10. ปากว่ามือถึง
ดวงตาสวยมองขวางใส่สามีซึ่งเขายังคงยืนคร่อมนางไม่ขยับ พร้อมกันนั้นเขายังเอาแต่จ้องริมฝีปากนางอีก
“หิวแล้ว” หาทางออกโดยการอ้างเรื่องกิน
“หิวสิ่งใดล่ะ” ยังมิวายแกล้งภรรยาของตนต่อ
“หย่งอวี้! ท่านจะรังแกข้าไปถึงไหน” แหวใส่เสียงดัง
“ฮ่าฮ่า ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะสั่งให้คนหาอาหารมาให้ อ่อ แล้วเรียกให้มันดีดี ท่านพี่ ไม่ใช่นามเฉย ๆ เช่นนี้”
“ชิ! ข้าจะเรียกเช่นนี้ใครจะทำไม” ว่าแล้วก็ลอยหน้าใส่
“อยากถูกข้าจับกินก็เรียกอีกสิ” ครานี้คนตัวเล็กถึงกับหน้าเจื่อน เมื่อใบหน้าคมคายขยับเข้าใกล้อีก
“รู้แล้ว ถอยออกไปนะ” ยกมือขึ้นดันไว้ทันที
“หึ แต่งตัวให้เรียบร้อยเสีย ประเดี๋ยวจะให้จางหย่าเอาอาหารเข้ามาให้ ค่ำ ๆ ค่อยกลับเรือนพร้อมกัน” บอกแล้วก็ขยับตัวถอยออกมายืน มือเรียวยกขึ้นยีหัวนางเบา ๆ การกระทำนี้ช่างอ่อนโยนยิ่งนัก ทำเอาภรรยาตัวน้อยถึงกับงงงวย
‘อารมณ์ไหนของเขาเนี่ยะ ตกลงจ้าวซือซือเป็นบ้าหรือเผยหย่งอวี้กันแน่ที่เป็น ผีเข้าผีออก เป็นใบโพล่าหรือไง’ นึกต่อว่าอีกฝ่ายในใจ เมื่อเขาเดินไปเปิดประตู แล้วสั่งงานกับคนของตน คงไม่พ้นเรื่องที่เอ่ยกับนางเมื่อครู่กระมัง
“คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ชิงหลิวรีบเดินมาตรวจดูร่างกาย พอเห็นริมฝีปากบวมก็หมายจะท้วง
“ฮูหยินน้อยเรียกให้ถูก พานายเจ้าไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร นี่มันโต๊ะทำงานข้า เกะกะ” ว่าพร้อมกับโบกมือไล่
ซือซือหันขวับกลับมาหาเขาทันที ‘ชิ! ใครกันที่พามา สักวันเถอะแม่จะจัดหนักให้พูดไม่ออกเลย’ นึกในใจหมายจะเอาคืนสามีผู้ร้ายกาจ ที่ดีแต่ข่มเหงรังแกตน
หย่งอวี้ยกยิ้มที่มุมปากอย่างชอบใจ มองตามร่างเล็กที่เดินกระฟัดกระเฟียดไปนั่งหันหลังให้เขา ก่อนจะเดินมานั่งทำงานตรวจสอบคดีที่ยังคงค้างคาอยู่ ซึ่งมันเป็นงานเก่าที่หัวหน้าคนก่อนสืบค้างไว้ และยังหาต้นตอผู้บงการไม่ได้ก็มาถูกฆ่าตาย ทำให้หย่งอวี้ขึ้นมารับตำแหน่งแทนและยังคงตามสืบต่อ
“ใต้เท้าคนร้ายที่จับมาได้ตายแล้วขอรับ” จางหย่าเดินเข้ามารายงานผู้เป็นนาย ซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านข้อมูลการสืบสวน ทำให้คนที่นั่งรออาหารรีบหันมาฟังด้วย
“อะไรนะ ปล่อยให้มันทำได้เยี่ยงไร ข้าสั่งแล้วมิใช่หรือว่าให้คุ้มกันมันให้ดี กว่าจะหาตัวมันเจอไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตายไปเช่นนี้จะสืบต่อได้เยี่ยงไร” อารมณ์คุกรุ่นเริ่มมาเมื่อได้ยินว่าคนร้ายที่ตามหามานานนับเดือนตายเสียแล้ว
“เจ้ากลับเรือนไปก่อน บอกท่านแม่ด้วยคืนนี้ข้าอาจจะกลับช้า หรือไม่ก็พรุ่งนี้” เดินมาบอกภรรยาตนที่นั่งมองเขาตาปริบ ๆ ซือซือพยักหน้ารับพร้อมกับมองสามีเดินออกจากห้องทำงาน สีหน้าเขาดูร้อนใจเป็นอย่างมาก
“เรากลับกันเถอะ” กล่าวกับสาวใช้แล้วก็เดินออกมาหน้าห้อง ซึ่งมีคนในหน่วยรอส่งนางตามคำสั่งหัวหน้า
“ทางนี้ขอรับ” สตรีทั้งสองเดินไปยังรถม้าซึ่งจอดรออยู่ด้านข้างของหน่วย สายตาของชายฉกรรจ์นับสิบยังคงจับจ้องมาที่นาง เพราะไม่รู้ว่าสตรีผู้นี้เป็นใครกันแน่ หากจะว่าเป็นฮูหยิน ของหัวหน้า ก็ไม่น่าจะใช่ นางดูเหมือนคนสติดีไม่ได้เพี้ยนอันใด
“คุณหนู อ๊ะ! ฮูหยินน้อย เมื่อครู่เกิดอันใดขึ้นในห้องหรือเจ้าคะ เหตุใดท่าทางของใต้เท้าถึงเปลี่ยนไป” ถามทันทีเมื่อขึ้นรถม้ามาแล้ว ซือซือหันมายิ้มให้สาวใช้ก่อนตอบ
“เขาคงคิดว่าข้าไม่ได้บ้ากระมัง ก็เลยอยากทำดีด้วย” เอ่ยให้คนสนิทฉงนหนักกว่าเดิม เพราะถ้อยคำเช่นนี้คนเสียสติไม่น่ากล่าวออกมาได้ เหมือนคำประชดมากกว่า
ชิงหลิวได้แต่ยิ้มแห้ง ครั้นจะถามว่าผู้เป็นนายหายบ้าแล้วหรือ ก็เกรงจะถูกทุบตีเช่นแต่ก่อน ครั้นไม่ถามความสงสัยก็แน่นอก อยากเอ่ยให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เพราะจ้าวซือซือไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด มีสติและยังเฉลียวฉลาดปากเก่งอีกต่างหาก
“ทำหน้าเช่นนี้คงอยากรู้ว่าข้าหายบ้าหรือยังสินะ ชิงหลิว ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่ใช่จ้าวซือซือ นางตายไปตั้งแต่จมน้ำครานั้น ส่วนข้าคืออีกคนที่อยู่ต่างยุค เจ้าอยู่กับนางมานาน หลายสิ่งหลายอย่างต่างออกไป ข้าคิดว่าเจ้าสัมผัสได้ ข้าไม่ใช่นาง และที่สำคัญข้าไม่ได้เสียสติ ข้าไม่กลัวใคร และยังไม่ยอมคนด้วย เพราะฉนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลว่าข้าจะสร้างเรื่อง หากใครดีกับข้า ข้าก็จะดีกับเขา แต่ถ้าร้ายมา ข้าจะเพิ่มให้อีกหลายเท่าตัว” เอ่ยจบก็ยิ้มแป้นใส่สาวใช้ซึ่งทำหน้าตื่นอีกหน
ก่อนนั้นชิงหลิวไม่ค่อยเชื่อนักว่าผู้เป็นนายจะตายไปแล้ว แต่ยามนี้นางเชื่อมากกว่าครึ่ง ตั้งแต่เห็นการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดของจ้าวซือซือ ยามถูกจับเป็นตัวประกัน
“ชะ เช่นนั้น ท่านก็มาจากที่อื่นจริง ๆ ปะ เป็นผีหรือเจ้าคะ” ขยับถอยห่างทีละนิด ใบหน้าเริ่มซีดเผือดเมื่อคิดได้เช่นนี้
