บท
ตั้งค่า

7. ทั้งหึง ทั้งหวง

รถม้ากลับมาถึงจวนแม่ทัพโดยที่มิมีใครเอ่ยถ้อยคำใดแม้แต่น้อย ใบหน้าบูดบึ้งของผู้เป็นนายปรากฏออกมา จนคนสนิทต่างก็มิกล้าเข้าใกล้

“มีอะไรกันหรือเปล่าเจ้าคะ เหตุใดท่านแม่ทัพถึงมีสีหน้าเช่นนั้น น่ากลัวมากเลย”

“ไม่รู้สิ จู่ๆ ก็ต่อว่าข้าเรื่ององค์ชาย”

“เอ๋!! องค์ชายมาเกี่ยวอะไรกับฮูหยินเจ้าคะ”

“นั่นสิ ว่าแต่ข้าจะทำเช่นไรให้ท่านแม่ทัพตามองค์ชายไปล่ะพี่ชิงหมิง ภาพที่เห็นคือไม่รอดแน่หากพบตัวช้าเกินไป หรือเราจะออกไปตามหากันเอง”

“จะไปเองได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านแม่ทัพสงสัยเอาพอดีหากทำเช่นนี้”

“นั่นสินะเราจะทำเช่นไร”

จินเยว่เดินไปมาภายในห้องอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจกุเรื่องขึ้นเพื่อให้แม่ทัพ ตามไปช่วยคนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย หญิงสาวเดินออกจากห้องก็เจอกับคนตัวโตเดินเข้ามาเสียก่อน

“ท่านแม่ทัพมีอะไรกับฮูหยินหรือเจ้าคะ”

“เจ้าออกไปก่อนข้ามีเรื่องต้องคุยกับนาง”

ชิงหมิงหันกลับมามองผู้เป็นนายก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูลง นัยน์ตาคมหรี่ลงพร้อมเดินเข้ามาหาผู้ที่ยืนจ้องอยู่ ยิ้มร้ายผุดขึ้นก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กเดินไปยังเตียงกว้าง

“ท่านจะทำอะไรกันท่านแม่ทัพ”

“เจ้าทำข้าหงุดหงิด ข้าจะลงโทษเจ้า”

สิ้นสุดเสียงที่เอ่ยออกมาริมฝีปากหนาก็บดลงที่ปากนิ่มของอีกคน กำปั้นน้อยทุบลงที่อกแกร่งทันที แต่ก็มิได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเลยแม้แต่น้อย

ซือหลางบดเบียดดูดดึงปากหนุ่มราวกับเป็นอาหารที่มิเคยได้ริมรส แม้จะมีหนวดเคราแต่จูบนี้กลับทำเอาร่างเล็กคล้อยตามได้ไม่ยาก

กำปั้นน้อยจากที่ทุบตีก็เปลี่ยนมาเป็นกำชุดคนตัวโตเอาไว้ ก่อนจะลูบไปตามแผงอกกว้าง แล้วเลื่อนขึ้นไปที่ไหล่ทั้งสองข้างของอีกคน โดยที่ริมฝีปากทั้งคู่ยังคงไม่ผละจากกัน ซือหลางมิได้ล่วงล้ำเข้าด้านในอย่างที่ควรจะเป็น

เพราะมิอยากให้ภรรยาตื่นกลัวตนหากทำเพราะความรีบร้อน สองแขนแกร่งประคองคนตัวเล็กเอาไว้ เพราะตอนนี้จินเยว่สติร่องรอยเตลิดไปหมดแล้ว

“ปากเล็กที่เอาแต่เถียงข้าไม่คิดว่าจะหวานถึงเพียงนี้”

เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อถอนจูบออกแล้ว ปากอิ่มบวมเจ่อขึ้นพร้อมกับใบหน้าระเรื่อ จนซือหลางอดไม่ได้ที่จะกดริมฝีปากลงที่แก้มเนียนอีกครั้ง

“ท่านรังแกข้าไหนบอกจะไม่ยุ่งกับข้าอย่างไรล่ะ”

