บท
ตั้งค่า

4. เป็นห่วง

จินเยว่อยู่ที่จวนสกุลลู่จนบ่ายคล้อยก็ขอตัวกลับ และก่อนจะถึงที่หมายก็ได้ให้รถม้าหยุดที่ตลาด เพื่อหาซื้อข้าวของทำอาหารในเย็นนี้

“ขอบคุณพี่จินถง ว่าแต่ท่านแม่ทัพจะกลับมาจวนหรือไม่ ข้าจะได้ทำอาหารเผื่อ”

“เห็นว่าจะค้างที่ค่ายทหารขอรับ แต่ถ้าฮูหยินไม่ อยากนอนผู้เดียวข้าน้อยจะส่งคนไปเรียนท่านแม่ทัพให้”

“ไม่ต้องจะอยู่ที่ค่ายตลอดไปเลยก็ได้ ว่าแต่ค่ายทหารอยู่ไกลหรือไม่”

“ไม่ขอรับเพียงหนึ่งชั่วยามก็ถึงแล้ว”

จินเยว่แค่พยักหน้าเท่านั้นก่อนจะเดินเลือกซื้ออาหาร ไม่นานก็กลับขึ้นรถม้าพร้อมกับเสียงซุบซิบของชาวเมืองเช่นเคย หญิงสาวนึกขันกับคำพูดของผู้คนที่เอ่ยถึงตนและแม่ทัพใหญ่ของแคว้น

“คุณหนูผู้คนในเมืองหลวงปากไวเหลือเกินนะเจ้าคะ เรื่องเกินขึ้นเมื่อเช้ารู้กันทั้งตลาดเลย”

“นั่นสิ ปานนี้ท่านแม่ทัพคงเหมือนกะทะร้อนที่ตั้งไฟแล้วเป็นแน่”

จินเยว่เอ่ยพร้อมกับหัวเราะออกมา มีแค่ชิงหมิงเท่านั้นที่มีสีหน้ากังวล ทำเอาผู้เป็นนายอดขันไม่ได้

“พี่ชิงหมิงกลัวท่านแม่ทัพมาหักคอหรือ มีข้าอยู่ไม่ต้องกลัวหรอกน่า”

“คุณหนูอย่าทำเก่งไปนะเจ้าคะ ชื่อเสียงแง่ลบท่านแม่ทักพมิได้มาเพราะข่าวลือนะ แต่มันคือเรื่องจริงที่ว่าแม่ทัพเป็นคนอำมหิตเลือดเย็น”

“ยิ่งฟังยิ่งน่ากลัว แต่ข้ามิรู้สึกเช่นนั้นหรอก เพราะเชื่อว่าคนประเภทนี้ไม่มีทางร้ายกับคนที่ดีกับตนแน่ และเรามิเคยทำเช่นนั้นกับท่านแม่ทัพใยจะต้องเกรง”

จินเยว่เอ่ยพร้อมกับยิ้มให้พี่เลี้ยงของตน จนกระทั่งกลับมาถึงจวนก็เข้าครัวทำอาหารอย่างที่ชอบทันที ความฝันของสตรีน้อยผู้นี้คือมีร้านอาหารที่เลื่องชื่อ จึงได้คิดค้นการทำอาหารมากมาย และยังทำขึ้นมาได้อย่างเอร็ดอร่อยอีกด้วย

หากแต่ก็มิค่อยมีโอกาสนักยามอยู่เรือนสกุลซู เมื่อมาอยู่ที่นี่มีโอกาสแล้วจึงไม่ยอมอยู่เฉย อาหารน่ากินวางเรียงรายบนโต๊ะ ก่อนจะถูกจัดเข้าใส่กล่องเพื่อให้คนส่งไปยังจวนสกุลลู่และค่ายนอกเมือง

“ฝากพี่จินถงเป็นธุระให้ข้าที หากท่านแม่ทัพไม่ทานก็ให้ทหารในค่ายลองชิมดูก็แล้วกัน”

“ขอรับฮูหยิน เช่นนั้นข้าน้อยจะรีบไปรีบกลับ”

“ไปเถอะระวังตัวด้วย”

จินถงให้คนของตนนำอาหารไปส่งจวนสกุลลู่ ส่วนตนก็ไปส่งให้แม่ทัพเอง เพราะต้องการรายงานเรื่องข่าวลือและงานที่ตนได้รับมอบหมายด้วย

