บทย่อ
ใครจะคิดล่ะว่าตัวเองจะทะลุมิติเข้ามาในนิยายที่ตัวเองเพิ่งอ่านจบ แถมยังมาอยู่ในร่างน้องสาวของตัวร้ายของเรื่องอีก แถมมาไม่กี่ตอนก็ต้องตายอีกเนื่องจากไปหาเรื่องนางเอกของเรื่อง ณรินตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองนั้นมาอยู่ในร่างของเด็กสาวอายุสิบสองปีที่อยู่ในนิยายที่เธอเพิ่งอ่านจบไป และร่างที่เธอทะลุมิติเข้ามาอยู่ในตอนนี้นั้นก็คือร่างของตัวประกอบหรือก็คือน้องสาวนางร้ายของนิยายนั่นเอง และเธอก็ยังพบว่าตัวเองจะต้องตายในอีกไม่ช้า นั่นทำให้เธอต้องดิ้นร้นเพื่อมีชีวิตอยู่ให้ได้ ซึ่งจะมีระดับลมปราณแรกเริ่มเป็นระดับแรกในแต่ระดับจะมีช่วงชั้นหนึ่งสิบขั้น ส่วนระดับที่สองคือระดับจิต ระดับสามคือระดับปฐพี ระดับสี่คือระดับนภา ระดับห้าคือระดับสวรรค์ ระดับหกคือระดับราชันย์ ระดับเจ็ดคือระดับเซียน ระดับแปดคือระดับตำนาน ระดับเก้าคือระดับมหาเทพ
EP : 1 มันคุ้นๆ
สองเท้าเดินไปตามถนนหลังจากที่กลับมาจากซ้อมมวยในตอนเช้า ร่างสูงโปร่งยกมือเช็ดเหงื่อที่ไหลไปตามใบหน้าตัวเองไปด้วย ใบหน้าของหญิงสาวจัดว่าสวยทีเดียว
ร่างสูงโปร่งเดินมาถึงบ้านของตัวเองพอเห็นว่าใครยืนอยู่หน้าบ้านก็ได้แต่ถอนหายใจแรงๆ
“ณรินเพื่อนรัก ฉันเอานิยายเรื่องใหม่มาให้แกอ่านด้วยล่ะ” หญิงสาวเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้สนใจสีหน้าของเพื่อนตัวเองเลยสักนิดว่าเป็นยังไง
“อ้อเหรอ คราวนี้เป็นเรื่องแบบไหนล่ะ” ณรินถามไปอย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะเคยปฏิเสธมาแล้ว นางก็ใช้ความสามารถของนางโดยการเล่าให้เธอฟัง
ขนาดที่ว่าเธอไม่ต้องอ่านยังรู้เลย เพราะขี้เกียจฟังเสียงของเพื่อนสาวตัวเองก็เลยอ่านตามเฉยๆ เพราะช่วงนี้ไม่มีอะไรทำนอกจากซ้อมมวยแล้วก็ว่างเลยเอาเวลาว่างมาอ่านนิยายเป็นเพื่อนอิงอิง
“เรื่องนี้นะ พระเอกคือแบบ โอ้ย มันโดนอะ แต่ถึงพระรองจะหล่อแต่ว่าขอให้ไม่มีคู่นั้นแหละดีแล้ว คนอะไรดีเกิน พระยังต้องยอมให้กับความดีเลิศของนาง”
เสียงเหมือนลูกเป็ดดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ณรินเอื้อมมือไปหยิบนิยายที่อยู่ในมือของอิงอิง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเอามาให้เธออ่านเป็นเพื่อนพออ่านจบก็จะได้เอามาพูดกัน
“โอเคๆ อ่านจบคืนนี้แหละ” ณรินบอกพลางโบกมือไลอิงอิงให้กลับบ้านไป ซึ่งบ้านอิงอิงอยู่ไม่ไกลหรอก แค่ตรงข้ามกับเธอเนี่ยแหละ
“บายเพื่อนรัก แล้วมาเม้าท์มอยกันพรุ่งนี้” อิงอิงบอกพลางโบกมือลาแล้วกลับเข้าบ้านเพื่อไปหานิยายอ่านต่อ
พรึ่บ!
ณรินโยนนิยายลงกับเตียงก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำจากนั้นก็หาอะไรทาน อยู่บ้านคนเดียวมันก็อย่างนี้แหละไม่ต้องมาฟังใครบ่น แต่ก็เหงานิดๆ
“ช่วงนี้ยัยอิงอิงติดนิยายจีนเยอะไปหรือเปล่าเนี่ย” ณรินเอ่ยขึ้นเมื่อมองปกดีๆ จะบอกว่าเธอได้อ่านนิยายจีนเกือบทุกเรื่องแล้วมั้งตั้งแต่แนวทะลุมิติเอย ไปจนถึงแนวสมัยย้อนยุคจริงๆ ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรนิยายจีนนี้เป็นที่นิยมมาก
ณรินนั่งอ่านนิยายไปเรื่อยๆ จนเกือบจะจบก็รู้สึกว่าเย็นแล้วก็เลยไปหาอะไรทาน ก่อนจะอาบน้ำแล้วกลับไปอ่านนิยายต่อให้จบ
อ่านไปก็รู้สึกว่าสงสารพระรองนิดหน่อยแต่ส่งสารนางร้ายที่ถูกคนรักที่เป็นตัวร้ายเหมือนกันหลอกใช้ต่างหาก
“สงสัยนักเขียนเสียดายพระรองแน่ๆ เลยไม่อยากให้คู่กับนางเอก” ณรินเอ่ยเพราะเนื้อเรื่องปูทางมาให้เหมือนพระรองเป็นพระเอกแต่พอกลางเรื่องก็ดันเปลี่ยนไป
“นอนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าต้องรีบไปซ้อมมวยอีก” ณรินเอ่ยกับตัวเองพลางวางนิยายกับหัวเตียงก่อนจะปิดไฟนอนทันที
วูบ!
แสงสว่างเกิดขึ้นจากหนังสือนิยายหลังจากที่ณรินหลับไปได้ไม่นาน จากนั้นแสงสว่างก็หายไปพร้อมกับร่างของณริน
พรึ่บ!
“ขอให้โชคดีเพื่อนรัก หวังว่าเจ้าจะพบกับความสุขที่นั่น”
ร่างบางที่ปรากฏตัวอยู่ข้างเตียงของณรินที่เคยนอนอยู่ก่อนหน้านี้ก็เอ่ยบอกหลังจากที่ณรินได้หายไปแล้ว
“ทำไมเจ้าต้องทำขนาดนี้ด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจเมื่อเห็นหญิงสาวทำแบบนี้
“ก็เพื่อชดใช้ในสิ่งที่ข้าพรากสิ่งสำคัญจากนางไปและอีกอย่างนางเป็นเพื่อนคนเดียวของข้าในที่แห่งนี้อีกด้วย” หญิงสาวร่างเล็กเอ่ยบอกด้วยความรู้สึกเศร้าๆ แม้นางจะทำทุกอย่างเพื่อทดแทนให้กับณรินแล้วแต่มันก็ไม่สามารถลบล้างความผิดที่นางทำเอาไว้กับณรินลงไปได้
“เด็กหนุ่มคนนั้นนะหรือ เจ้าก็ให้เขามีชีวิตอยู่ต่อแล้วนี่น่า แค่นั้นน่าจะพอแล้วนี่” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพลางมองหญิงสาวไปด้วยความไม่เข้าใจ
“มันไม่พอหรอกไม่อย่างนั้นข้าจะส่งนางไปหาเด็กคนนั้นทำไมกัน” หญิงสาวเอ่ยแม้จะรู้สึกใจหายที่ไม่ได้พูดคุยกันอีกแล้ว แต่นี่น่าจะเป็นทางเดียวที่ทำให้ณรินมีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่ก็เป็นไปได้
“อื้อ ทำไมมันเย็นขนาดนี้” ริมฝีปากบางเอ่ยขึ้นพลางพลิกตัวไปมากวาดมือไปรอบๆ เพื่อหาผ้าห่ม แต่ก็ต้องตกใจเมื่อพบว่านี่มันไม่ใช่เตียงนอนของเธอ
“หญ้า? อะไรเนี่ย!! ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ณรินร้องอย่างตกใจเมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในป่า แล้วเธอมานอนในป่าได้ยังไงจำได้ว่านอนอยู่ที่ห้องนี่น่า
“แล้วฉันมาใส่ชุดนี้ได้ยังไง เดี๋ยวๆๆ ทำไมฉันเตี้ยลงละเนี่ย” ณรินร้องขึ้นพลางสำรวจตัวเองไปด้วย นี่มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดใช่มั้ย มันคงไม่เกิดขึ้นกับเธอหรอกใช่มั้ย?
ณรินมองผมของตัวเองที่สั้นอยู่ที่ไหล่ ได้แต่คิดว่าเธอทะลุมิติมาหรือย้อนยุคมา มองไปรอบๆ พยายามตั้งสติของตัวเอง ก่อนจะได้ยินเสียงน้ำไหลไปด้วย
เธอลุกขึ้นแต่แล้วก็เกิดอาการหน้ามืดนิดๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ณรินเดินไปตามเสียงน้ำที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะตกใจเมื่อเห็นใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในน้ำ
“ใครว่ะเนี่ย” ณรินสบถออกมาโดยไม่สนใจเลือดที่ไหลอาบตัวของตัวเองเลยสักนิดเพราะยังตกใจกับใบหน้าที่ตัวเองเห็นอยู่ตอนนี้เธอลูบๆ จับๆ ใบหน้าของตัวเองเพื่อความแน่ใจ
และในตอนนั้นเองก็ได้มีความทรงจำบางอย่างเข้ามาในหัวของเธอมันไม่ประติดประต่อกันเท่าไร แต่ก็พอทำให้เธอพอเข้าใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร
“ฉันมาอยู่ในร่างมู่จางเสี่ยวและเป็นน้องสาวมู่จางเหมียวที่เป็นนางร้ายนี่” ณรินเอ่ยบอกพลางเบิกตากว้าง เวรแล้วไง!
เธอทะลุมิติเข้ามาในนิยาย เธอจำได้ว่าเด็กคนนี้อายุสิบสองปีก็ไปมีเรื่องกับนางเอกจากนั้นก็ถูกพระเอกจัดการโดยบังคับให้ทางตระกูลให้มู่จางเสี่ยวแต่งงานกับชายคนหนึ่ง ที่เป็นชายแก่มีเมียเต็มบ้าน และสุดท้ายก็ถูกฆ่าตาย
“สมกับเป็นนางร้ายตัวประกอบมาตอนเดียวก็ไปสบายละ โอ๊ย แล้วตอนนี้เนื้อเรื่องมันไปถึงไหนแล้วเนี่ย” ณรินร้องโวยวายเพราะต้องหาวิธีเอาตัวรอดก่อน ส่วนเรื่องที่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงนั้นเดี๋ยวค่อยหาวิธี
“ใจเย็นก่อนๆ เธอต้องมีสติ ตอนนี้เธอต้องมีสติก่อนเป็นอันดับแรก อย่าหัวร้อนเด็ดขาดณริน” ณรินพยายามตั้งสติพยามพูดปลอบตัวเองให้ใจเย็นลง มือไม้ของเธอสั่นไปหมดแล้วในตอนนี้
ตอนนี้เธอต้องมีสติและใจเย็นให้ได้มากที่สุดเพื่อที่เธอจะได้หาทางไม่ให้ตัวเองตายก่อนเป็นอันดับแรก
เธอไม่รู้ว่าถ้าเธอได้มาอยู่ที่นี่แล้วจะไปกลับไปที่เดิมหรือเปล่า เพราะอย่างนั้นเธอไม่อยากจะเสี่ยง เรื่องที่เธอมาได้ยังไงนั้นไม่สำคัญเท่ากับที่เธอต้องหาทางไม่ให้ตัวเองตายในนิยายตอนนี้
เธอจำได้ว่ามู่จางเสี่ยวนั้นเคยบอกว่าจะไม่แต่งงานกับผู้ชายคนไหนทั้งนั้น นั่นเป็นเพราะว่าเด็กคนนี้ชอบผู้หญิงด้วยกัน
“เรื่องนั้นช่างมันก่อน ว่าแต่เด็กนี้ไปทำอีท่าไหนล่ะเนี่ยถึงได้แผลเยอะขนาดนี้” ณรินเอ่ยขึ้นพลางถอดชุดออกก่อนจะเดินไปล้างเนื้อล้างตัวที่มีแต่แผลจากการถูกทำร้าย ดูแล้วมันยังเป็นแผลใหม่ๆ อยู่เลย
หลังจากที่ณรินหรือก็คือมู่จางเสี่ยวใช้เวลาอาบน้ำในแม่น้ำ ก็ถึงเวลาต้องขึ้นจากน้ำแล้วแต่ในตอนนั้นเอง ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาเสียก่อน
“ขออภัย ข้าไม่ได้จะมาแอบดูเจ้าหรอกนะ”