“รังแกที่ใดกัน ดูหน้าเจ้ามีความสุขจะตายไป”

กำปั้นเล็กทุบลงที่อกแกร่ง พร้อมกับยิ้มร้ายของแม่ทัพ

“ทำข้าเจ็บไม่กลัวข้าจะทำมากกว่าจูบหรือ รอบนี้ข้าไม่หยุดแล้วนะ”

“ท่านเป็นแม่ทัพที่ไม่น่านับถือเลยสักนิด พูดอีกอย่างแต่ทำอีกอย่าง บอกเองว่าจะไม่ยุ่งกับข้าแต่กลับทำเช่นนี้”

“ก็เจ้าเป็นภรรยาข้าแล้ว จะปล่อยเจ้าเอาไว้ก็เสียเปล่า อย่างไรก็ต้องใช้ประโยชน์ให้คุ้มสิ”

จินเยว่อดที่จะหันมองค้อนอีกคนไม่ได้ แม้จะรู้ว่าแม่ทัพพูดไปเช่นนั้นเอง เพราะหากอีกคนคิดทำอย่างที่เอ่ยจริงตนคงไม่รอดมานานขนาดนี้แน่

“ชิ พูดไปเถอะคิดว่าข้าจะสนใจคำพูดท่านหรือ”

จินเยว่เอ่ยพร้อมกับตั้งท่าจะลุก แต่ก็ถูกแขนแกร่งกอดรั้งเอาไว้ ร่างเล็กปลิวไปตามแรงจนนั่งอยู่บนตักของคนตัวโตอย่างง่ายดาย ยิ้มร้ายผุดขึ้นอีกครั้งแต่ยังมิทันได้โน้มตัวเข้าใกล้ ก็ถูกมือเล็กปิดปากไว้ซะก่อน

“ท่านแม่ทัพ ข้าได้ยินกลุ่มคนคุยกันว่าจะตามไปสังหารองค์ชาย จะไม่ตามไปจริงๆ หรือเจ้าคะ”

“ว่าไงนะ เหตุใดเจ้าพึ่งมาบอก”

“พอข้าพูดท่านก็ว่าข้าใส่ใจบุรุษอื่น ใครจะกล้ากันล่ะ”

เสียงหวานเอ่ยพร้อมกับหันหน้าหนี นัยน์ตาคมจ้องมองคนตัวเล็กในอ้อมกอด ก่อนจะใช้นิ้วเรียวรั้งใบหน้าให้หันมาสบตา จินเยว่ชะงักกับสายตาที่สื่อให้รู้ว่าอีกคนกำลังเอ่ยคำขอโทษออกมาโดยที่มิมีเสียง

“เช่นนั้นต่อไปข้าจะฟังเจ้า บอกข้ามาว่าเจ้าได้ยินสิ่งใด จะได้วางแผนได้ถูก”

จินเยว่จึงเล่าสิ่งที่ตนมองเห็นให้อีกคนฟัง โดยทำทีว่านี้คือคำพูดของคนเหล่านั้น และสถานที่ใช้สังหารองค์ชาย

“ข้าจะรีบไป เจ้าอย่าออกไปไหนเด็ดขาด”

“อืม” เสียงหวานเอ่ยตอบก่อนจะถูกยกออกจากตักแกร่ง ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกจากห้องด้วยท่าทางองอาจสง่างาม

“ฟู่ว” เสียงถอนหายใจดังขึ้น พร้อมกับชิงหมิงที่เดินเข้ามาในห้อง

“ท่านแม่ทัพรีบไปที่ใดกันเจ้าคะ”

“ไปช่วยองค์ชาย หวังว่าจะทันเวลานะ”

“ฮูหยินคงไม่ได้บอกว่ามองเห็นหรอกนะเจ้าคะ”

“พี่คิดว่าท่านแม่ทัพจะเชื่อเช่นนั้นหรือ ไม่มีทางหรอกคงได้ว่าข้าเป็นหญิงสติไม่ดีน่ะสิ”

