10. แค่ข่าวลือ
แม่ทัพหนุ่มเอียงคอมองภรรยาตัวน้อยอีกครั้ง ก่อนที่จินเยว่จะหันมาสบตาคม แล้วเอ่ยเสียงหวานออกมาอย่างแผ่วเบา
“ข้ามิอายไม่ว่าจะเป็นเช่นไร แต่ไม่อยากได้ยินผู้คนเอ่ยถึงท่านพี่เช่นนั้นอีก ข้าอาจจะคุมตัวเองไม่อยู่หากมีผู้ต่อว่าท่านมากกว่านี้”
ซือหลางยิ้มอ่อนโยนส่งให้ภรรยาตัวน้อยของตน เมื่อนึกถึงทุกครั้งที่มีคนเอ่ยถึงใบหน้าตน ฮูหยินมักจะตอบโต้กลับไปทุกครั้ง เช่นวันนี้ที่แม้แต่สนมจางก็ยังถูกคนตัวเล็กตอกกลับไปเช่นกัน
“เด็กโง่ ถ้าเจ้าไม่ถอดข้าจะถอดเอง มิมีใครกล้าหัวเราะเยาะข้าหรอก”
จินเยว่เงยหน้ามองสามีทันที ซึ่งมิต่างจากผู้ที่นั่งอยู่ในงานเลี้ยง ยังคงสนใจสามีภรรยาคู่นี้อยู่ เพราะอยากรู้ว่าที่ทำอยู่แค่ฉากบังหน้าหรือไม่
“เจ้าจะทำอะไรแม่ทัพซือหลาง จะถอดหน้ากากเช่นนั้นหรือ เดี๋ยวฮูหยินก็ได้วิ่งหนีออกจากที่นี่หรอก”
จางลั่วหลิงเอ่ยราวกับตะโกนออกมา เพื่อให้คนอื่นนั้นหันมามองตาม แต่มือเรียวก็มิได้สนใจปลดเชือกก่อนจะถอดหน้ากากออก
เผยใบหน้าที่ไร้บาดแผล และนัยน์ตาคมที่จ้องมองสตรีตรงหน้า ซึ่งกำลังจ้องกลับเช่นกัน นิ้วเรียวขาวยกขึ้นลูบแก้มของอีกคน ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ไหนว่ามีแผลใหญ่ ไม่เห็นมีรอยเลยสักนิด”
“ไม่ดีหรือ นั่นมันก็แค่ข่าวลือเท่านั้น”
“อืม เป็นเช่นนี้ก็ดีข้าจะได้มิต้องเอ่ยวาจามิน่ารักออกไปอีก”
“ดีใจแค่เรื่องนั้นหรือ”
ซือหลางเอ่ยพร้อมกับรินเหล้าขึ้นมาดื่ม ก่อนจะหันไปทางที่สกุลจางนั่งอยู่ ทำเอาผู้คนในงานต่างก็ซุบซิบกันอีกครั้ง ถึงใบหน้าที่ยังคงความหล่อเหล่าเช่นเดิมของแม่ทัพ
“เช่นนี้เองฮูหยินน้อยจึงมิตื่นกลัวท่านแม่ทัพ ที่แท้ก็รู้อยู่แล้วแต่ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้”
“นางมิต้องแกล้งหรอก เพราะจินเยว่ก็พึ่งจะได้เห็นใบหน้าข้าจริงๆ ก็วันนี้ ทุกคำที่นางเอ่ยล้วนเป็นสิ่งที่นางทำมาตลอด ซึ่งเจ้าน่าจะรู้ดีนะจางลั่วหลิง”
ซือหลางตอบกลับไปก่อนจะหันมาสนใจคนที่นั่งข้างตน พร้อมกับคีบอาหารส่งให้ไม่ขาด นั่นยิ่งทำให้ลี่เหม่ยยิ่งเกิดอิจฉาขึ้นมาอีก ทั้งยังนึกเสียดายที่ตนคิดผิดเลือกจางชั่วหลิงเป็นสามี มิยอมรอลู่ซือหลางกลับมา
“เหมาะสมกันจริงๆ ชายก็หล่อ หญิงก็งามนะเพคะฝ่าบาท เห็นแล้วปลื้มใจแทนสกุลลู่”
“นั่นสิ คงเป็นเพราะสวรรค์ประทานคนที่คู่ควรให้กับซือ หลางเป็นแน่ ถึงได้มีราชโองการให้ได้แต่งกันเช่นนี้”
ไทเฮาและฮองเฮาต่างก็ออกความคิดเห็นเช่นเดียวกัน
“จริงพะย่ะค่ะ กระหม่อมโชคดีที่ได้ฮูหยินที่งดงามและจิตใจดี มิรังเกียจคำล้ำลือจนยอมแต่งงานด้วย สวรรค์คงผลักคนไม่ดีออกจากชีวิตกระหม่อม เลยเจอกับสตรีที่ล้ำค่าเช่นนี้ได้”
จินเยว่มองหน้าคนตัวโตอย่างไม่เชื่อว่าจะเอ่ยเช่นนี้ออกมาได้ ต่างจากผู้ที่ถูกเอ่ยกระทบ กลับนั่งหน้าซีดราวกับมีไข้สูงก็มิปาน ทั้งโกรธและอับอายพร้อมกัน
“ทำไม ไม่เชื่อที่ข้าพูดหรือ”
“น่าเชื่อเหลือเกินนิเจ้าคะ แต่ละวันมีแต่จะกินหัวข้า”
“ต่อไปจะไม่กินแค่หัวแล้วนะ จะกินทั้งตัวเลย”
“ท่านมันร้ายกาจ แม้กับสตรีก็ไม่เว้น”
แม่ทัพหนุ่มหัวเราะออกมาเพราะอดเอ็นดูภรรยาตัวน้อยที่พอจะซื่อก็ซื่อเหลือเกิน จนแปลความหมายที่ตนเอ่ยไม่ออก ทำเอาผู้คนในงานต่างก็สนใจมิน้อย เพราะเป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่มิเคยเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะนี้
“ดูซือหลางสิท่านพี่ มีความสุขถึงเพียงนี้ ข้าดีใจเหลือเกินได้เห็นลูกยิ้มได้อีกครั้ง”
“นั่นสิ เป็นเพราะจินเยว่ผู้เดียวจากนี้หวังว่าชีวิตของเจ้าจะมีความสุขจริงๆ เสียทีนะ”
ผู้เป็นบิดามารดาจ้องมองบุตรชายและสะใภ้ที่ส่งสายตาให้กันราวกับมีเพียงแต่ทั้งคู่เท่านั้นที่อยู่ในงานนี้ แต่อีกฝ่ายกลับลุกออกจากที่นั่ง เพราะมิอยากเห็นความสุขของศัตรู
ภายในสวนของวังหลวง ลั่วหลิงยืนคุยอยู่กับคนสนิทของตน
“งานที่ข้าให้เจ้าไปทำได้ความว่าอย่างไร”
“เป็นไปตามแผนขอรับ ดูเหมือนว่าจะเป็นไปอย่างที่คิดจริงๆ สตรีที่นั่งอยู่ในงานเป็นบุตรีอนุของใต้เท้าซู”
“หึ ถ้านางรู้ว่าแม่ทัพที่ต้องแต่งงานด้วยมิได้มีบาดแผลอย่างที่คิด เจ้าว่านางจะอยากเป็นฮูหยินแม่ทัพหรือไม่ รู้ใช่ไหมว่าต้องทำเช่นไร”
“ขอรับใต้เท้า ข้าจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”
หาญเหล่าเอ่ยก่อนจะเดินออกจากสวนเพื่อเดินทางไปยังเมืองเชียงไห่ โดยมีจินถงยืนมองก่อนจะเข้าไปรายงานผู้เป็นนาย
“ดูเหมือนมันคิดจะทำอะไรอีกแล้วขอรับ จะให้ข้าน้อยตามไปหรือไม่”
“เจ้าพาคนไปด้วยก็แล้วกัน ระวังตัวให้มาก”
ซือหลางเอ่ยกับคนสนิท ก่อนจะหันมาสนใจฮูหยิน ของตนอีกครั้ง แต่จินเยว่กลับดึงมือของจินถงเอาไว้ ทำเอาสามีถึงกับมองตาเขียว
“พี่จินถง ตอนกลับอย่ามาเส้นทางเดิมนะ จำที่ข้าเอ่ยให้ดีอย่าลืมเด็ดขาด”
เมื่อได้ยินคนตัวเล็กเอ่ยเช่นนั้นแม่ทัพก็รีบถามขึ้นทันที
“เหตุใดเจ้าถึงพูดเช่นนี้”
“ข้าหวังดี อย่ากลับทางเดิมพี่และสหายจะปลอดภัย รีบไปเถอะเดี๋ยวจะตามคนผู้นั้นไม่ทัน”
จินถงหันกลับมามองหน้าผู้เป็นนาย ก่อนที่อีกคนจะพยักหน้าให้
แล้วจึงเดินออกจากงานเลี้ยงไป แต่ซือหลางก็ยังคงจ้องมองภรรยาอยู่เช่นเดิม
“ข้าค่ดูดวงให้พี่จินถงเท่านั้น ท่านหวงหรือ”
“ข้าไม่ชอบให้เจ้าอยู่ใกล้ใคร”
“ข้าก็ไม่ชอบอยู่ใกล้ผู้อื่นเช่นกัน เว้นแต่คนที่เป็นห่วงเท่านั้น”
“หมายความว่าเช่นใดกัน เจ้ามีใจให้จินถงงั้นหรือ”
ตากลมหันกลับมาทำตาดุใส่คนตัวโตทันที
“อะไรของท่านเนี่ยะ เมื่อครู่ยังชมข้าเป็นสตรีที่เพรียบพร้อมอยู่เลย บัดนี้จะหาเรื่องข้าเสียแล้ว”
“ก็เจ้าเอ่ยเองว่าเป็นห่วง จะไม่ให้ข้าคิดได้เช่นไร”
“ท่านคือแม่ทัพที่ผู้คนกล่าวขานว่าโหดเหี้ยมเลือดเย็นจริงหรือ ใยจึงทำหน้าราวกับแมวรออาหารเช่นนี้”
จินเยว่เอ่ยก่อนจะหันหน้าหนี ทำเอาซือหลางแปลกใจว่ากลายเป็นตนที่ผิดเช่นนั้นหรแต่ก็มิวายที่จะถามให้แน่ชัด
“ตกลงเจ้าจะบอกได้หรือยัง”
“อยากคิดเช่นไรก็คิดไปเถอะ ข้าจะกลับพร้อมท่านพ่อท่านแม่แล้ว”
จินเยว่รีบลุกเดินไปหามารดาสามีทันที ซือหลางจึงรีบลุกตามไป
“จะกลับกันแล้วหรือท่านพ่อท่านแม่”
“ใช่ ดึกมากแล้วเจ้าสองคนก็ควรกลับได้แล้วนะ”
“ลูกก็กำลังจะกลับแล้วขอรับ ก่อนนี้เข้าไปทูลลาไทเฮาและฝ่าบาทแล้ว”
“เช่นนั้นเราก็ออกไปพร้อมกันเถอะ”
ทั้งหมดเดินออกมาจากงานเลี้ยง ก็เห็นว่าสกุลจางเดินออกมาเช่นกัน ทำให้ต้องเผชิญหน้ากันอีกครั้ง แต่ก็มิมีฝ่ายได้จะเอ่ยทักทายกันอย่างที่ควรจะเป็น
“ไปส่งท่านพ่อท่านแม่ที่จวนก่อน แล้วค่อยกลับ”
“ขอรับท่านแม่ทัพ”
รถม้าเคลื่อนออกจากวังหลวงก็มาถึงจวนแม่ทัพ หลังจากส่งบุพการีถึงจวนแล้ว เมื่อลงจากรถม้าได้จินเยว่ก็รีบเข้าห้องโดยมีสามีเดินตามไม่ห่าง
“ท่านแม่ทัพจะนอนที่นี่หรือเจ้าคะ”
“ข้าก็นอนที่นี่หลายคืนแล้ว เหตุใดเจ้าถึงถามอีก”
เมื่ออีกคนตอบแบบนั้นจินเยว่จึงเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดด้านใน ซือหลางนั่งมองฉากกั้นที่เผยให้เห็นทรวดทรงของคนตัวเล็กเพียงเงา ยิ้มร้ายผุดขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างเล็กที่กำลังสวมอาภรณ์อยู่
“อะ ท่านแม่ทัพจะทำอะไรปล่อยข้าเลยนะ”
“อยากเข้าหอกับเจ้าแล้ว แต่งงานกันมาเกือบเดือนแล้ว ยังมิได้เข้าหอกันเลยนะ”
“ข้ามีรอบเดือน และรู้สึกปวดท้องมากด้วย”
ซือหลางจับคนตัวเล็กหันกลับมา พอเห็นใบหน้าที่เริ่มซีดเพราะเหมือนกำลังมีไข้ก็รีบอุ้มไปที่เตียงทันที
“เหตุใดถึงไม่บอกก่อนนี้ฮึ”
“ก็เห็นท่านสนุกอยู่กับงานเลี้ยง เลยมิอยากขัด”
“เด็กโง่ ต่อไปเป็นอะไรต้องบอกข้ารู้หรือไม่”
“ข้าอยากได้น้ำขิง ท่านช่วยเรียกพี่ชิงหมิงให้ที”
“ได้ ข้าจะให้นางต้มให้ รอนนี้นะ”
แม่ทัพวางภรรยาลงบนเตียงแล้วรีบออกไป ซือหลางหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมกับน้ำขิงที่ขึ้นไอร้อนพร้อมกลิ่นหอม ทำเอาจินเยว่อดที่จะแปลกใจมิได้
“นี่ท่านแม่ทัพรอเอาน้ำขิงมาเองเลยหรือเจ้าคะ”
“มิใช่แต่รอนะเจ้าคะ ท่านแม่ทัพถามวิธีทำแล้วก็ยืนมองอยู่เช่นนั้น บอกหากต่อไปฮูหยินปวดอีกจะได้รู้วิธีดูแล”
เมื่อได้ยินพี่เลี้ยงเอ่ยเช่นนั้น จินเยว่ก็อดที่จะเอ็นดูสามีผู้ที่ใครๆ ต่างก็ว่าโหดเหี้ยมนี้ไม่ได้
“เจ้าสองคนอย่าได้เอ่ยเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะสั่งโบยให้หนัก”
ชิงหมิงและจินหยางต่างก็หันมองหน้ากัน พร้อมกับรีบออกจากห้องไปทันที
“อุ่นกำลังดี เจ้ารีบดื่มเถอะจะได้ดีขึ้น”
จินเยว่รับถ้วยน้ำขิงขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะตามด้วยยาที่ชิงหมิงเตรียมไว้ให้ ซือหลางหันมาประคองภรรยาลงนอน
“ข้ามิเป็นอันใดมากท่านแม่ทัพ อย่าทำราวกับข้าปว่ยหนักเยี่ยงนี้เลย”
“ข้าได้ยินว่าสตรียามที่ปวดรอบเดือน มักจะแตกต่างกัน ข้าเห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ก็อดสงสารไม่ได้”
“นอนเถอะเจ้าค่ะ”
เมื่อฮูหยินเอ่ยเช่นนั้นแม่ทัพจึงรีบทำตามทันที ร่างสูงห่มผ้าให้ภรรยาก่อนจะเดินไปดับไฟ แล้วขึ้นมานอนข้างๆ
“เอาไว้หายแล้วคอยเข้าหอกันนะ”