“จินถงเจ้ามารายงานข่าวหรือ แล้วถือสิ่งใดมาด้วย”

“ปิ่นโตของท่านแม่ทัพฮูหยินฝากมาให้”

“ไม่คิดว่าฮูหยินจะช่างเอาใจถึงเพียงนี้ ได้ยินจินหยางเอ่ยว่างดงาม ข้าชักอยากเห็นหน้าเสียแล้วสิ”

“งดงามมิแพ้สตรีในวังหลวงเลยแหละ อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป ข้าเอาอาหารไปให้ท่านแม่ทัพก่อน เดี๋ยวจะทานอย่างอื่นไปเสียก่อน”

จินถงเอ่ยกับนายกองเหรินจบก็เดินเข้าไปในกระโจมผู้เป็นนาย โดยมีจินหยางนั่งอยู่ด้วย

“ท่านแม่ทัพฮูหยินให้นำอาหารมาส่งขอรับ”

ซือหลางขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปยังกล่องใส่อาหาร ก่อนจะหันไปถามถึงเรื่องที่ตนสั่ง

“ทางนั้นเป็นอย่างไรมันเคลื่อนไหวหรือไม่”

“ขอรับ ดูเหมือนว่าจางลั่วหลิงจะส่งคนสนิทเดินทางไปเอง งานนี้คงสำคัญมากถึงได้ยอมให้คนสนิทห่างตัวเช่นนี้”

“จินหยางข้าจะให้เจ้านำคนติดตามไป สืบให้รู้ว่ามันทำอะไรที่เมืองเชียงอัน”

“ขอรับ เช่นนั้นข้าน้อยจะออกเดินทางตอนนี้ มิเช่นนั้นอาจตามไม่ทันก็เป็นได้”

ซือหลางพยักหน้ารับก่อนจะหันมาสนใจกล่องอาหารตรงหน้า จินถงจึงจัดการเอาออกมาตั้งบนโต๊ะ พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้กลิ่น

“เจ้าก็นั่งลงกินด้วยกันสิ ทำมาเยอะเพียงนี้ข้าผู้เดียวจะกินหมดได้อย่างไร”

“ข้าน้อยส่งอาหารแล้วต้องรีบกลับไปดูแลจวนขอรับ”

“กินเถอะเสร็จแล้วข้าจะกลับพร้อมกับเจ้า ข้าไม่ไว้ใจลั่วหลิงวันนั้นดูมันแค้นจินเยว่ไม่น้อย”

“นั่นสิขอรับ สายตาที่มันมองฮูหยินดูอาฆาตไม่น่าวางใจเลยสักนิด ฮูหยินหยามหน้าเช่นนั้นคงต้องคิดเอาคืนเป็นแน่”

จินถงเอ่ยขึ้นอย่างกังวล นั่นจึงทำให้ซือหลางลุกพรวดขึ้นเดินไปหยิบดาบทันที

“เก็บอาหารเข้าที่แล้วตามข้ากลับจวนเดี๋ยวนี้”

เอ่ยจบแม่ทัพหนุ่มก็เดินออกจากกระโจมไปทันที ทิ้งให้คนสนิทเก็บอาหารด้วยท่าทีรนลาน

“รอด้วยขอรับท่านแม่ทัพ”

จินถงหอบหิ้วกล่องอาหารขึ้นหลังม้าควบตามผู้เป็นนาย พร้อมทหารอีกยี่สิบคนที่มุ่งหน้าไปก่อนแล้ว

“ท่านแม่ทัพห่วงฮูหยินมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ”

จินถงเอ่ยขึ้นเสียงเบาเมื่อควบม้าตามมาทัน จินเยว่ทานอาหารเสร็จก็เข้าห้องพร้อมกับปลดอาภรณ์เพื่ออาบน้ำ หญิงสาวผิวพรรณผุดผ่องราวกับไข่มุก หลับตาพริ้มอยู่ในน้ำที่อุ่นกำลังดี บ่อน้ำขนาดใหญ่สมฐานะของจวนแม่ทัพ ทำให้ฮูหยินน้อยมีความสุขจนมิทันสังเกตว่ามีคนบุกรุกเข้ามา

ใครบางคนกำลังแอบซุ่มมองอยู่ที่ริมหน้าต่าง แต่ก็ยังมองมิเห็นผู้ที่อยู่ในน้ำเพราะตอนนี้ ร่างเล็กที่แสนเย้ายวนนั้นตกอยู่ในอ้อมกอดของสามีแล้ว

“เงียบก่อนด้านนอกมีคนแอบดูเจ้าอยู่”

“แอบดูหรือเจ้าคะผู้ใดกันกล้าทำเช่นนี้”

เมื่อเสียงต่อสู้ด้านนอกดังขึ้น จินเยว่โผเข้ากอดอีกคนทันที เพราะอดที่จะตื่นกลัวไม่ได้ ร่างเล็กไร้ซึ่งอาภรณ์ปิดกายตัวสั่นจนเห็นได้ชัด ทำเอาแม่ทัพหนุ่มต้องกอดรั้งไว้อีกครั้ง ไม่นานเสียงด้านนอกก็สงบไป พร้อมกับรายงานจากทหารของตน

“ท่านแม่ทัพจัดการเรียบร้อยหมดแล้วขอรับ”

“ส่งไปที่สำนักตรวจการ ข้าจะไปสอบสวนมันเอง”

ซือหลางออกคำสั่งเสียงดัง ก่อนจะหันไปดึงเอาผ้าวางอยู่ขอบบ่อมาคลุมร่างเล็กพร้อมกับอุ้มขึ้นจากน้ำ ด้วยเนื้อตัวเปียกปอนทั้งคู่ จินเยว่ไม่กล้าแม้จะสบตาอีกคน

“ทุกทีเห็นเก่งเหลือเกิน เหตุใดยามนี้ถึงไม่เอ่ยอันใดเลยสักนิด เก่งไม่จริงสินะ”

“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะจู่ๆ ก็มีคนมาแอบดู ที่นี่จวนแม่ทัพแท้ๆ เหตุใดจึงมีคนเช่นนี้ได้”

“คงเพราะข้ามีศัตรูมาก เจ้าเองอยู่ที่นี่ก็ระวังตัวด้วย”

“อืม ปล่อยข้าได้แล้วมันหนาว”

“ข้ากอดอยู่ยังจะหนาวอีกหรือ”

จินเยว่เงยหน้ามองคนตัวโตก่อนจะก้มหน้าลง ซือ หลางยกยิ้มก่อนจะค่อยๆ วางร่างเล็กให้ยืน

“แต่งตัวเถอะข้าจะออกไปจัดการกับคนที่บุกเข้ามา”

คนตัวเล็กพยักหน้ารับ พร้อมกับเงยมองร่างสูงเดินออกจากห้องไป ไม่นานชิงหมิงก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“ฮูหยินเป็นไรหรือไม่เจ้าคะ”

“ข้าไม่เป็นไรพี่ชิงหมิงท่านแม่ทัพมาช่วยได้ทัน”

“ดีจริงเจ้าค่ะ พี่ก็เป็นห่วงแทบแย่ได้ยินเสียงต่อสู้กันด้านนอกจนมิกล้าออกมา”

“ท่านแม่ทัพมีศัตรูมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ลอบเข้ามาในจวนได้นี่น่าจะไม่ธรรมดาเลยนะ”

“นั่นสิเจ้าคะ อยู่ที่นี่คงจะหาความปลอดภัยไม่ได้เป็นแน่ ขนาดเป็นจวนแม่ทัพใหญ่แท้ๆ ยังมีคนแอบเข้ามาได้อีก ศัตรูรายล้อมเช่นนี้ฮูหยินคงปิดเรื่องนั้นไม่มิดแน่”

“อย่างไรก็ให้ผู้อื่นรู้ไม่ได้ พี่เองก็อย่าได้หลุดปากเอ่ยกับใคร ทำตัวขี้ขลาดไว้เป็นดีที่สุด”

“พี่รู้เจ้าคะ นี่ก็กลัวจนขนลุกซู่ไปหมดแล้ว”

จินเยว่ยกยิ้มให้กับการแสดงของพี่เลี้ยง ก่อนจะเดินออกไปดูด้านนอก ร่องรอยการต่อสู้ยังคงหลงเหลือในสวน ชิงหมิงดึงชายผ้าของผู้เป็นนายไว้เพราะยังตื่นกลัวไม่หาย

“ออกมาทำไม มืดค่ำแล้วกลับไปนอนเสีย”

เสียงดุดังขึ้นทันทีเมื่อเดินมาถึงห้องโถงด้านหน้า จินเยว่มองคนตัวโตพร้อมกับกระบี่ในมือที่เปื้อนเลือด