“นั่นสิเจ้าคะ ช่วงแรกพี่ยังคิดว่าท่านเองก็เป็นเช่นนั้น”

จินเยว่มองหน้าพี่เลี้ยงดุทันที ชิงหมิงยิ้มแห้งใส่ก่อนจะถามถึงเรื่องก่อนนี้ แต่จินเยว่ก็มิยอมตอบมีเพียงใบหน้าขึ้นสีเท่านั้นที่ปรากกฎให้เห็น

“หน้าแดงเช่นนี้สงสัยคงถูกท่านแม่ทัพรังแกเป็นแน่ ว่าแต่ฮูหยินยอมรับที่ท่านแม่ทัพเป็นเช่นนี้ได้แน่นะเจ้าคะ”

“ยอมรับอะไรกันล่ะพี่หมิงจู ท่านแม่ทัพก็แค่แกล้งข้าไปวันๆ ก็เท่านั้น ฐานะแท้จริงคนผู้นี้เป็นถึงพระนัดดาฮ่องเต้และไทเฮา ส่วนข้าก็แค่สตรีบ้านนอก”

“แต่หากท่านแม่ทัพมีใจแล้วก็คงมีใส่ใจเรื่องอื่นอีก เช่นนี้แล้วก็อย่าได้กังวลไปเลยนะเจ้าคะ”

“ช่างเถอะ หากวันนั้นมาถึงข้าจะบอกเองว่าเป็นคนแย่งชิงเกี้ยวเจ้าสาวจากท่านพี่เอง เช่นนี้สกุลซูก็มิต้องโทษอันใดอีก”

“ไม่ได้นะคะฮูหยิน ท่านจะยอมรับผิดผู้เดียวได้อย่างไร คนในจวนสกุลซูมิควรค่าให้ท่านสละตนแม้แต่น้อย พี่สาวท่านก็เอาแต่รังแก และเป็นนางเองที่มิยอมแต่งงานกับท่านแม่ทัพ เพราะรังเกียจบุรุษหน้าตาอัปลักษณ์มีบาดแผล”

“พอเถอะพี่ชิงหมิง หากวันนั้นมาถึงสกุลซูอย่างไรก็สำคัญกว่าชีวิตข้า เลิกพูดเถอะข้าหิวแล้ว”

จินเยว่เอ่ยก่อนจะเดินออกจากห้องไป โดยมิได้เห็นว่ามีใครบางคนยืนฟังอยู่ ก่อนจะกลับไปสมทบกับคนของตนที่รออยู่ด้านนอก

“เจ้าจัดการให้ทหารมาเฝ้าที่จวนอีก เราอาจจะอยู่นอกเมืองเป็นเวลานาน อาจจะไม่ได้กลับก็ได้”

“ตอนแรกท่านแม่ทัพจะให้ฮูหยินไปพักที่จวนนายท่านมิใช่หรือขอรับ เหตุใดจึงปล่อยนางไว้ที่นี่”

“อย่าถามมาก ทำตามที่ข้าสั่ง”

ซือหลางเอ่ยจบก็ควบม้าออกไปทันที ในใจร้อนรุ่มราวไฟแผดเผา ถ้อยคำที่ชิงหมิงและฮูหยินเอ่ยแม่ทัพหนุ่มได้ยินทุกคำ สตรีที่คิดว่ายอมแต่งเข้าเพราะมิได้รังเกียจตน บัดนี้ได้รู้แล้วว่านางทำเพื่อสกุลของเท่านั้น ในใจก็คงกลำกลืนฝืนทนมิน้อย จะมีสตรีใดอยากอยู่กับตนจริงๆ

“หึ กลับมาข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นความโหดร้ายที่เจ้าเป็นคนเลือกเองฮูหยินข้า”

ความรู้สึกราวกับถูกหักหลังอีกคราผุดขึ้นในใจ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

ปรากฏจนมิมีใครกล้าเข้าใกล้ จนการเดินทางมาถึงแนวเขตเมืองที่จินเยว่เอ่ยบอก ก็พากันออกตามหาองค์ชาย