“หึหึ กลัวข้าหรือ” แสร้งทำเสียงเย็นใส่สาวใช้ อีกฝ่ายจึงยิ้มแหยส่งมา “ผีก็ต้องไม่มีตัวตนสิ จะจับต้องได้เช่นนี้หรือ ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามาอยู่ในร่างนี้ได้ยังไง ลืมตาตื่นมาก็เป็นคนอื่นไปแล้ว”
น้ำเสียงนั้นเศร้าหม่นอย่างเห็นได้ชัด ชิงหลิวจึงขยับกายเข้ามาใกล้ตามเดิม พร้อมกับยื่นมือออกมากุมมือผู้เป็นนายไว้
“มีชีวิตอีกครั้งก็ดีไม่ใช่หรือเจ้าคะ คุณหนูข้าน้อยเสียอีกไม่รู้อยู่ที่ใด คงไม่ได้ไปอยู่ในร่างท่านอีกโลกหรอกนะเจ้าคะ” บอกอย่างที่คิด คนฟังจึงได้แต่ยิ้มให้
“ไม่หรอก ก่อนนั้นข้าจำได้ว่าเกิดอุบัติเหตุ ร่างข้าไม่สามารถกลับไปคงสภาพของมนุษย์ได้อีกแล้ว นางไม่มีทางเกิดใหม่ในร่างข้าได้หรอก” เอ่ยในสิ่งที่จำได้
ถ้าร่างตนในยุคปัจจุบันฟื้นขึ้นมาได้คงประหลาดน่าดู คอก็หัก แขนขาก็ผิดรูป ไม่มีทางจะกลับมามีชีวิตได้อีกเป็นแน่ คาดว่าเจ้าของร่างคงไปสู่ภพภูมิอื่นแล้ว เพราะจ้าวซือซืออยากตายจึงได้ปลิดชีพตนเอง
ต่างจากเธอที่เกิดอุบัติเหตุเพราะรถอีกฝั่งพุ่งมาชน ถึงแม้ตอนนั้นเธอจะเมาแต่ก็มีสติอยู่บ้าง และไม่ได้เป็นคนขับเองด้วยพอตายวิญญาณก็ออกจากร่าง จึงทันได้เห็นสภาพของตัวเอง
“เอาเถอะ คนเรามีเวรกรรมที่ต้องชดใช้ ข้าเองก็เช่นกัน ไม่รู้ทำสิ่งใดไว้กับใครถึงได้มาอยู่ในร่างนี้” บอกอย่างที่คิด
“อย่าเสียใจเลยนะเจ้าคะ” ปลอบผู้เป็นนายซึ่งนั่งเหม่อ
“เสียใจงั้นหรือ มันผ่านมาแล้วล่ะ” เอ่ยโดยไม่ได้หันกลับมาหาคนพูด ยามนี้นางกำลังนึกถึงแฟนหนุ่มในยุคปัจจุบัน ซึ่งหักหลังความรักของเธออย่างเลือดเย็น เพียงเพราะซือซือในยุคนั้นไม่ยอมให้เขาแตะต้องมากกว่าจูบและกอด ไม่เคยมีอะไรเกินเลยนอกจากนั้นสักครั้ง ทั้งที่คบกันมานานนับแปดปี
อีกฝ่ายจึงแอบไปมีความสัมพันธ์กับเพื่อนเธอจนกระทั่งตั้งท้อง เรื่องมันถึงได้แดงขึ้นมา สุดท้ายก็ต้องจบความรักนี้ลง โดยที่เขาก็ยังพร่ำบอกว่ารักเธอมากเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แปดปีไม่มีความหมายเลยสักนิด เพียงเพราะเธอไม่ยอมนอนกับเขาก่อนวันแต่งงาน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทั้งคู่เคยตั้งใจตั้งแต่คบกัน สุดท้ายฝ่ายชายก็ทนไม่ได้ ออกไปหาเศษหาเลยกับเพื่อนเธอจนเกิดปัญหา
วันนี้ไรท์ไปหาหมอตามนัด ตรวจพบเนื้องอกขนาด 3 กับ 4 เซนที่ปากมดลูก ชิ้นเนื้อที่หมอเอาไปตรวจมีสีดำคล้ำมาก และไรท์เองมีเชื้อ HPV อยู่ ซึ่งมันคือเชื้อมะเร็ง
ไม่ต้องห่วงนะคะ ถ้าผลสรุปออกมาเป็นหรือไม่เป็นก็ช่าง ถ้าสามารถตัดได้ ไรท์จะตัดออกเลย เพราะทรมานกับการมีประจำเดือนมาก หวังว่ามันจะไม่ได้ลุกลามจนตัดไม่ได้
ดูแลสุขภาพกันนะคะทุกคน