นัยน์ตาคมหรี่ลงเมื่อเห็นแววตาของคนตัวเล็กจ้องมองกระบี่ในมือไม่วางตา หัวใจแกร่งกระตุกราวกับกำลังหวั่นกลัวบางอย่างอยู่ ยิ่งเห็นท่าทางนิ่งเงียบก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้น ทำเอาผู้ติดตามภายในห้องต่างก็เงียบตาม

“ท่านแม่ทัพจะกลับไปที่ค่ายอีกหรือไม่เจ้าคะ เอ่อข้ามิอยากอยู่ที่นี่ลำพัง”

“ไม่ เจ้ากลับห้องไปเถอะถ้ากลัวก็ให้พี่เลี้ยงนอนเป็นเพื่อนก็ได้ ข้าจะอยู่ห้องข้างๆ”

ซือหลางเอ่ยพร้อมกับเช็ดดาบไปด้วย หากแต่ห่างตาก็เหลือบมองคนตัวเล็กที่เดินกลับห้อง พร้อมกับคนของตนเดินตามไปส่ง ก่อนจะกลับมายังห้องโถงอีกครั้ง

“ดูเหมือนฮูหยินจะกลัวมิน้อยนะขอรับ”

“พรุ่งนี้สั่งคนของเรามาดูแลที่นี่ โดยเฉพาะยามค่ำคืน มันกล้าลงมือเยี่ยงนี้คงมีคนหนุนหลังที่มีอำนาจมากแน่พรุ่งนี้ฮ่องเต้เรียกเข้าเฝ้าเจ้าอยู่ที่นี่ไม่ต้องตามข้าไป”

“ขอรับท่านแม่ทัพ แล้วคืนนี้จะนอนที่ห้องหนังสือจริงๆ หรือขอรับ เหตุใดไม่นอนที่ห้องกับฮูหยิน”

“เจ้าไม่เห็นสายตาที่นางมองข้าหรือ ปานนี้คงลงกลอนแน่นหนากลัวข้าจะเข้าไปนอนด้วยแล้วกระมัง”

“สตรีใดมิหวั่นกลัวเรื่องเช่นนี้บ้างล่ะขอรับ ฮูหยินก็คงไม่ต่างจากคนทั่วไป หากแต่ท่านแม่ทัพแต่งงานกับนางแล้วอย่างไรก็ต้องอยู่รวมเรือน หนีกันไม่พ้นหรอกขอรับ”

“เดี๋ยวนี้เจ้าพูดมากนะจินถง”

ซือหลางเอ่ยขึ้นพร้อมกับเก็บดาบเข้าฝักเช่นเดิม ก่อนจะสั่งให้เตรียมน้ำอาบ แต่ก็ไม่ลืมหันมาทานอาหารที่ยังคงอยู่ในกล่อง พร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย สร้างความประหลาดใจให้กับคนสนิทเป็นอย่างมาก

“อร่อยหรือไม่ขอรับ ดูสีหน้าท่านแม่ทัพมีความสุขเหลือเกินที่ได้ทานอาหารฮูหยินน้อย”

“เจ้าจะลองชิมดูไหมล่ะ”

ซือหลางดันจานส่งให้ลูกน้อง ก่อนจะคีบอาหารใส่ปาก พร้อมกับเติมข้าวอีกถ้วย จินถงเมื่อได้ชิมเพียงนิดก็ขอร่วมวงกับผู้เป็นนายทันที ซึ่งแม่ทัพก็มิได้รังเกียจที่จะร่วมโต๊ะกับคนสนิทเลยแม้แต่น้อย

“อร่อยมากขอรับ ไม่คิดว่าฮูหยินจะมีฝีมือถึงเพียงนี้”

“ข้าจะไปอาบน้ำแล้ว เจ้าก็จัดการที่เหลือไปก็แล้วกัน”

ซือหลางเอ่ยจบก็เดินไปยังห้องอาบน้ำ ทิ้งให้จงเก๋อนั่งมองจานอาหารที่เหลือเพียงอย่างละชิ้นเท่านั้น

“สั่งให้จัดการอย่างไรกัน กินจนไม่เหลือแล้วต่างหาก เช่นนี้จะเรียกข้าน้อยกินด้วยทำไมกัน”

แม้จะเอ่ยออกมาเสียงเบา แต่จินถงก็จัดการอาหารที่เหลือเพียงน้อยนิดจนหมด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel