6. หวง
แม่ทัพหนุ่มนึกถึงคำพูดของสหายก่อนจะเดินตามคนตัวเล็กไปที่ห้องโถงของจวน เมื่อมาถึงก็เห็นว่าฮูหยินของตนนั่งรออยู่แล้ว
“ไปกันเถอะจะได้เดินดูข้าวของให้นานหน่อย”
แม่ทัพพาภรรยาของตนออกจากสวนพร้อมกับขึ้นรถม้า ชาวเมืองที่อยู่ด้านนอกต่างก็ให้ความสนใจกับหนุ่มสาวข้าวใหม่ปลามันคู่นี้ ท่าทางต่างออกไปจากเดิม ทำเอาซือหลางอดแปลกใจไม่ได้ จึงเอ่ยถามทันที
“เหตุใดคราวนี้เจ้าถึงเงียบนักล่ะทุกทีพูดมากจนน่ารำคาญ เพราะว่าไปกับข้าจึงรู้สึกอับอายสินะ”
จินเยว่เงยหน้ามองคนที่กล่าวหา ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำที่อีกคนเคยได้พูดกับตนเอาไว้
“ท่านเอ่ยเองว่าไม่มีทางจะพึ่งใจในตัวข้า เหตุใดถึงเอ่ยถ้อยคำหาเรื่องเช่นนี้”
ซือหลางขบกรามแน่น ฮูหยินน้อยที่ควรจะหวั่นเกรงตนกลับเอ่ยวาจายอกย้อนราวกับศัตรูในสนามรบก็มิปาน
“เจ้านี่ช่างกล้าเกินสตรีทั่วไปจริงๆ เก่งให้ได้ตลอดเถอะ ข้าจะรอดูวันที่เจ้าเถียงไม่ออกในสักวัน”
จินเยว่นิ่งเงียบไปเพราะมิอยากถกเถียงกับคนไร้เหตุผล จนมาถึงตลาดกลางเมืองหลวงที่มีผู้คนมากมายเดินจับจ่ายซื้อข้าวของ รวมถึงฮูหยินจางมินเฟย อดีตคนรักของแม่ทัพหนุ่มก็อยู่ที่นี่ด้วย
“ท่านแม่ทัพมิคิดว่าจะได้เจอในตลาดเมืองหลวงเช่นนี้นะเจ้าคะ ท่านคงจะสบายดี”
มินเฟยรีบเข้าไปทักทายผู้ที่ตนเคยทำให้เจ็บช้ำทันที ยิ่งรู้ว่าคนตรงหน้านั้นยังไม่ลืม จึงคิดจะช่วยสามีทำให้อีกฝ่ายนั้นเจ็บช้ำเข้าไปอีก ทุกถ้อยคำจินเยว่ล้วนได้ยินมือเล็กเปิดผ้าม่านออกมาก่อนจะเอ่ยเรียกสามีของตน
“ท่านพี่รับน้องทีเจ้าคะ”
คำพูดดึงสติของภรรยาทำเอาซือหลางต้องรีบหันไปหา ก่อนจะส่งมือเรียวให้คนตัวเล็กจับเพื่อลงจากรถม้า ทำเอามินเฟยเกิดความไม่พอใจขึ้นมาทันที เพราะสตรีตรงหน้าทั้งน่ารักและงดงามราวกับภาพวาด ผิวพรรณก็ดูต่างออกไปราวกับมิใช่คนธรรมดา
“ท่านพี่แม่นางผู้นี้คือใครกันเจ้าคะ”
“ภรรยาจางลั่วหลิง อย่าใส่ใจเลยเราไปที่ร้านผ้าก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นเจ้าอยากได้สิ่งใดค่อยว่ากัน”
ซือหลางเดินโอบไหล่ภรรยาตัวน้อยเข้าหออาภรณ์ แต่ผู้ที่ยืนมองด้วยสายตาเคียดแค้นก็มิวายเดินตามเข้าไปเอ่ยวาจาดูแคลนทั้งคู่
“แหม ไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะมีฮูหยินที่งดงามถึงเพียงนี้ ว่าแต่เจ้ามิรู้หรือว่าท่านแม่ทัพน่ะ ไม่มีทางรักอิสตรีคนใดอีกแล้วเพราะในใจมิอาจลืมสตรีคนเก่าได้”
ซือหลางหันขวับกลับมาหามินเฟยทันที แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยสิ่งใดขึ้นเสียงหวานข้างกายก็ดังมาเสียก่อน
“ขอบคุณฮูหยินจางที่เอ่ยเตือนสติข้าน้อย หากเป็นเช่นที่ท่านเอ่ยจริง ท่านแม่ทัพก็คงจะโง่เงาสิ้นดี ที่ยอมทิ้งความสุขในวันข้างหน้าเพื่อสตรีใจง่ายผู้หนึ่งเท่านั้น ข้าได้ยินมาว่าจู่ๆ หญิงผู้นั้นก็รับหมั้นชายอื่น ทั้งที่หมั้นหมายกับท่านแม่ทัพอยู่ เช่นนี้แล้วหากท่านแม่ทัพยังเสียดายนางอีก ก็เห็นทีต้องกินหญ้าแทนลาแล้วกระมัง”