เพราะเห็นร่องรอยการต่อสู้เกิดขึ้น พร้อมทหารล้มตายจำนวนหนึ่ง แม้จะอดแปลกใจไม่ได้แต่ก็มิมีเวลาคิด

“ตามหาองค์ชายให้พบ น่าจะอยู่ในถ้ำแถวนี้สักแห่ง’ ”

ซือหลางเอ่ยพร้อมกับเดินตามหาจนพบร่อยรอยของญาติผู้พี่ ก่อนจะเดินเข้าไปภายในถ้ำตามที่คนตัวเล็กเอ่ยบอก และก็เป็นไปอย่างที่คิดเมื่อเห็นหยวนเหอนั่งพิงผนังถ้ำอยู่กับองครักษ์คนสนิท

“องค์ชายเป็นเช่นไรบ้างพะย่ะค่ะ”

“ซือหลางเจ้ามาได้เช่นไรกัน หรือมีคนไปตามเจ้า”

“อย่าพึ่งพูดอะไรเลย กระหม่อมจะพาพระองค์กลับวัง จินถงเอารถมาม้าที่นี่”

“ซือหลางอย่าพึ่งพากลับเข้าวัง ข้าอยากให้คนที่ทำร้ายคิดว่ากำจัดข้าได้แล้ว”

“เช่นนั้นก็ไปที่จวนกระหม่อมก่อน”

ซือหลางพาหยวนเหอเดินทางกลับจวนโดยใช้เวลาอยู่หลายชั่วยาม ทำให้กว่าจะมาถึงก็ดึกมากแล้ว

“พระองค์อยู่ที่เรือนด้านหลังไปก่อน บาดแผลก็ดูไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วงแล้ว”

“อืมเจ้าเองก็ไปพักเถอะ ขอบที่อุตส่าห์ตามไปช่วยข้า”

“เป็นเพราะฮูหยินกระหม่อมได้ยินกลุ่มคนพูดคุยกัน เรื่องลอบสังหารพระองค์ แต่แปลกตรงที่คนพวกนั้นมิรอบคอบเลยสักนิด เหตุใดจึงมาหารือเรื่องเช่นนี้ในที่ชุมชน จนจินเยว่ได้ยินเข้า”

“คงเป็นเพราะข้ายังมิถึงฆาตก็ได้ นางถึงได้ยินเรื่องราวลอบสังหาร ฝากขอบใจฮูหยินของเจ้าด้วย”

“พะย่ะค่ะ กระหม่อมขอตัวก่อน”

ซือหลางเดินออกจากเรือนด้านหลัง พร้อมกับตรงไปยังห้องนอนของตนกับฮูหยิน ทหารเวรคำนับผู้เป็นนายก่อนจะเปิดประตูให้ และปิดลงเมื่อแม่ทัพเข้าไปแล้ว

“หึ หลับสบายเชียวนะ”

ร่างสูงคลานขึ้นเตียงก่อนจะนอนลงข้างๆ พร้อมกับดึงคนตัวเล็กเข้ามากอด   จินเยว่หันมากอดตอบทันที จนแม่ทัพหนุ่มอดแปลกใจไม่ได้

“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ องค์ชายเป็นเช่นไรบ้าง”

เมื่อคนตัวเล็กเอ่ยถามถึงบุรุษอีกคน ก็ทำเอาแม่ทัพถึงกับชักสีหน้าใส่ฮูหยินในอ้อมกอดทันที

“หึ เป็นห่วงมากก็เดินไปดูที่เรือนด้านหลังสิ”

จินเยว่ลืมตามองซือหลางเช่นกัน ก่อนจะหันหลังให้พร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“ข้าเป็นภรรยาของท่าน การห่วงผู้อื่นมันก็แค่ฐานะที่เกิดมาได้รู้จักกันเท่านั้น หากวันใดท่านห่วงสตรีอื่นที่ไม่ใช่ข้า ท่านก็คงคิดจะเอานางมาอยู่ร่วมชายคาใช่หรือไม่”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel