9. ต้องเชื่อฟังสามี
หย่งอวี้มองดูท่าทางของคนตัวเล็กที่ยังลังเลอยู่ นางต้องมีเรื่องปิดบังเอาไว้แน่ และมันต้องเกี่ยวกับเรื่องที่ผู้คนล่ำลือกัน
“บอกมา ข้าจะพิจารณาเอง” ใบหน้าก็ยังอยู่ห่างแค่คืบ
“พูดไปท่านก็หาว่าข้าบ้าอยู่ดี” ตัดพ้อเสียงเหนื่อย ดวงตาสวยหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด นางไม่แม้แต่จะมองหน้าคนถาม มือเรียวจึงยกขึ้นเชยคางมนให้เงยขึ้นสบตากัน
“ยามนี้ข้าเป็นสามีเจ้า หน้าที่ข้าคือปกป้องเจ้า สกุลเผยจะรุ่งเรืองหรือล่มจมก็ขึ้นอยู่กับเราแล้ว ฉะนั้นมีสิ่งใดเป็นปัญหาเจ้าต้องเอ่ยมันออกมา มิเช่นนั้นเราจะผ่านมันไปได้เช่นไร” คนฟังถึงกับนิ่งไป ไม่คิดว่าสามีหมาด ๆ จะเอ่ยวาจาเช่นนี้ได้
“ท่านกินสิ่งใดผิดไปหรือไม่ ไยถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ ก่อนหน้านี้ท่านแทบจะเอาชีวิตข้าด้วยซ้ำ” นางมองหน้าเขาราวกับจะจับผิด หาจุดบกพร่องที่เขาอาจจะเผลอแสดงออกมา
“หึหึ ข้าก็แค่พยายามทำความเข้าใจกับเจ้า ในเมื่อเจ้าไม่ได้เสียสติ เราก็น่าจะตกลงกันได้ไม่ใช่หรือ” บอกไปตามจริง เมื่อเขาแน่ใจแล้วว่าภรรยาตัวน้อยมิได้เสียสติอย่างที่รู้กัน
“เช่นนั้นท่านก็ขยับออกไปสิ” ว่าพร้อมกับดันอกเขาออก ทว่าร่างสูงไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย และยังคงยืนคร่อมโน้มตัวลงมาเช่นเดิม ใบหน้างามจึงรีบหันหนีเขาอีกรอบ
หย่งอวี้เผยยิ้มชอบใจ คราแรกที่เห็นใบหน้านี้ เขาก็ว่านางงามแล้ว แต่พอใกล้กันมากขึ้น บางสิ่งก็ยิ่งดึงดูดให้เขาไม่อยากออกห่าง และยังฉวยโอกาสกอดรัดเอาไว้อีก
“ข้าเป็นสามีเจ้าลืมแล้วหรือ ใกล้แค่นี้จะเป็นไรไป นอนทับอยู่บนตัวยังได้เลย” ว่าพร้อมกับดันร่างเล็กนอนราบลงบนพื้นโต๊ะ แล้วทาบทับมาดื้อ ๆ ทำเอาคนใต้ร่างถึงกับไปไม่เป็น ยิ่งไปกว่านั้นบางสิ่งมันกำลังตื่นตัวขึ้นมาด้วย
“คนลามก คนชีกอถอยออกไปนะ” ต่อว่าเขาทันที มือไม้จะปัดป้องก็ทำไม่ได้เพราะถูกรวบไว้บนหัว ช่วงขายิ่งแล้วใหญ่ ถูกช่วงตัวเขาแทรกกลางลงมาอย่างตั้งใจ
“ชีกอตรงไหน ข้าจะเข้าหอกับฮูหยินตนเองมันผิดด้วยหรือ” ว่าไปเรื่อย ทำเอาใจดวงน้อยถึงกับเต้นรัวจนเขาสัมผัสได้
“อื้อ…พี่หย่งอวี้ ข้ากลัวแล้ว อย่ารังแกข้าเลยนะ” ออดอ้อนเขาทันที เพราะเกรงคนตัวโตจะทำอย่างที่พูด
“หึหึ บอกมาก่อนว่าเจ้าแกล้งเสียสติทำไม” ถามในสิ่งที่สงสัย ซึ่งตัวเขาก็ยังทาบทับบนตัวนางอยู่ มือนั้นก็ซุกซนลูบไปมาบริเวณเนินเขา ทำเอาคนใต้ร่างถึงกับสะดุ้งเฮือก “ว่าอย่างไร ถ้าไม่บอก ข้าจะทำตรงนี้นะ” ขู่ด้วยเสียงอ่อน ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับไปไม่เป็น ไม่คิดว่าสามีตนจะเจ้าเล่ห์เพียงนี้
“ไม่พูด ดูท่าคงอยากมีหลานให้ท่านแม่แล้วกระมัง” สิ้นคำริ้มฝีปากหนาก็เผยยิ้มร้ายใส่ ก่อนจะกระตุกเชือกผูกเอวนางออก
“อ๊ะ…อย่านะ…ข้าบอกแล้ว บอกแล้ว” ร้องเสียงหลงเมื่อสามีจอมหื่น แหวกเสื้อของตนออกจนเผยให้เห็นซับในสีชมพู
“ว่ามาสิ” ปากเอ่ยแต่มือเขาไม่ได้หยุดแม้แต่น้อย ยังคงเขี่ยชายเสื้อออกทีละนิด นัยน์ตาคมก็จ้องมองใบหน้างาม ซึ่งยามนี้ขึ้นสีเรื่อน่าจับฟัดยิ่งนัก “ไม่พูดเช่นนั้นพี่ทำแล้วนะ”
“ข้าไม่ใช่จ้าวซือซือ นางตายไปตั้งแต่ปลิดชีพตนที่สระน้ำในเรือนแล้ว ข้ามาจากยุคอื่น ซึ่งอยู่ห่างที่นี่นับพันปี ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร บอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ จ้าวซือซือนางเสียสติอยู่แล้ว พอข้ามาอยู่ในร่างนาง คำพูดข้ามันก็ไม่ต่างจากคนบ้าที่กล่าววาจาไปเรื่อย แต่ทุกคำที่ข้าเอ่ยล้วนแต่จริงทั้งนั้น ข้าไม่ใช่คนในยุคนี้ ข้าไม่ใช่คนในยุคนี้จริง ๆ ” ประโยคหลังดูเศร้ายิ่งนัก
“ข้าให้โอกาสพูดความจริงแล้ว แต่เจ้าก็ยังสร้างเรื่องอีกหรือ” ยังมิวายตำหนิ มือเรียวกระชากซับในของนางออกทันที เพื่อเป็นการสั่งสอนว่าอย่าพูดปดต่อหน้าเขา เนินเขาขาวอวบเด้งผึ่งออกมาปรากฎต่อหน้า ใต้เท้าหนุ่มวัยยี่สิบแปดถึงกับนิ่งงัน
“ฮึก! คนใจร้าย ข้าบอกความจริงไปหมดแล้ว ท่านจะเอาสิ่งใดอีก หากข้าเสียสติจริงท่านมันก็คนชั่วช้าเลวทราม รังแกได้แม้แต่คนไม่มีทางสู้ ฮึก ฮื่อฮื่อ” ต่อว่าเขาเสียงเครือ
คนตัวโตถึงกับชะงักงัน เขาทำเกินไปจริง ๆ แม้นางจะเป็นภรรยาอย่างถูกต้อง แต่เขาก็ไม่ควรทำเช่นนี้
“ขะ ขอโทษ อย่าร้องนะ” ปลอบเสียงอ่อน พร้อมกับจับชายผ้าขึ้นมาปิดสองเต้าให้ ทว่าสายตาเขามันก็ยังจ้องอยู่ที่เม็ดไตสีแดงสด ซึ่งล่อตาล่อใจเป็นอย่างมาก
ซือซือตัวสั่นเทาจนหย่งอวี้ต้องรั้งนางขึ้นมานั่งแล้วกอดปลอบเสียแนบชิด มันยิ่งกระตุ้นให้เลือดในกายเขาสูบฉีด เมื่ออกอวบนั้นแนบติดอยู่กับแผงอกของเขา
“หากอยากให้ข้าเชื่อ มีสิ่งใดพิสูจน์กันล่ะ” ว่าพร้อมกับลูบแผ่นหลังนางแผ่วเบา ในใจเขาอยากทำอย่างอื่นมากกว่า
เงียบไม่มีเสียงตอบ เพราะคนตัวเล็กยังตกใจกับการกระทำของเขา ซึ่งไม่คิดว่าสามีจะเป็นคนร้ายกาจถึงเพียงนี้
“โกรธมากหรือ ข้าเป็นสามีเจ้านะอย่าลืม” เขาก็ยังคงยืนกอดปลอบนางอยู่เช่นนั้น แต่คำที่เอ่ยล้วนแต่เข้าข้างตนเอง
“แต่ท่านไม่คิดว่าข้าเป็นภรรยา และไม่ได้ยกย่องอย่างที่ควรจะเป็น ท่านอายที่แต่งกับข้า เหตุใดต้องมาเกลือกกลั้วกับข้า”
ต่อว่าเขาโดยที่ใบหน้าก็ยังซุกอยู่ที่อกแกร่ง หย่งอวี้จึงได้แต่เผยยิ้มบาง ก้มลงมองไหล่มนที่กำลังสั่นไหวเพราะแรงสะอื้น
“ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าคิดเช่นนั้น ข้าก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ใครจะอยากมีฮูหยินเสียสติกันล่ะ หรือเจ้าอยากมีสามีนิสัยเหมือนเจ้าในอดีต” ย้อนถามเสียงทุ้ม ก่อนจะดันร่างเล็กออกจากตัวเล็กน้อย แล้วหยิบเอาซับในมาคล้องผูกให้ตามเดิม
“ข้าทำเองได้” กระแทกเสียงใส่ทันที เมื่อเห็นสายตาเขา
“อย่าดื้อ สามีมองนิดมองหน่อยจะเป็นไรไป” ว่าพร้อมกับบีบมือลงที่เต้าอวบ จนคนตัวเล็กถึงกับร้องครางเสียงหลง
“เสียงหวานเชียว” ยังมิวายเย้าให้ได้อาย
“เผยหย่งอวี้ ท่านมันร้ายกาจนัก”
“หึหึ เอาน่า ข้าไม่เป็นเช่นนี้กับคนอื่นหรอก ข้าก็ทำกับภรรยาข้าคนเดียวเท่านั้น เจ้าเบาใจได้” บอกราวกับคนตัวเล็กจะภูมิใจที่เขาไม่ทำเช่นนี้กับสตรีอื่น มันควรยินดีงั้นหรือ
“เชิญเถอะ ข้าไม่สน” บอกแล้วก็หันหนีสายตาคมดุที่จ้องมอง ยามนี้เขากำลังผูกเชือกที่เอวให้ตามเดิม
“ซือซือ ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ ข้าไม่ใช่บุรุษมากรัก มีเจ้าเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะดีหรือบ้าข้าก็จะปกป้องเจ้า ที่สำคัญเจ้าแต่งเข้ามาแล้วก็ต้องมีทายาทให้ข้า เพราะฉะนั้นเลี่ยงไม่ได้ที่ข้าจะต้องนอนกับเจ้า รีบทำใจเสีย คงอีกไม่นานนี้หรอก” ยังวนมาหาเรื่องบนเตียง ซึ่งคิดถึงยามใดใจแกร่งก็เต้นรัว ไม่เคยคิดว่าตนจะต้องการมากเพียงนี้ แค่ได้เห็นเต้างามของภรรยาตัวน้อย ด้านล่างก็ตื่นขึ้นมาพร้อมรบเสียแล้ว
“คนชีกอ คนหื่น อ๊ะ อื้อ” เสียงหายเมื่อริมฝีปากอิ่มถูกประกบลงอย่างตั้งใจ ปล่อยไว้นางคงได้ต่อว่าเขาอีกหลายคำ ต้องสั่งสอนให้รู้เสียบ้างว่าเป็นภรรยาต้องเคารพสามีเยี่ยงไร
มือเล็กยกขึ้นทุบไหล่แกร่ง ซึ่งมันไม่เป็นผลสักนิดเมื่อสามีกอดรัดนางเอาไว้แน่น และยังตรึงท้ายทอยไม่ให้หันหนีอีก กว่าเขาจะผละออกริมฝีปากอิ่มก็บวมเจ่อเสียแล้ว
“อย่าดื้ออีก สามีบอกสิ่งใดต้องเชื่อฟัง มิเช่นนั้นจะโดนมากกว่านี้รู้หรือไม่” ว่าพร้อมกับกดจูบหนัก ๆ ลงอีกรอบ
#หึหึ ทำเป็นขู่ อย่าให้เห็นว่าตามใจเมียนะใต้เท้า