จินเยว่เอ่ยจบก็ส่งยิ้มหวานให้ คนที่กำลังกำมือแน่นเพื่อระบายความโกรธ ต่างจากซือหลางที่ยกยิ้มอย่างพอใจออกมาเมื่อได้ฟังคำพูดของฮูหยินตน ก่อนจะกุมมือเล็กเดินขึ้นชั้นบนเพื่อเลือกดูชุดราคาแพงที่มีแต่คนชั้นสูงส่วมใส่
“ปากคอเราะร้ายจริงนะ จะให้ข้าไปกินหญ้าแทนลาเชียวหรือ ช่างกล้าเหลือเกิน”
“ข้าจะถือว่าท่านชมก็แล้วกันนะท่านแม่ทัพ”
ตากลมเป็นประกายทันทีเมื่อเห็นอาภรณ์ที่แขวนเอาไว้บนราวจำนวนมาก แม้จะอยู่ในฐานะคุณหนูแต่จินเยว่ก็มิเคยมีอาภรณ์ใหม่เช่นพี่สาวในจวน ส่วนมากจะได้รับแต่ของเก่าที่สวมใส่แล้วเท่านั้น
“เลือกเอาชอบแบบไหน ส่วนชุดนี้เอาไว้ใส่เข้าวัง ลองให้ข้าดูหน่อยจะได้รู้ว่าเหมาะสมหรือไม่”
ซือหลางหยิบชุดสีฟ้าอมขาวราวกับท้องฟ้าและเมฆารวมอยู่ด้วยกัน จินเยว่เข้าไปเปลี่ยนชุดตามที่อีกคนบอก โดยมีชิงหมิงตามเข้าไปช่วย
“ฮูหยินไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะใจดีถึงเพียงนี้นะเจ้าคะ”
“ก็แค่ไม่ทำให้ตนเองอับอายเท่านั้นแหละ”
“คิดมากไปแล้วเจ้าค่ะ ตอนที่ฮูหยินตอบกลับสกุลจางท่านแม่ทัพยิ้มออกมาด้วย คงจะชอบใจเป็นแน่ หากยังคงมีใจกับฮูหยินจางคงจะต่อว่าท่านไปแล้ว”
จินเยว่นิ่งคิดตามพี่เลี้ยงแปลกใจไม่ต่างจากอีกคนเช่นกัน ที่เหตุใดแม่ทัพจึงมิขุ่นเคืองเลยแม้แต่น้อย
“ช่างเถอะแค่ทำหน้าที่ข้าก็พอ มีคนว่าร้ายสามีคนเป็นภรรยาก็ต้องปกป้องเท่าที่ทำได้”
ด้านในกำลังแต่งตัว ส่วนด้านนอกองค์ชายห้าเมื่อรู้ว่าสหายอยู่ที่นี่จึงมาหา จึงอดแปลกใจมิได้ว่าแม่ทัพนั่งรอสิ่งใดกันแน่ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถาม ร่างเล็กในชุดสีฟ้าอ่อนก็เดินออกมา
ทำเอาบุรุษทั้งสองต่างก็ตะลึงงันกับภาพที่เห็น ซือ หลางยกยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปหา พร้อมกับปักปิ่นที่ตนเลือกเองให้คนตัวเล็ก
“สวย เหมาะกับเจ้ามาก”
ซือหลางเชยคางอีกคนขึ้นเพื่อสบตาคม ทำเอาฮูหยิน ถึงกับแก้มขึ้นสีระเรื่อจนแม่ทัพหนุ่มอยากสัมผัสเสียตรงนี้
“เดี๋ยวนะ ซือหลางนี่ภรรยาของเจ้าเช่นนั้นหรือ ไหนว่าเป็นสตรีบ้านนอก เหตุใดจึงงดงามราวกับเทพธิดาได้”
ซือหลางดันคนตัวเล็กหลบด้านหลังเมื่อเห็นองค์ชายเดินตรงเข้ามา ทำเอาหยวนเหอถึงกับชะงักเมื่อเห็นสายตาของญาติผู้น้องตนที่จ้องมองอยู่
“ก็ได้ ข้าจะอยู่ห่างๆ หวงขนาดนี้ใครจะกล้าเข้าใกล้”
“จัดการส่งชุดไปที่จวนข้า ส่วนชิงหมิงไปเลือกของเจ้าด้านล่างสักสามสี่ชุด ไปที่ใดกับฮูหยินนางจะได้มิขายหน้า จินหยางพานางลงไป”
ออกคำสั่งจบก็พาคนตัวเล็กไปนั่งริมหน้าต่าง โดยมีหยวนเหอเดินตามมานั่งด้วย แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องสตรีตรงหน้าราวกับไม่เชื่อสายตา
“จินเยว่คนผู้นี้คือองค์ชายห้า”
คนตัวเล็กรีบลุกขึ้นยืนทันที เพื่อจะคำนับผู้ที่อยู่สูงกว่าตน แต่เพราะเร่งรีบจึงทำให้เหยียบชายผ้าจนเกือบล้ม
ดีที่มีมือทั้งสองฝั่งรับเอาไว้ ทันทีที่สัมผัสกับองค์ชายจินเยว่ก็มองเห็นภาพการลอบสังหารที่กำลังจะเกิดขึ้น และดูท่าว่าจะเป็นวันนี้เมื่อมองดูชุดที่อีกคนสวมใส่
“เป็นอะไรหรือเปล่าระวังหน่อย”
“ท่านพี่น้องไม่ชินกับชุดที่ลุ่มล่ามเช่นนี้เจ้าค่ะ”
“คงเพราะเจ้าขาสั้นกระมัง”
จินเยว่หันมาทำหน้ามุ้ยใส่คนตัวโต สีหน้าน้อยใจและคำพูดถูกเอ่ยออกมาทันที
“ใช่สิ ใครจะไปงดงามเท่ากับคนรักเก่าของท่านได้ ขออภัยเพคะองค์ชายจินเยว่ขอตัวลงไปด้านล่างก่อนนะเพคะ ไม่อยากอยู่เห็นหน้าลาโง่”
ซือหลางยกยิ้มพร้อมกับมองภรรยาตัวน้อยเดินลงบรรไดไป หยวนเหอมองหน้าลูกพี่ลูกน้องตน ก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยออกมา
“ผู้ใดคือลาโง่กัน คงไม่ใช่ข้าหรอกนะ”
“กระหม่อมเองพะย่ะค่ะ ที่เป็นลาโง่มาเสียตั้งนาน”
“ห๊า!! เจ้าหรือนางกล้าเรียกเจ้าเช่นนี้เลย แล้วเจ้าก็ไม่โกรธอีกเนี่ยนะ”
“มันก็ถูกแล้วที่นางเรียกเช่นนั้น พระองค์มีอะไรหรือไม่ ถึงได้มาหากระหม่อมถึงนี่”
“เสด็จพ่อรับสั่งให้ข้าไปดูเหมืองแร่ที่ชานเมืองตะวันออก ข้าเลยจะมาชวนเจ้าไปด้วย แต่ดูท่าเจ้าจะไม่ว่างเช่นนั้นข้าไปเองก็ได้”
เอ่ยจบองค์ชายก็เดินลงมาโดยมีซือหลางตามลงมาด้วย หากแต่สายตากลับมองไปที่สตรีตัวเล็ก กำลังยืนเลือกเครื่องประดับอยู่อีกด้าน
“ไปได้แล้วมองภรรยาผู้อื่นมากไม่ดีรู้หรือไม่”
“หวงแล้วสินะ เช่นนี้เจ้าก็มีจุดอ่อนแล้วสิซือหลาง”
คำพูดทิ้งท้ายทำเอาแม่ทัพหนุ่มนิ่งไป ก่อนจะเดินเข้าไปหาภรรยาตนที่ยืนหันหลังมิสนใจใครไปใครมา
“คุณหนูท่านแม่ทัพกำลังเดินมาเจ้าคะ”
“อืม องค์ชายคงไปแล้วสินะ ข้าจะบอกท่านแม่ทัพอย่างไรดีพี่ชิงหมิง”
“คุยอะไรกัน คงมิได้นินทาข้าอยู่หรอกนะ”
ซือหลางเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปหยิบกำไลหยกมาสวมใส่ให้คนตัวเล็ก ทำเอาจินเยว่รีบถดมือหนีทันที
“ทำไมไม่ชอบหรือรังเกียจที่ข้าจะสวมให้”
“น้องไม่ชอบใส่เจ้าค่ะ รู้สึกเหมือนถูกล่ามเอาไว้”
จินเยว่เอ่ยพร้อมกับสีหน้าต่างจากทุกครั้ง มือเล็กสั่นเทาราวกับหวาดกลัวอะไรสักอย่าง ทำให้ซือหลางรีบวางกำไลลงแล้วดึงฮูหยินเข้ามากอดเอาไว้
“หวาดกลัวสิ่งใดบอกข้าได้หรือไม่”
มือเล็กยกขึ้นกำชายผ้าอีกคนแน่น ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแล้วดันคนตัวโตออก ยิ้มหวานผุดขึ้นก่อนจะเอ่ยถามอีกคนราวกับมิมีเรื่องใดเกิดขึ้นก่อนนี้
“องค์ชายเสด็จไปแล้วหรือเจ้าคะ เดินทางเช่นนี้มีองครักษ์มากหรือเปล่า”
“เหตุใดจึงได้ถามถึงบุรุษอื่น ในเมื่อสามีเจ้าอยู่ตรงนี้แท้ๆ หรือคิดจะปั้นใจให้บุรุษรูปงาม”