกว่าต้องไปที่ถ้ำน้ำตกอยู่ห่างจากทิศเหนือไปสองลี้ที่นั่นจะมีหยดน้ำค้างสวรรค์อยู่ ซึ่งทำให้สามารถเลื่อนขั้นใหญ่ถึงเก้าขั้น ถ้าเราใช้มันตอนนี้ก็อาจจะไปอยู่ที่ระดับลมปราณนภาขั้นเก้า” มู่จางเสี่ยวเอ่ยตามที่ในนิยายมันเขียนเอาไว้ ซึ่งเธอจะต้องไปที่นั่นให้เร็วที่สุด
มู่จางเสี่ยวใช้วิชาตัวเบากระโดดไปตามต้นไม้ อย่างรวดเร็ว พลางมองหาเส้นถนนที่จะใช้ไปยังทางเหนือไปด้วย ในหนังสือกล่าวว่าถ้าหากสังเกตดีๆ กลุ่มดวงดาวจะบอกทิศทางของทางไปถ้ำน้ำตกที่มีหยดน้ำค้างสวรรค์
มู่จางเสี่ยวใช้เวลาในการเดินทางจนถึงมืดเลยต้องหยุดพักแล้วออกล่าสัตว์ไปด้วย ยังดีที่แถวนี้ไม่มีสัตวอสูร
ทำให้เธอไม่ต้องกังวล แต่หากไปถึงถ้ำน้ำตกนั้นไม่ต้องพูดถึงสัตว์อสูรเลยมันมีตั้งแต่ทางเข้าป่านั้นแหละ
“เดือนมืดเสียด้วยสิ” มู่จางเสี่ยวเอ่ยขึ้นเพราะตอนกลางคืนมันเดินทางลำบาก แต่เพราะเวลามันไม่เคยคอยใคร เพราะอย่างนั้นเธอเลยต้องรีบไป
พรึ่บ!
มู่จางเสี่ยวกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ก่อนจะมองไปยังกลุ่มดวงดาวที่บอกทางไปยังถ้ำน้ำตก กลุ่มดาวนกกระเรียนมองไปยังที่ที่มันจะบินไปซึ่งนั่นคือทางไปถ้ำน้ำตกนั่นเอง
“นั้นน่าจะใช่นะ” มู่จางเสี่ยวเอ่ยขึ้นพลางรีบมุ่งหน้าไปทางที่นกกระเรียนบินไปทันที หวังว่าจะทันนะ
มู่จางเสี่ยวกระโดดไปตามกิ่งไม้ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีอีกวิธีหนึ่งที่ไม่ต้องต่อสู้กับพวกสัตว์อสูรให้เปลืองแรง
นั่นก็คือต้นหงส์แดง ประโยชน์ของมันคือสามารถไล่พวกสัตว์อสูรได้เนื่องจากมันมีกลิ่นที่พวกสัตว์อสูรไม่ชอบ ดูได้จากป่าเขตนี้มีต้นหงส์แดงเกิดขึ้นในทุกๆ พื้นที่
นี่เป็นความลับอีกอย่างหนึ่งที่คนเขียนเอาไว้ในตอนที่นางเอกของเรื่องหลงเข้าไปอยู่ในฝูงสัตว์อสูร โดยที่ในมือถือใบหงส์แดงอยู่ทำให้พวกนั้นพากันหนีแตกกระเจิงจนนางเอกยังงง จนในตอนจบนางก็เพิ่งค้นพบว่าต้นหงส์แดงนั้นสามารถไล่สัตว์อสูรได้
“เก็บไปเยอะๆ หน่อยแล้วกัน” มู่จางเสี่ยวเอ่ยกับตัวเองเมื่อเห็นต้นหงส์แดงพอดี เธอเก็บต้นหงส์แดงและดอกของมันไปด้วยเอาเป็นว่าเก็บไปทั้งต้นนั้นแหละ
“สามสิบต้นไม่เยอะเกินไปหรอกมั้ง” มู่จางเสี่ยวเอ่ยกับตัวเองพลางกระโดดขึ้นต้นไม้อีกครั้งเพื่อจะเดินทางต่อ
กว่ามู่จางเสี่ยวจะมาถึงก็เที่ยงคืนแล้ว เธอเอาต้นหงส์แดงออกมาทันทีเพียงแค่โบกสะบัดต้นหงส์แดงไปมากับลม ไม่นานจากนั้นก็มีความเคลื่อนไหวทันที
“โฮก!!” เสียงคำรามของสัตว์อสูรพร้อมกับเสียงวิ่งของสัตว์อสูรมากมายในป่า
มู่จางเสี่ยวกระโดดไปอีกต้นหนึ่งเพราะต้นไม้ที่เธออยู่นั้นขวางแนวการหนีของพวกสัตว์อสูรพอดี
พรึ่บ!!
เสียงกระพือปีกของสัตว์อสูรด้านบนก็ดังขึ้นไม่ต่างกัน ทำให้เกิดกระแสลมกรรโชก ถ้าหากมู่จางเสี่ยวไม่หลบคงปลิวไปตามแรงลมพวกนั้นเป็นแน่
รอไม่นานทุกอย่างก็สงบลงทำให้มู่จางเสี่ยวกระโดดลงไปด้านล่างก่อนจะมองถ้ำน้ำตกที่อยู่ตรงหน้า เธอต้องดำน้ำไปเมื่อเข้าไปในถ้ำ เพราะการจะเข้าไปในถ้ำน้ำตกนั้นต้องดำน้ำเข้าไปข้างในเท่านั้น
ตู้ม!
ไม่รอช้ามู่จางเสี่ยวกระโดดลงน้ำไปทันที พลางใช้ลมปราณสร้างลูกไฟให้ส่องไปยังรอบๆ ตัวของเธอด้วย
เธอดำน้ำลงไปลึกมากทีเดียวกว่าจะเห็นปากทางเข้าถ้ำน้ำตก เธอรีบว่ายไปยังปากถ้ำน้ำตกทันที ยิ่งเห็นปากถ้ำน้ำตกใกล้มากขึ้นเท่าไรเธอก็ยิ่งตื่นเต้น
ฟู่
“เฮ้อ มันสวยกว่าที่คิดแหะ แถมลมปราณยังแน่นหนาอีกด้วย” มู่จางเสี่ยวเอ่ยขึ้นเมื่อมองไปภายในถ้ำที่สว่างไม่ได้มืดมิด เพราะภายในถ้ำน้ำตกนั้นมีแสงสีฟ้าอ่อนๆ ทั่วทั้งถ้ำ นั่นก็เป็นเพราะหยดน้ำค้างสวรรค์ที่อยู่ในถ้ำน้ำตก
“ดูดซับลมปราณที่นี่ก็ดีนะ” มู่จางเสี่ยวเอ่ยขึ้นเพราะไม่ใช่ว่าจะมาเจอสถานที่แบบนี้ได้ง่ายๆ สำหรับคนที่มีระดับลมปราณเท่านี้อย่างเธอ
มู่จางเสี่ยวเดินไปมาเพื่อหาที่นั่งดูดซับลมปราณเสียหน่อย ถามว่าทำไมเธอถึงไม่เก็บหยดน้ำค้างสวรรค์มาใช้ล่ะ
นั่นก็เพราะว่าหยดน้ำค้างสวรรค์เราจะเก็บมันไม่ได้ถ้าหากมันไม่ก่อตัวเป็นผลึกรูปเหมือนหยดน้ำแล้วตกลงมาจากผนังถ้ำ
เพราะต่อให้เธอพยายามจะเก็บมันยังไงก็เก็บไม่ได้อยู่ดี สู้เอาเวลาที่รอให้หยดน้ำค้างสวรรค์ตกผลึกมาดูดซับลมปราณไม่ดีกว่าหรือ
เมื่อมู่จางเสี่ยวหาที่นั่งที่เหมาะแก่การดูดซับลมปราณได้แล้ว เธอก็เริ่มทำการดูดซับทันที เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
ลมปราณบริสุทธิ์ไหลเข้าสู่ตันเถียนของเด็กสาวที่นั่งดูดซับลมปราณอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ ภายในถ้ำน้ำตกแห่งนี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปด้วย
หยดน้ำค้างสวรรค์เริ่มตกเป็นผลึกแล้ว สิ่งที่น่าแปลกก็คือพวกมันพากันตกผลึกพร้อมกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ข้าช่วยเจ้าแล้วนะเพื่อนรักของข้า” เสียงหวานเอ่ยบอกเบาๆ ก่อนจะเงียบหายไป